คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 552

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 31 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 379/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเช่าที่ดินเพื่อก่อสร้างโรงพยาบาล การใช้ที่ดินผิดวัตถุประสงค์ตามสัญญาเช่า และอำนาจศาล
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 4 นั้น เป็นบทบัญญัติที่ใช้แก่ศาลทั่วไป แต่สำหรับอำนาจของศาลแพ่งนั้นยังมีอำนาจที่จะพิจารณาพิพากษาคดีที่เกิดขึ้นนอกเขตศาลแพ่งด้วยตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา14 (4) คดีที่เกิดขึ้นในเขตศาลจังหวัดนนทบุรี จำเลยทั้งสองก็มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดนนทบุรี ศาลแพ่งรับฟ้องและดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์จำเลยจนเสร็จ แสดงว่าศาลแพ่งใช้ดุลพินิจยอมรับพิจารณาพิพากษาคดีนี้ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 14 (4) แล้ว
จำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินจากวัดโจทก์เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงพยาบาล ไม่มีข้อความระบุให้ใช้ทรัพย์ที่เช่าเพื่อการอย่างอื่น การที่จำเลยนำที่ดินที่เช่าไปให้ผู้อื่นเช่าช่วงปลูกบ้านอยู่อาศัย จึงเป็นการใช้ทรัพย์เพื่อการอย่างอื่นผิดวัตถุประสงค์ตามสัญญา เป็นการผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิเลิกสัญญาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2462/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้อง, หนังสือรับสภาพหนี้, อายุความ 2 ปี สำหรับค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ
โจทก์วางระเบียบให้พูดวิทยุโทรศัพท์ไปต่างประเทศจากบ้านของผู้ติดตั้งโทรศัพท์ได้ โดยให้ผู้เช่าโทรศัพท์นำเงินค่าธรรมเนียมการใช้วิทยุโทรศัพท์มาชำระภายหลังองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยติดตั้งเครื่องโทรศัพท์ที่บ้านจำเลยตามคำขอของจำเลย จำเลยให้องค์การยูซ่อมเช่าบ้านพร้อมโทรศัพท์ แสดงว่าจำเลยยินยอมให้พนักงานองค์การยูซ่อมใช้เครื่องโทรศัพท์พูดวิทยุโทรศัพท์ไปต่างประเทศได้ด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยใช้เงินค่าธรรมเนียมที่พนักงานองค์การยูซ่อมใช้เครื่องโทรศัพท์ดังกล่าวพูดวิทยุทางไกลไปต่างประเทศ
จำเลยมีหนังสือถึงผู้ช่วยผู้อำนวยการกองบัญชีของโจทก์ว่าจำเลยเข้าใจว่าเป็นการใช้โทรศัพท์ทางไกลข้ามทวีปของผู้เคยอาศัยอยู่ในบ้านจำเลยซึ่งย้ายออกไปแล้ว จำเลยได้มอบเรื่องราวให้องค์การยูซ่อมเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมมามอบให้แก่ส่วนการบัญชีและการเงินของโจทก์แล้ว ได้ผลประการใดจะแจ้งให้ทราบอีกที หนังสือดังกล่าวไม่มีข้อความแสดงให้เห็นว่า จำเลยรับว่าเป็นหนี้โจทก์และมีเจตนาจะใช้หนี้ โดยไม่มีข้อโต้แย้ง จึงไม่เป็นหนังสือรับสภาพหนี้อันจะทำให้อายุความสดุดหยุดลง
