คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 272

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 557 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2772/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การที่ทนายจำเลยทราบคำพิพากษาและคำบังคับผ่านเสมียนทนายที่ได้รับมอบฉันทะ ถือว่าจำเลยทราบโดยชอบ
ทนายจำเลยทราบวันนัดฟังคำพิพากษาแล้วในวันนัดได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายมารับทราบคำสั่งศาล เมื่อศาลได้อ่านคำพิพากษาให้ฟังและบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณาว่าให้บังคับคดีภายใน15 วัน และเสมียนทนายได้ลงชื่อในรายงานฯ นั้นแล้วถือว่าทนายจำเลยซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยได้ทราบคำพิพากษาและคำบังคับนั้นโดยชอบแล้ว จึงถือได้ว่าจำเลยก็ได้ทราบคำพิพากษาและคำบังคับนั้นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2772/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับทราบคำพิพากษาผ่านทนายและเสมียนทนาย: ผลผูกพันต่อจำเลย
ทนายจำเลยทราบวันนัดฟังคำพิพากษาแล้วในวันนัดได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายมารับทราบคำสั่งศาล เมื่อศาลได้อ่านคำพิพากษาให้ฟังและบันทึกในรายงานกระบวนพิจารณา ว่าให้บังคับคดีภายใน15 วัน และเสมียนทนายได้ลงชื่อในรายงานฯ นั้นแล้วถือว่าทนายจำเลยซึ่งเป็นตัวแทนของจำเลยได้ทราบคำพิพากษาและคำบังคับนั้นโดยชอบแล้ว จึงถือได้ว่าจำเลยก็ได้ทราบคำพิพากษาและคำบังคับนั้นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามข้อตกลงใหม่: สิทธิในการเลือกวิธีการบังคับคดีเป็นสิทธิของคู่ความ
ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า โจทก์ทั้งสองมีสิทธิในที่นาพิพาท 2 ใน 3 ส่วน ให้จำเลยไปยื่นขอแบ่งยกที่นาให้แก่โจทก์ทั้งสอง หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย แต่โจทก์จำเลยไม่อาจตกลงแบ่งแยกที่นาพิพาทได้ จึงไปตกลงต่อหน้าศาลชั้นต้นซึ่งทำหน้าที่บังคับคดี โดยแถลงขอให้ดำเนินการยึดที่นาพิพาทมาขายทอดตลอดแล้วแบ่งเงินกันตามส่วน ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการกำหนดการบังคับคดีด้วยวิธีใหม่ ซึ่งชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 จนศาลชั้นต้นรับรู้และรับบังคับให้แล้ว ก็ต้องเป็นไปตามข้อตกลงนั้น เพราะการบังคับคดีเป็นเรื่องที่แล้วแต่ใจสมัครของโจทก์จำเลย การที่โจทก์ทั้งสองแถลงศาลใหม่ยอมแบ่งที่นาพิพาท โดยให้สิทธิจำเลยเลือกเอาส่วนใดก็ได้ แต่จำเลยมิได้ตกลงด้วยนั้น ไม่เป็นเหตุให้ข้อตกลงที่โจทก์จำเลยให้ดำเนินการยึดที่นาพิพาทขายทอดตลาดแล้วแบ่งเงินกันตามส่วนต้องเปลี่ยนแปลงไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 39/2524

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามข้อตกลงของคู่ความ: สิทธิในการเลือกวิธีการบังคับคดีและการเปลี่ยนแปลงข้อตกลง
ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่า โจทก์ทั้งสองมีสิทธิใน ที่นาพิพาท 2 ใน 3 ส่วน ให้จำเลยไปยื่นขอแบ่งแยกที่นาให้แก่โจทก์ทั้งสอง หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย แต่โจทก์จำเลย ไม่อาจตกลงแบ่งแยกที่นาพิพาทได้ จึงไปตกลงต่อหน้า ศาลชั้นต้นซึ่งทำหน้าที่บังคับคดี โดยแถลงขอให้ดำเนินการ ยึดที่นาพิพาทมาขายทอดตลาดแล้วแบ่งเงินกันตามส่วน ข้อตกลงดังกล่าวเป็นการกำหนดการบังคับคดีด้วยวิธีใหม่ ซึ่งชอบด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1364 จนศาลชั้นต้นรับรู้และรับบังคับให้แล้ว ก็ต้องเป็นไป ตามข้อตกลงนั้นเพราะการบังคับคดีเป็นเรื่องที่แล้วแต่ใจสมัคร ของโจทก์จำเลย การที่โจทก์ทั้งสองแถลงศาลใหม่ยอม แบ่งที่นาพิพาท โดยให้สิทธิจำเลยเลือกเอาส่วนใดก็ได้ แต่จำเลยมิได้ตกลงด้วยนั้น ไม่เป็นเหตุให้ข้อตกลงที่โจทก์ จำเลยให้ดำเนินการยึดที่นาพิพาทขายทอดตลาดแล้วแบ่ง เงินกันตามส่วนต้องเปลี่ยนแปลงไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2532/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีต่อทายาทหลังจำเลยเสียชีวิต และสิทธิในการบังคับคดีภายในกำหนดเวลา
ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยรับเงินและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมด้วยตึกแถวให้แก่โจทก์ จำเลยถึงแก่กรรมในระหว่างการบังคับคดี หน้าที่และความรับผิดย่อมตกทอดแก่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 14999, 1600 ไม่ใช่เป็นเรื่องคดีค้างพิจารณาอันจะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42, 44 ดังนั้น ศาลชั้นต้นจึงอาจออกคำบังคับแก่ผู้จัดการมรดกของจำเลยได้โดยไม่ต้องออกหมายเรียกหรือมีคำสั่งให้ผู้จัดการมรดกของจำเลยเข้ามาเป็นคู่ความแทนจำเลยเสียก่อนแต่อย่างใด
การที่โจทก์ขอให้บังคับคดีหลังจากคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว 7 ปีเศษ เป็นการขอให้บังคับคดีภายในกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยขอปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์ก่อนโจทก์แถลงขอให้ออกคำบังคับ โจทก์ย่อมมีสิทธิกระทำได้โดยไม่ต้องให้ผลประโยชน์หรือดอกเบี้ยแก่จำเลยเพราะคำพิพากษามิได้กล่าวไว้เช่นนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2532/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีหลังจำเลยเสียชีวิต ทายาทรับผิดชอบหนี้ตามคำพิพากษา และสิทธิโจทก์ในการบังคับคดีภายในกำหนด
ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้จำเลยรับเงินและโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมด้วย ตึกแถวให้แก่โจทก์ จำเลยถึงแก่กรรมในระหว่างการบังคับคดี หน้าที่และ ความรับผิดย่อมตกทอดแก่ทายาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1599,1600ไม่ใช่เป็นเรื่องคดีค้างพิจารณาอันจะต้องปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42,44 ดังนั้นศาลชั้นต้น จึงอาจออกคำบังคับแก่ผู้จัดการมรดกของจำเลยได้โดยไม่ต้อง ออกหมายเรียกหรือมีคำสั่งให้ผู้จัดการมรดกของจำเลยเข้ามาเป็นคู่ความแทนจำเลยเสียก่อนแต่อย่างใด
การที่โจทก์ขอให้บังคับคดีหลังจากคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว 7 ปีเศษ เป็นการขอให้บังคับคดีภายในกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยขอปฏิบัติการชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์ก่อนโจทก์แถลงขอให้ออกคำบังคับ โจทก์ย่อมมีสิทธิกระทำได้โดยไม่ต้องให้ผลประโยชน์หรือดอกเบี้ยแก่จำเลยเพราะคำพิพากษามิได้ กล่าวไว้เช่นนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติตามคำพิพากษา: จำเลยต้องไถ่ถอนจำนองก่อนชำระค่าสินไหมทดแทน
ตามคำพิพากษาอันดับแรกที่ให้จำเลยไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทโอนให้แก่โจทก์โดยรับเงินจากโจทก์นั้นไม่ปรากฏว่าเพราะเหตุใดจำเลยจึงไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาในอันดับแรกนี้เสียก่อน จำเลยกลับรีบนำเงินค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษาอันดับหลัง มาวางต่อศาล ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ใกล้เคียงกับจำนวนเงินที่จำเลย จำนองไว้กับธนาคารในระหว่างที่ศาลชั้นต้นยังมิได้ออกคำบังคับแสดงว่าจำเลยสามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาอันดับแรกได้และก็ไม่ปรากฏว่าธนาคารผู้รับจำนองมีเหตุขัดข้องไม่ยอมให้จำเลยไถ่ถอนการจำนองแต่ประการใด การกระทำของจำเลยจึงชวนให้สงสัยว่าน่าจะเป็นการหลีกเลี่ยงเพื่อจะไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนของคำพิพากษาตั้งแต่อันดับแรกเป็นต้นไปตามลำดับ จำเลยจึงไม่มีสิทธิ เลือกปฏิบัติชำระเงินค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยตามคำพิพากษา อันดับหลัง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2569/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความไม่ถือเป็นการขยายเวลาไถ่ และการแก้ไขสัญญาไม่จำเป็นต้องจดทะเบียน
