คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 272

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 557 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามลำดับคำพิพากษา: คืนทรัพย์สินก่อนชำระราคา
คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้จำเลยคืนรถแทรกเตอร์ หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา 150,000 บาท ในการบังคับคดีจะต้องอาศัยคำพิพากษาเป็นหลักแห่งคำบังคับ ดังนั้น จึงต้องดำเนินการบังคับคดีก่อนหลังกันไปตามลำดับดังที่ระบุไว้ในคำพิพากษา เมื่อจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาโดยวิธีคืนรถแทรกเตอร์แก่โจทก์จึงเป็นการปฏิบัติตามลำดับของคำพิพากษาแล้ว โจทก์จะเลือกวิธีการเรียกร้องให้จำเลยชำระราคารถแทรกเตอร์แก่โจทก์โดยจำเลยไม่ตกลงด้วยไม่ได้ แม้รถ-แทรกเตอร์จะมีสภาพใช้งานไม่ได้ โจทก์เสียหายอย่างไรก็จะต้องไปว่ากล่าวเอาแก่จำเลยเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 378/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษา: จำเลยปฏิบัติตามลำดับคำพิพากษาแล้ว โจทก์ไม่อาจเลือกวิธีการเรียกร้องอื่น
คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้จำเลยคืนรถแทรกเตอร์หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคา150,000บาทในการบังคับคดีจะต้องอาศัยคำพิพากษาเป็นหลักแห่งคำบังคับดังนั้นจึงต้องดำเนินการบังคับคดีก่อนหลังกันไปตามลำดับดังที่ระบุไว้ในคำพิพากษาเมื่อจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาโดยวิธีคืนรถแทรกเตอร์แก่โจทก์จึงเป็นการปฏิบัติตามลำดับของคำพิพากษาแล้วโจทก์จะเลือกวิธีการเรียกร้องให้จำเลยชำระราคารถแทรกเตอร์แก่โจทก์โดยจำเลยไม่ตกลงด้วยไม่ได้แม้รถแทรกเตอร์จะมีสภาพใช้งานไม่ได้โจทก์เสียหายอย่างไรก็จะต้องไปว่ากล่าวเอาแก่จำเลยเป็นอีกเรื่องหนึ่งต่างหาก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2701/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษา ศาลมีอำนาจสั่งให้ถือคำพิพากษาแทนเจตนาจำเลยได้หากไม่ปฏิบัติตาม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์โดยให้โจทก์ชำระเงินค่าที่ดินที่เหลือแก่จำเลย หากจำเลยไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ ก็ให้คืนเงินมัดจำกับค่าเสียหายแก่โจทก์ดังนั้น ในการบังคับคดีจำเลยจึงต้องปฏิบัติการชำระหนี้ต่อโจทก์ตามลำดับของคำพิพากษา โดยจำเลยต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์ก่อน จำเลยจะเลือกวิธีการคืนเงินมัดจำกับชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งที่จำเลยยังสามารถโอนที่ดินให้แก่โจทก์ได้โดยโจทก์ไม่ตกลงด้วยหาได้ไม่ เมื่อศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาตามคำของโจทก์ซึ่งขอให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษา หากจำเลยไม่ปฏิบัติก็ให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที และให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาแล้วแต่จำเลยไม่ปฏิบัติ ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจที่จะสั่งให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลยได้ เพราะเป็นคำสั่งเกี่ยวเนื่องกับการบังคับคดีเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้นกรณีจึงมิใช่เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นต้องมีคำสั่งในเวลาที่ออกคำบังคับด้วยว่า หากจำเลยไม่ยอมโอนที่ดินให้แก่โจทก์ ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย และมิใช่เป็นเรื่องแก้ไขเพิ่มเติมคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2701/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการชำระหนี้ตามคำพิพากษา: โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินก่อนชำระค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์โดยให้โจทก์ชำระเงินค่าที่ดินที่เหลือแก่จำเลย หากจำเลยไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์ ก็ให้คืนเงินมัดจำกับค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนั้น ในการบังคับคดีจำเลยจึงต้องปฏิบัติการชำระหนี้ต่อโจทก์ตามลำดับของคำพิพากษา โดยจำเลยต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้แก่โจทก์ก่อน จำเลยจะเลือกวิธีการคืนเงินมัดจำกับชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งที่จำเลยยังสามารถโอนที่ดินให้แก่โจทก์ได้ โดยโจทก์ไม่ตกลงด้วยหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2419/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษา ต้องออกคำบังคับแจ้งหนี้ก่อน จึงจะออกหมายบังคับคดีได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 272 วรรคหนึ่งและมาตรา 276 วรรคหนึ่ง หากจะมีการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลจะต้องมีการออกคำบังคับเพื่อให้โอกาสจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งภายในกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก่อนหากจำเลยยอมปฏิบัติตามคำบังคับก็ไม่จำต้องออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับคดี