คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 985

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 69 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2419/2533 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ระบุ “เปลี่ยนมือไม่ได้” ต้องทำเป็นหนังสือ มิฉะนั้นไม่สมบูรณ์ และเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิเรียกร้อง
ตั๋วสัญญาใช้เงินที่ผู้สั่งจ่ายเขียนลงด้านหน้าว่า "เปลี่ยนมือไม่ได้" จะโอนให้กันได้แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 985, 917, 306 การโอนระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอนจึงต้อง ทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอน มิฉะนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เมื่อปรากฏเพียงว่าผู้โอนโอนตั๋วสัญญาใช้เงินให้แก่เจ้าหนี้ด้วยวิธีสลักหลังและส่งมอบเท่านั้น การโอนตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวจึงไม่สมบูรณ์ตามกฎหมายเจ้าหนี้จึงยังไม่เป็นผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงิน แม้หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้แล้วผู้โอนจะได้ทำคำบอกกล่าวให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบถึงการสลักหลัง และส่งมอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้เจ้าหนี้ก็ตาม ก็หาทำให้เจ้าหนี้กลับเป็นผู้ทรงโดยชอบไม่ เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้ และไม่อาจนำหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนี้ไปหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่เจ้าหนี้เป็นหนี้ลูกหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2419/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การโอนตั๋วสัญญาใช้เงิน 'เปลี่ยนมือไม่ได้' ต้องทำเป็นหนังสือ การสลักหลังและส่งมอบไม่สมบูรณ์
การโอนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ผู้สั่งจ่ายเขียนลงด้านหน้าว่า"เปลี่ยนมือไม่ได้" จะโอนให้กันได้แต่โดยรูปการและด้วยผลอย่างการโอนสามัญตาม ป.พ.พ. มาตรา 985,917,306 การโอนระหว่างผู้โอนกับผู้รับโอนจึงต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้โอน มิฉะนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เมื่อปรากฏเพียงว่าตั๋วสัญญาใช้เงินที่ลูกหนี้เป็นผู้ออกนั้น ผู้โอนได้โอนให้เจ้าหนี้ด้วยวิธีสลักหลังและส่งมอบเท่านั้น การโอนดังกล่าวย่อมไม่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เจ้าหนี้ยังไม่เป็นผู้ทรง แม้หลังจากศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้แล้ว ผู้โอนจะได้ทำคำบอกกล่าวให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทราบถึงการสลักหลังและส่งมอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้เจ้าหนี้ก็หาทำให้เจ้าหนี้กลับเป็นผู้ทรงโดยชอบไม่ ดังนี้ เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ และไม่อาจนำหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนี้ไปหักกลบลบหนี้กับหนี้ที่เจ้าหนี้เป็นหนี้ลูกหนี้ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนังสือค้ำประกันตั๋วสัญญาใช้เงิน: ความรับผิดของผู้ค้ำประกันเมื่อมีการต่ออายุตั๋ว
โจทก์ได้เข้าอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัทว.ออกให้แก่บริษัทท.โดยจำเลยในฐานะกรรมการผู้จัดการของบริษัทว.ได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไว้ต่อโจทก์ว่า หากโจทก์ได้ชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินแล้ว จำเลยยอมชดใช้เงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ ต่อมาเมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดบริษัทว.ขอยืดเวลาการชำระหนี้ตามตั๋วต่อบริษัทท.ผู้ทรงออกไปรวม 2 ครั้ง โดยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้ใหม่ทั้งสองครั้ง โจทก์ได้เข้าอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับนั้นตามคำร้องของบริษัทว.ครั้นตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับหลังสุดถึงกำหนด โจทก์ได้ชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นให้แก่บริษัทท.ตามที่ได้รับการทวงถาม ดังนี้ เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับที่ออกใหม่มีมูลหนี้มาจากตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับแรก และตามหนังสือสัญญาค้ำประกันที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์มีใจความว่า จำเลยยอมรับผิดชดใช้เงินที่โจทก์จ่ายไปในการที่โจทก์อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัทว.ในวงเงินที่กำหนดหาได้ระบุวันออกตั๋วและวันถึงกำหนดใช้เงินไว้ไม่ อีกทั้งสัญญาค้ำประกันก็ระบุว่า หากโจทก์ผ่อนผันเวลาการชำระหนี้ให้แก่ผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงิน จำเลยตกลงด้วยในการผ่อนผันเวลาทุกครั้งโดยโจทก์ไม่ต้องแจ้งให้ทราบก่อน จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ในการที่โจทก์เข้ารับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับหลังสุดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน การขยายเวลาผ่อนผันหนี้ ทำให้จำเลยยังคงมีภาระผูกพันตามสัญญาค้ำประกัน
