คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ.2524 ม. 56

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 59 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4658/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำวินิจฉัยคชก.มีผลผูกพัน-บังคับได้ตามกฎหมาย หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามศาลต้องพิพากษาตาม
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมประจำตำบล (คชก. ตำบล) ซึ่งชี้ขาดว่าการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่าง ง. กับจำเลยไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ ให้โจทก์มีสิทธิซื้อที่ดินพิพาทจากจำเลยได้ในราคา 65,000 บาท คำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลดังกล่าวเป็นที่สุดแล้วเนื่องจากจำเลยมิได้อุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลต่อ คชก. จังหวัด พ.ร.บ. การเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ มาตรา 56โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องต่อศาล และในการพิจารณาของศาลให้ถือว่าคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลเป็นคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการโดยให้นำบทบัญญัติว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการใน ป.วิ.พ. มาใช้บังคับแก่การพิจารณาพิพากษาตามคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบล โดยอนุโลม ทั้งนี้ ตามมาตรา 58 แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าว และตามป.วิ.พ. มาตรา 221 ซึ่งใช้บังคับอยู่ในขณะที่ คชก. ตำบลมีคำวินิจฉัย และขณะที่โจทก์ยื่นฟ้อง ถ้าศาลเห็นว่าคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการขัดต่อกฎหมายประการใดประการหนึ่ง ให้นำบทบัญญัติวรรคสุดท้ายแห่ง มาตรา 218 มาใช้บังคับ คือศาลมีอำนาจทำคำสั่งปฏิเสธไม่ยอมพิพากษาตามคำชี้ขาดนั้น ดังนี้ เมื่อโจทก์ฟ้อง จำเลยอาจให้การว่าคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลดังกล่าวขัดต่อกฎหมายได้ แต่คดีนี้จำเลยหาได้ให้การเช่นนั้นไม่ และปรากฏว่าคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลเป็นคำวินิจฉัยตรงตามประเด็นที่โจทก์ฟ้อง คำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลจึงเป็นคำวินิจฉัยที่ไม่ขัดต่อกฎหมายและศาลย่อมต้องพิพากษาไปตามคำชี้ขาดนั้น.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3612/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิซื้อคืนที่ดินเช่าเมื่อมีการโอนกรรมสิทธิ์ และหน้าที่ชำระค่าเช่าของผู้เช่า
ขณะที่ผู้ให้เช่าได้ขายนาพิพาทให้จำเลยนั้น พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ยังมีผลใช้บังคับอยู่ การที่ผู้ให้เช่านาพิพาทไม่ได้มีหนังสือแจ้งการขายนาพิพาทให้โจทก์ผู้เช่านาพิพาททราบ เป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวโจทก์จึงมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยในราคาและตามวิธีการชำระเงินที่ผู้ให้เช่าได้ขายให้แก่จำเลยนั้นได้
คดีนี้เกิดขึ้นก่อนพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 จะมีผลใช้บังคับ จึงไม่อาจนำบทบัญญัติตามมาตรา 54วรรคสอง มาตรา 56 และมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับได้
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 และพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 29 สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์หรือการเช่านาย่อมไม่ระงับไปเพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินหรือนาที่ให้เช่า และผู้รับโอนจะต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่า กล่าวโดยเฉพาะย่อมมีสิทธิเรียกเอาค่าเช่าจากผู้เช่า โจทก์ผู้เช่านาจึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่านาให้แก่จำเลยผู้รับโอนนาพิพาท
ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้ฟ้องภายในกำหนดเวลาที่โจทก์จะต้องใช้สิทธิซื้อนาคืนนั้น ปรากฏว่าจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ในข้อนี้ไว้แม้ศาลล่างทั้งสองจะวินิจฉัยในปัญหาข้อนี้ให้ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3612/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิผู้เช่านาเมื่อมีการขายที่ดิน - การซื้อคืน และหน้าที่ชำระค่าเช่า