แต่หากจำเลยไม่ยอมปฏิบัติ จึงจะมีการออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับคดีแก่จำเลยต่อไป คดีนี้เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ขอออกคำบังคับและส่งให้จำเลยทราบแล้วแต่จำเลยยื่นอุทธรณ์และได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ หลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้วไม่ปรากฏว่าได้มีการออกคำบังคับเพื่อแจ้งให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อยังไม่ได้ออกคำบังคับแจ้งให้จำเลยทราบเพื่อให้โอกาสจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก่อน ย่อมจะออกหมายบังคับคดีเพื่อบังคับคดีแก่จำเลยอันเป็นการขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าวไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2419/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ต้องออกคำบังคับแจ้งจำเลยก่อน เพื่อให้โอกาสปฏิบัติตาม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี และออกคำบังคับให้จำเลยทราบจำเลยอุทธรณ์และได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้วศาลชั้นต้นต้องออกคำบังคับให้จำเลยทราบเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ก่อน หากจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามจึงจะมีการออกหมายบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 276วรรคแรก ต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4705/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษาถึงที่สุด: ไม่อาจเปลี่ยนแปลงวิธีการบังคับคดีได้
ศาล พิพากษา ถึงที่สุด และ กำหนด วิธีการ บังคับคดี ตาม คำพิพากษา แล้ว จึง ไม่อาจ จะ เปลี่ยน หรือ กำหนด วิธีการ บังคับคดี ใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4704/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วิธีการบังคับคดีตามคำพิพากษาถึงที่สุด การเปลี่ยนแปลงวิธีการบังคับคดี
ศาลพิพากษาถึงที่สุด และกำหนดวิธีการบังคับคดีตามคำพิพากษาแล้วจึงไม่อาจจะเปลี่ยนหรือกำหนดวิธีการบังคับคดีใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3794/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีชอบด้วยกฎหมายเมื่อจำเลยรับรองภูมิลำเนาในคำให้การและไม่คัดค้านการบังคับคดีทันที
การส่งคำบังคับให้จำเลยโดยปิดคำบังคับตามภูมิลำเนาที่ปรากฏในคำให้การของจำเลย และบันทึกคำให้การพยานที่จำเลยมาให้การเป็นพยานซึ่งเป็นการยอมรับว่าจำเลยยังมีภูมิลำเนาตรงตามที่โจทก์ระบุในฟ้องนั้น เป็นการปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 272 ประกอบมาตรา 79 โดยชอบแล้ว จำเลยไม่ปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำบังคับ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งออกหมายบังคับคดีแจ้งเจ้าพนักงานบังคับคดีตามมาตรา 276 เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงมีอำนาจหน้าที่ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งภาค 4 ลักษณะ 2 บัญญัติไว้ เมื่อปรากฏว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีได้ยึดทรัพย์ที่ดินของจำเลยมีรายงานการยึดทรัพย์ ประกาศการขายทอดตลาดโดยประกาศหนังสือพิมพ์ มีการซื้อทรัพย์สินคือที่ดินดังกล่าว และศาลชั้นต้นได้มีหนังสือแจ้งนายอำเภอซึ่งเป็นเจ้าพนักงานผู้รับผิดชอบดำเนินการโอนสิทธิครอบครองในที่ดินให้ผู้ซื้อ และโจทก์ได้รับเงินชำระหนี้บางส่วนแล้วตามลำดับ การบังคับคดีเฉพาะทรัพย์สินรายนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นลงไม่ปรากฏว่าจำเลยยื่นคำร้องคัดค้านการกระทำของเจ้าพนักงานบังคับคดีก่อนหน้านั้นต่อศาลชั้นต้นแต่อย่างไร การที่จำเลยยื่นคำร้องภายหลังว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการบังคับคดีทรัพย์สินรายนี้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1652/2534 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีต้องมีคำบังคับชัดเจน การบังคับคดีต่อบริวารต้องมีสิทธิบังคับคดีโดยชอบ
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษาให้จำเลยและบริวารรื้อย้ายสิ่งปลูกสร้างออกจากที่พิพาทให้จำเลยทราบแล้ว แต่มิได้ออกคำบังคับให้จำเลยและบริวารปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกา ดังนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยและบริวารไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ โจทก์จะขอบังคับคดีต่อผู้ร้องซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นบริวารของจำเลยยังไม่ได้ ปัญหาเรื่องสิทธิในการบังคับคดีเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ผู้ร้องมิได้กล่าวไว้ในคำคัดค้านก็ยกขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์ฎีกาได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225,249.
of 56