โจทก์ได้เข้าอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัท ว. ออกให้แก่บริษัท ท. โดยจำเลยในฐานะผู้จัดการของบริษัท ว. ได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไว้ต่อโจทก์ว่า หากโจทก์ได้ชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินแล้ว จำเลยยอมชดใช้เงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ต่อมาเมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนด บริษัท ว. ขอยืดเวลาการชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาต่อบริษัท ท. ผู้ทรงออกไปรวม 2 ครั้งโดยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้ใหม่ทั้งสองครั้ง โจทก์ได้เข้าอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับนั้นตามคำขอร้อง ของ บริษัท ว.ครั้นตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับหลังสุดถึงกำหนด โจทก์ได้ชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นให้แก่บริษัท ท. ตามที่ได้รับการทวงถามดังนี้ เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับที่ออกใหม่มีมูลหนี้มาจากตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับแรก และตามหนังสือสัญญาค้ำประกันที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์มีใจความว่า จำเลยยอมรับผิดชดใช้เงินที่โจทก์จ่ายไปในการที่โจทก์อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัท ว. ในวงเงินที่กำหนดเท่านั้น หาได้ระบุวันออกตั๋วและวันถึงกำหนดใช้เงินไว้ไม่ อีกทั้งสัญญาค้ำประกันก็ระบุว่าหากโจทก์ผ่อนผันเวลาการชำระหนี้ให้แก่ผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินจำเลยตกลงด้วยในการผ่อนผันเวลาทุกครั้ง โดยโจทก์ไม่ต้องแจ้งให้ทราบก่อน จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ในการที่โจทก์เข้ารับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับหลังสุดด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 815/2533 เวอร์ชัน 4 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาค้ำประกันตั๋วสัญญาใช้เงิน: ความรับผิดของผู้ค้ำประกันเมื่อมีการต่ออายุตั๋วและโจทก์เข้าอาวัลตามคำขอ
โจทก์ได้เข้าอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินที่บริษัท ว. ออกให้แก่บริษัท ท. โดยจำเลยในฐานะผู้จัดการของบริษัท ว. ได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไว้ต่อโจทก์ว่า หากโจทก์ได้ชำระเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินแล้ว จำเลยยอมชดใช้เงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ต่อมาเมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนด บริษัท ว. ขอยืดเวลาการชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาต่อบริษัท ท. ผู้ทรงออกไปรวม 2 ครั้ง โดยออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้ใหม่ทั้งสองครั้ง โจทก์ได้เข้าอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับนั้นตามคำขอร้อง ของ บริษัท ว. ครั้นตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับหลังสุดถึงกำหนด โจทก์ได้ชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นให้แก่บริษัท ท. ตามที่ได้รับการทวงถามดังนี้ เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินทั้งสองฉบับที่ออกใหม่มีมูลหนี้มาจากตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับแรก และตามหนังสือสัญญาค้ำประกันที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์มีใจความว่า จำเลยยอมรับผิดชดใช้เงินที่โจทก์จ่ายไปในการที่โจทก์อาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของบริษัท ว. ในวงเงินที่กำหนดเท่านั้น หาได้ระบุวันออกตั๋วและวันถึงกำหนดใช้เงินไว้ไม่ อีกทั้งสัญญาค้ำประกันก็ระบุว่าหากโจทก์ผ่อนผันเวลาการชำระหนี้ให้แก่ผู้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินจำเลยตกลงด้วยในการผ่อนผันเวลาทุกครั้ง โดยโจทก์ไม่ต้องแจ้งให้ทราบก่อน จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ในการที่โจทก์เข้ารับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับหลังสุดด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน, การผิดนัดชำระหนี้, และความรับผิดของผู้ค้ำประกัน
หนี้ของจำเลยเป็นหนี้ตาม ตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่ง ถึง กำหนดใช้เงินเมื่อสิ้นระยะเวลาอันกำหนดไว้นับแต่วันที่ลงในตั๋ว เป็นหนี้ที่มีกำหนดเวลาแน่นอนตาม วันแห่งปฏิทิน คือในวันที่ครบกำหนดในตั๋วสัญญาใช้เงิน เมื่อครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ชำระหนี้ตาม ตั๋วเงินดังกล่าว จึงตกเป็นผู้ผิดนัดทันทีโดย ไม่ต้องบอกกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคสอง และต้อง รับผิดใช้ดอกเบี้ย ตั้งแต่ วันที่ครบกำหนดตาม ตั๋วสัญญาใช้เงิน เมื่อลูกหนี้ผิดนัดเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้ ทันทีโดย มิต้องบอกกล่าว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 686 สัญญาค้ำประกันมีใจความว่า ผู้ค้ำประกันยอมรับค้ำประกันในวงเงิน 500,000 บาท และหากมีความเสียหายแก่โจทก์อย่างใดผู้ค้ำประกันยอมรับผิดชดใช้ดอกเบี้ย ให้แก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 18ซึ่ง ความหมายว่า ผู้ค้ำประกันยอมรับผิดในเงินต้นในวงเงิน500,000 บาท แทนลูกหนี้พร้อมทั้งดอกเบี้ย เมื่อลูกหนี้ต้อง รับผิดในดอกเบี้ย ตั้งแต่ วันครบกำหนดตาม ตั๋วสัญญาใช้เงิน ผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ย ตั้งแต่ วันเดียวกันด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ำประกันหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงิน: ความรับผิดดอกเบี้ยของผู้ค้ำประกันนับแต่วันครบกำหนดตั๋ว