การตกลงกันกำหนดเวลาไถ่ทรัพย์สินกันใหม่โดยการทำสัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อเลิกคดีที่พิพาทกันอยู่ในศาล ไม่ถือว่าเป็นการขยายเวลาไถ่ในภายหลังตามความหมายของมาตรา 496 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และการทำความตกลงกันใหม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาไถ่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความแม้จะได้กระทำหลังจากกำหนดเวลาตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีคำพิพากษาตามยอมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นการขยายเวลาไถ่ในภายหลังตามความหมายของมาตราดังกล่าวดุจกันและข้อตกลงในประการหลังนี้ เป็นแต่การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาประนีประนอมยอมความไม่นับว่าเป็นข้อตกลงส่วนหนึ่งของสัญญาขายฝากอสังหาริมทรัพย์อันจะต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ในกรณีที่มิต้องบังคับคดีโดยทางเจ้าพนักงานบังคับคดี ก็มิใช่เรื่องที่จะต้องออกหมายบังคับคดีเสียก่อน เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ ศาลก็มีอำนาจสั่งจับกุมและกักขังจำเลยได้ทีเดียว (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 452/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2569/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตกลงใหม่หลังสัญญาประนีประนอมยอมความ ไม่ถือเป็นการขยายเวลาไถ่ทรัพย์สินตามกฎหมาย
การตกลงกันกำหนดเวลาไถ่ทรัพย์สินกันใหม่โดยการทำสัญญาประนีประนอมยอมความเพื่อเลิกคดีที่พิพาทกันอยู่ในศาล ไม่ถือว่าเป็นการขยายเวลาไถ่ในภายหลังตามความหมายของมาตรา 496 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และการทำความตกลงกันใหม่แก้ไขเปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาไถ่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แม้จะได้กระทำหลังจากกำหนดเวลาตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งมีคำพิพากษาตามยอมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นการขยายเวลาไถ่ในภายหลังตามความหมายของมาตราดังกล่าวดุจกันและข้อตกลงในประการหลังนี้ เป็นแต่การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสัญญาประนีประนอมยอมความไม่นับว่าเป็นข้อตกลงส่วนหนึ่งของสัญญาขายฝากอสังหาริมทรัพย์อันจะต้องจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ในกรณีที่มิต้องบังคับคดีโดยทางเจ้าพนักงานบังคับคดี ก็มิใช่เรื่องที่จะต้องออกหมายบังคับคดีเสียก่อน เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำบังคับ ศาลก็มีอำนาจสั่งจับกุมและกักขังจำเลยได้ทีเดียว (อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 452/2491)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1226/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับคดีตามคำพิพากษา: ลำดับการแบ่งทรัพย์สินก่อนขายทอดตลาด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งบ้านพิพาทออกเป็น 4 ส่วน หากไม่อาจทำได้ก็ให้เอาบ้านพิพาทออกขายทอดตลาด ได้เงินสุทธิเท่าใดให้แบ่งกันตามส่วน การบังคับคดีย่อมอาศัยคำพิพากษาเป็นหลักแห่งคำบังคับ ดังนั้นจึงต้องดำเนินการบังคับคดีก่อนหลังกันไปตามลำดับ เมื่อการแบ่งบ้านพิพาทไม่อาจกระทำได้ก็ต้องขายทอดตลาดบ้านพิพาทตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยจะขอวางเงินแล้วขอให้ศาลมีคำสั่งถอนการยึดโดยโจทก์ไม่ยินยอมด้วยไม่ได้
of 56