ขณะที่ผู้ให้เช่าได้ขายนาพิพาทให้จำเลยนั้น พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ยังมีผลใช้บังคับอยู่ การที่ผู้ให้เช่านาพิพาทไม่ได้มีหนังสือแจ้งการขายนาพิพาทให้โจทก์ผู้เช่านาพิพาททราบเป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว โจทก์จึงมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยในราคาและตามวิธีการชำระเงินที่ผู้ให้เช่าได้ขายให้แก่จำเลยนั้นได้ คดีที่เกิดขึ้นก่อนพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 จะมีผลใช้บังคับ ไม่อาจนำบทบัญญัติตามมาตรา 54 วรรคสองมาตรา 56 และมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 และพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 29 สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์หรือการเช่านาย่อมไม่ระงับไปเพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินหรือนาที่ให้เช่า และผู้รับโอนจะต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ขอผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่า โจทก์ผู้เช่านาจึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่านาให้แก่จำเลยผู้รับโอนนาพิพาท ข้อที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้ฟ้องภายในกำหนดเวลาที่โจทก์จะต้องใช้สิทธิซื้อนาคืนนั้น ปรากฏว่าจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ในข้อนี้ไว้ แม้ศาลล่างทั้งสองจะวินิจฉัยในปัญหาข้อนี้ให้ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3612/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิซื้อคืนนาเมื่อผู้ให้เช่าขายทอดตลาด/โอนกรรมสิทธิ์ และหน้าที่การชำระค่าเช่าของผู้เช่า แม้มีการโอนกรรมสิทธิ์
ขณะที่ผู้ให้เช่าได้ขายนาพิพาทให้จำเลยนั้น พระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 ยังมีผลใช้บังคับอยู่ การที่ผู้ให้เช่านาพิพาทไม่ได้มีหนังสือแจ้งการขายนาพิพาทให้โจทก์ผู้เช่านาพิพาททราบ เป็นการไม่ปฏิบัติตามมาตรา 41 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวโจทก์จึงมีสิทธิซื้อนาพิพาทคืนจากจำเลยในราคาและตามวิธีการชำระเงินที่ผู้ให้เช่าได้ขายให้แก่จำเลยนั้นได้ คดีนี้เกิดขึ้นก่อนพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 จะมีผลใช้บังคับ จึงไม่อาจนำบทบัญญัติตามมาตรา 54วรรคสอง มาตรา 56 และมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวมาใช้บังคับได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 และพระราชบัญญัติควบคุมการเช่านา พ.ศ. 2517 มาตรา 29 สัญญาเช่าอสังหาริมทรัพย์หรือการเช่านาย่อมไม่ระงับไปเพราะเหตุโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินหรือนาที่ให้เช่า และผู้รับโอนจะต้องรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนซึ่งมีต่อผู้เช่า กล่าวโดยเฉพาะย่อมมีสิทธิเรียกเอาค่าเช่าจากผู้เช่า โจทก์ผู้เช่านาจึงมีหน้าที่ต้องชำระค่าเช่านาให้แก่จำเลยผู้รับโอนนาพิพาท ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้ฟ้องภายในกำหนดเวลาที่โจทก์จะต้องใช้สิทธิซื้อนาคืนนั้น ปรากฏว่าจำเลยมิได้ให้การต่อสู้ในข้อนี้ไว้แม้ศาลล่างทั้งสองจะวินิจฉัยในปัญหาข้อนี้ให้ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่วินิจฉัยให้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายที่ดินเช่าเกษตรกรรมต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย คชก. ก่อนฟ้องร้อง
การฟ้องขอให้ผู้รับโอนโอนนา หรือที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่นซึ่งมีพระราชกฤษฎีกาควบคุมให้แก่ผู้เช่าโดยอ้างว่าผู้ให้เช่าขายไปโดยมิได้แจ้งให้ผู้เช่าทราบนั้น ผู้เช่าจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายเสียก่อนกล่าวคือต้องมีการร้องขอต่อ คชก.ตำบลเพื่อวินิจฉัยก่อน หากไม่พอใจคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลก็ต้องอุทธรณ์ต่อไปยัง คชก.จังหวัดเมื่อ คชก.จังหวัดวินิจฉัยแล้วยังไม่เป็นที่พอใจ จึงจะมีสิทธิฟ้องคดีได้ เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าบรรยายฟ้องแต่เพียงว่าโจทก์ขอซื้อจากจำเลย จำเลยไม่ยอมขายโจทก์ก็มาฟ้องทันทีโดยมิได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายบังคับไว้เช่นนี้ ชอบที่จะยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1547/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อที่ดินที่เช่าทำเกษตร: ผู้เช่าต้องปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายก่อนฟ้อง
การฟ้องขอให้ผู้รับโอนโอนนา หรือที่ดินเพื่อประกอบเกษตรกรรมประเภทอื่นซึ่งมีพระราชกฤษฎีกาควบคุมให้แก่ผู้เช่าโดยอ้างว่าผู้ให้เช่าขายไปโดยมิได้แจ้งให้ผู้เช่าทราบนั้นผู้เช่าจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายเสียก่อนกล่าวคือต้องมีการร้องขอต่อคชก.ตำบลเพื่อวินิจฉัยก่อนหากไม่พอใจคำวินิจฉัยของคชก.ตำบลก็ต้องอุทธรณ์ต่อไปยังคชก.จังหวัดเมื่อคชก.จังหวัดวินิจฉัยแล้วยังไม่เป็นที่พอใจ จึงจะมีสิทธิฟ้องคดีได้เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้เช่าบรรยายฟ้องแต่เพียงว่าโจทก์ขอซื้อจากจำเลยจำเลยไม่ยอมขายโจทก์ก็มาฟ้องทันทีโดยมิได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายบังคับไว้เช่นนี้ชอบที่จะยกฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินเกษตรกรรมต้องแจ้งล่วงหน้า 1 ปี ก่อนสิ้นสุดสัญญา และการอุทธรณ์คำวินิจฉัย คชก.
พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ มาตรา 56 วรรคท้ายมีความหมายว่า การที่ คชก. จังหวัดมีมติกลับคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลประการใดแล้ว ไม่เป็นเหตุที่คู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียในการเช่านาจะฟ้องคชก.ตำบล หรือคชก.จังหวัดเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดดังกล่าวแต่มาตรา 57 ยังเปิดโอกาสให้มีการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดต่อศาลได้อีกเพื่อให้ศาลได้พิจารณาคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดต่อไปยังมิได้ยุติเป็นที่สุด ดังนั้นฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงเป็นเรื่องการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดในเรื่องการเช่านาตามที่กฎหมายให้สิทธิไว้
ตามมาตรา 37 การบอกเลิกการเช่านาจะมีผลก็ต่อเมื่อผู้ให้เช่านาได้บอกเลิกเป็นหนังสือและต้องให้ผู้เช่านาทราบล่วงหน้าก่อนสิ้นระยะการเช่าตามมาตรา 26 (หกปี) เป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปี เมื่อข้อเท็จจริงโจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์บอกเลิกการเช่านาให้จำเลยทราบเมื่อปี พ.ศ. 2524 ระยะเวลาการบอกเลิกสัญญาของโจทก์จึงมีผลครบกำหนดระยะเวลาหนึ่งปีในปี พ.ศ. 2525 แต่โจทก์จำเลยรับกันว่าโจทก์ให้จำเลยเช่าเมื่อเดือนพฤษภาคม 2518 การทำนาเริ่มทำในเดือนพฤษภาคม ดังนั้นระยะเวลาเช่านาจะสิ้นระยะเวลาครบ 6 ปีตามมาตรา 26 ในเดือนพฤษภาคม 2524 การบอกเลิกการเช่านาของโจทก์ในปี พ.ศ. 2524 จึงคำนวณได้ไม่ถึงหนึ่งปีก่อนสิ้นระยะการเช่าของจำเลยการบอกเลิกสัญญาเช่าของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยมาตรา 37 การเช่านาระหว่างโจทก์จำเลยจึงยังไม่สิ้นสุดลงตามข้อวินิจฉัยของ คชก.จังหวัด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 915/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินเกษตรกรรม ต้องแจ้งล่วงหน้า 1 ปี ก่อนหมดสัญญา หากไม่เป็นไปตามกฎหมาย สัญญาเช่ายังไม่สิ้นสุด
พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมฯ มาตรา 56 วรรคท้ายมีความหมายว่าการที่ คชก.จังหวัดมีมติกลับคำวินิจฉัยของ คชก. ตำบลประการใดแล้วไม่เป็นเหตุที่คู่กรณีหรือผู้มีส่วนได้เสียในการเช่านาจะฟ้องคชก.ตำบล หรือคชก.จังหวัดเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดดังกล่าวแต่มาตรา 57 ยังเปิดโอกาสให้มีการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดต่อศาลได้อีกเพื่อให้ศาลได้พิจารณาคำวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดต่อไปยังมิได้ยุติเป็นที่สุดดังนั้นฟ้องของโจทก์คดีนี้จึงเป็นเรื่องการอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก. จังหวัดในเรื่องการเช่านาตามที่กฎหมายให้สิทธิไว้ ตามมาตรา 37 การบอกเลิกการเช่านาจะมีผลก็ต่อเมื่อผู้ให้เช่านาได้บอกเลิกเป็นหนังสือและต้องให้ผู้เช่านาทราบล่วงหน้าก่อนสิ้นระยะการเช่าตามมาตรา 26 (หกปี) เป็นเวลาไม่น้อยกว่าหนึ่งปีเมื่อข้อเท็จจริงโจทก์บรรยายฟ้องว่าโจทก์บอกเลิกการเช่านาให้จำเลยทราบเมื่อปี พ.ศ. 2524 ระยะเวลาการบอกเลิกสัญญาของโจทก์จึงมีผลครบกำหนดระยะเวลาหนึ่งปีในปี พ.ศ. 2525 แต่โจทก์จำเลยรับกันว่าโจทก์ให้จำเลยเช่าเมื่อเดือนพฤษภาคม 2518 การทำนาเริ่มทำในเดือนพฤษภาคม ดังนั้นระยะเวลาเช่านาจะสิ้นระยะเวลาครบ 6 ปีตามมาตรา 26 ในเดือนพฤษภาคม 2524 การบอกเลิกการเช่านาของโจทก์ในปี พ.ศ. 2524 จึงคำนวณได้ไม่ถึงหนึ่งปีก่อนสิ้นระยะการเช่าของจำเลยการบอกเลิกสัญญาเช่าของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยมาตรา 37 การเช่านาระหว่างโจทก์จำเลยจึงยังไม่สิ้นสุดลงตามข้อวินิจฉัยของ คชก.จังหวัด
of 6