หนี้ของจำเลยเป็นหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่งถึงกำหนดใช้เงินเมื่อสิ้นระยะเวลาอันกำหนดไว้นับแต่วันที่ลงในตั๋ว เป็นหนี้ที่มีกำหนดเวลาแน่นอนตามวันแห่งปฏิทินคือในวันที่ครบกำหนดในตั๋วสัญญาใช้เงิน เมื่อครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ชำระหนี้ตามตั๋วเงินดังกล่าว จึงตกเป็นผู้ผิดนัดทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204 วรรคสอง และต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ครบกำหนดตามตั๋วสัญญาใช้เงิน เมื่อลูกหนี้ผิดนัดเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้ทันทีโดยมิต้องบอกกล่าว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 686 สัญญาค้ำประกันมีใจความว่า ผู้ค้ำประกันยอมรับค้ำประกันในวงเงิน 500,000 บาท และหากมีความเสียหายแก่โจทก์อย่างใดผู้ค้ำประกันยอมรับผิดชดใช้ดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 18ซึ่งหมายความว่า ผู้ค้ำประกันยอมรับผิดในเงินต้นในวงเงิน500,000 บาท แทนลูกหนี้พร้อมทั้งดอกเบี้ย เมื่อลูกหนี้ต้องรับผิดในดอกเบี้ยตั้งแต่วันครบกำหนดตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยตั้งแต่วันเดียวกันด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 557/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน, การผิดนัดชำระหนี้, ความรับผิดของผู้ค้ำประกัน, อัตราดอกเบี้ย
หนี้ของจำเลยเป็นหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ซึ่งถึงกำหนดใช้เงินเมื่อสิ้นระยะเวลาอันกำหนดไว้นับแต่วันที่ลงในตั๋ว เป็นหนี้ที่มีกำหนดเวลาแน่นอนตามวันแห่งปฏิทินคือในวันที่ครบกำหนดในตั๋วสัญญาใช้เงิน เมื่อครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ชำระหนี้ตามตั๋วเงินดังกล่าว จึงตกเป็นผู้ผิดนัดทันทีโดยไม่ต้องบอกกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 204วรรคสอง และต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ครบกำหนดตามตั๋วสัญญาใช้เงิน
เมื่อลูกหนี้ผิดนัดเจ้าหนี้มีสิทธิเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้ทันทีโดยมิต้องบอกกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 686
สัญญาค้ำประกันมีใจความว่า ผู้ค้ำประกันยอมรับค้ำประกันในวงเงิน 500,000 บาท และหากมีความเสียหายแก่โจทก์อย่างใดผู้ค้ำประกันยอมรับผิดชดใช้ดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ในอัตราร้อยละ 18 ซึ่งมีความหมายว่า ผู้ค้ำประกันยอมรับผิดในเงินต้นในวงเงิน 500,000 บาท แทนลูกหนี้พร้อมทั้งดอกเบี้ย เมื่อลูกหนี้ต้องรับผิดในดอกเบี้ยตั้งแต่วันครบกำหนดตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปีตั้งแต่วันเดียวกันด้วย.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 199/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตั๋วสัญญาใช้เงินเมื่อทวงถาม ไม่ต้องยื่นภายใน 6 เดือน ผู้ทรงมีอำนาจฟ้องได้เมื่อทวงถามแล้ว
การที่โจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรงตั๋วสัญญาใช้เงินชนิดให้ใช้เงินเมื่อทวงถาม มีหนังสือทวงถามให้จำเลยที่ 1 ผู้ออกตั๋วและจำเลยที่ 2 ผู้รับอาวัล ใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินแล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระ โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองให้รับผิดชดใช้เงินได้ เพราะตั๋วสัญญาใช้เงินที่ให้ใช้เงินเมื่อทวงถาม ไม่ตกอยู่ภายใต้บังคับของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 944 และมาตรา 985 วรรคแรกที่ผู้ทรงจะต้องนำตั๋วยื่นเพื่อให้ใช้เงินภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ลงในตั๋ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 171/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องในคดีละเมิด: ความเสียหายยังไม่แน่นอนต้องรอบังคับชำระหนี้จากลูกหนี้และหลักประกัน
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำละเมิดโดยจัดให้โจทก์รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินโดยฝ่าฝืนระเบียบ ได้ความว่าในการรับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าวมีการจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันกับมีบุคคลค้ำประกันทุกราย แต่โจทก์ยังไม่ได้บังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์สินที่จำนองจากลูกหนี้และผู้ค้ำประกันจึงไม่อาจทราบได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายหรือไม่ เพราะความเสียหายจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อมีการบังคับชำระหนี้เอาแก่ผู้ต้องรับผิดดังกล่าวตลอดจนทรัพย์สินที่จำนองแล้วได้เงินน้อยกว่าจำนวนที่โจทก์ได้ออกไป เมื่อยังไม่ปรากฏว่าโจทก์ได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลยการกระทำของจำเลยจึงยังไม่เป็นการละเมิด โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง.(ที่มา-ส่งเสริม)
of 7