แม้โจทก์จะเป็นกรมในรัฐบาลมีหน้าที่จัดการสื่อสาร การไปรษณีย์โทรเลขวิทยุเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนก็ดีแต่ผู้ใช้เครื่องโทรศัพท์พูดทางไกลไปต่างประเทศ โดยผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์จะต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมในการใช้ทุกครั้งเงินค่าธรรมเนียมคือสินจ้าง ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้ารับทำการงานเรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7) จึงมีอายุความ 2 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2462/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องของโจทก์, หนังสือรับสภาพหนี้, อายุความ 2 ปีสำหรับค่าบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ
โจทก์วางระเบียบให้พูดวิทยุโทรศัพท์ไปต่างประเทศจากบ้านของผู้ติดตั้งโทรศัพท์ได้ โดยให้ผู้เช่าโทรศัพท์นำเงินค่าธรรมเนียมการใช้วิทยุโทรศัพท์มาชำระภายหลังองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยติดตั้งเครื่องโทรศัพท์ที่บ้านจำเลยตามคำขอของจำเลย จำเลยให้องค์การยูซ่อมเช่าบ้านพร้อมโทรศัพท์ แสดงว่าจำเลยยินยอมให้พนักงานองค์การยูซ่อมใช้เครื่องโทรศัพท์พูดวิทยุโทรศัพท์ไปต่างประเทศได้ด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องให้จำเลยใช้เงินค่าธรรมเนียมที่พนักงานองค์การยูซ่อมใช้เครื่องโทรศัพท์ดังกล่าวพูดวิทยุทางไกลไปต่างประเทศ
จำเลยมีหนังสือถึงผู้ช่วยผู้อำนวยการกองบัญชีของโจทกว่า จำเลยเข้าใจว่าเป็นการใช้โทรศัพท์ทางไกลข้ามทวีปของผู้เคยอาศัยอยู่ในบ้านจำเลยซึ่งย้ายออกไปแล้ว จำเลยได้มอบเรื่องราวให้องค์การยูซ่อมเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมมามอบให้แก่ส่วนการบัญชีและการเงินของโจทก์แล้ว ได้ผลประการใดจะแจ้งให้ทราบอีกทีหนังสือดังกล่าวไม่มีข้อความแสดงให้เห็นว่าจำเลยรับว่าเป็นหนี้โจทก์และมีเจตนาจะใช้หนี้โดยไม่มีข้อโต้แย้ง จึงไม่เป็นหนังสือรับสภาพหนี้อันจะทำให้อายุความสะดุดหยุดลง
แม้โจทก์จะเป็นกรมในรัฐบาลมีหน้าที่จัดการสื่อสาร การไปรษณีย์โทรเลขวิทยุเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนก็ดี แต่ผู้ใช้เครื่องโทรศัพท์พูดทางไกลไปต่างประเทศโดยผ่านเครื่องวิทยุโทรศัพท์ของโจทก์จะต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมในการใช้ทุกครั้งเงินค่าธรรมเนียมคือสินจ้าง ถือได้ว่าโจทก์เป็นผู้ค้ารับทำการงานเรียกเอาสินจ้างอันจะพึงได้รับในการนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7) จึงมีอายุความ 2 ปี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2508

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดยื่นคำให้การ-ใบเสร็จรับเงินหลังบอกเลิกสัญญาเช่า: ศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาเดิม
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลสั่งขาดนัดยื่นคำให้การแล้วจำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาตจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งนั้นกลับอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณายกอุทธรณ์จำเลยไม่ฎีกา ปัญหาเรื่องขอยื่นคำให้การจึงยุติแล้วจำเลยจะกลับยกขึ้นฎีกาอีกเมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีนั้นแล้วไม่ได้
โจทก์นำสืบหลักฐานได้น้อยไปกว่าที่ฟ้องไว้ ไม่ถึงกับทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์ไม่เกิดขึ้น จนถึงกับจะต้องยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุมูลคดีที่ฟ้องไม่มี
โจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยแล้ว จำเลยนำเงินค่าเช่าที่ค้างกับค่าเสียหายเท่าจำนวนค่าเช่าสำหรับเดือนต่อๆ มาหลังจากบอกเลิกการเช่าแล้วไปชำระเจ้าหน้าที่ผู้รับเงินของโจทก์ด้วยความผิดพลาดได้ออกใบรับให้แก่จำเลยโดยรวมเรียกค่าเสียหายเป็นค่าเช่าด้วยดังนี้ไม่ถือว่าสัญญาเช่ายังคงผูกพันอยู่ เพราะสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยระงับไปตั้งแต่โจทก์บอกเลิกการเช่าแล้ว แม้จำเลยจะอยู่ต่อมาก็ได้ชื่อว่าอยู่โดยละเมิดสิทธิโจทก์ นิติสัมพันธ์ทางสัญญาเช่าย่อมไม่เกิดขึ้นใหม่อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตยื่นคำให้การหลังขาดนัด และผลกระทบต่อการฟ้องค่าเช่าหลังบอกเลิกสัญญา
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลสั่งขาดนัดยื่นคำให้การแล้ว จำเลยยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาต ศาลอุทธรณ์พิพากษาว่าเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณายกอุทธรณ์ จำเลยไม่ฎีกา ปัญหาเรื่องขอยื่นคำให้การจึงยุติแล้ว จำเลยจะกลับยกขึ้นฎีกาอีกเมื่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีนั้นแล้วไม่ได้
โจทก์นำสืบหลักฐานได้น้อยไปกว่าที่ฟ้องไว้ ไม่ถึงกับทำให้อำนาจฟ้องของโจทก์ไม่เกิดขึ้น จนถึงกับจะต้องยกฟ้องโจทก์เพราะเหตุมูลคดีที่ฟ้องไม่มี
โจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยแล้วจำเลยนำเงินค่าเช่าที่ค้างกับค่าเสียหายเท่าจำนวนค่าเช่าสำหรับเดือนต่อ ๆ มาหลังจากบอกเลิกการเช่าแล้วไปชำระเจ้าหน้าที่ผู้รับเงินของโจทก์ด้วยความผิดพลาดได้ออกใบรับให้แก่จำเลยโดยรวมเรียกค่าเสียหายเป็นค่าเช่าด้วย ดังนี้ ไม่ถือว่าสัญญาเช่ายังคงผูกพันอยู่ เพราะสัญญาเช่าระหว่างโจทก์กับจำเลยระงับไปตั้งแต่โจทก์บอกเลิกการเช่าแล้ว แม้จำเลยจะอยู่ต่อมาก็ได้ชื่อว่าอยู่โดยละเมิดสิทธิโจทก์ นิติสัมพันธ์ทางสัญญาเช่าย่อมไม่เกิดขึ้นใหม่อีก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 282/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาเช่าต้องตรงกัน การเปลี่ยนวัตถุประสงค์เช่าโดยฝ่ายเดียวมิชอบ คุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมเช่าไม่ครอบคลุม
เช่าห้องเพื่อการค้า แต่มิได้ทำการค้าเลยเพราะผู้เช่าถูกจำคุกเสีย และไม่มีเงินทุน การที่ผู้เช่าเปลี่ยนเจตนาเช่าเพื่อทำการค้าเป็นอยู่อาศัยเป็นการเปลี่ยนเจตนาฝ่ายเดียว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 552 และไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมการเช่าเคหะและที่ดิน ฯ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1246/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การใช้ห้องเช่าเพื่ออยู่อาศัยและการปรับปรุงทรัพย์สินเช่า โดยไม่ถือว่าเป็นการใช้ผิดประเพณี หรือไม่สงวนทรัพย์สิน
จำเลยเช่าห้องของโจทก์ แล้วเช่าที่ดินของโจทก์ที่ต่อห้องออกไปและปลูกเป็นห้องส้วมห้องน้ำ และเจาะฝาห้องน้ำเป็นช่องให้อากาศและแสงสว่างเข้า เป็นการกระทำสำหรับการอยู่อาศัยนั่นเอง เป็นการใช้ห้องเช่าตามประเพณีนิยมปกติ และฝาห้องน้ำที่เจาะนี้เป็นของจำเลยทำขึ้นไม่ใช่ทรัพย์สินที่เช่า เมื่อไม่ต้องการใช้จะรื้อเสียก็ได้ หาใช่ไม่สงวนทรัพย์ที่เช่าไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1800/2492

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่า – การใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินเช่า – สัญญาไม่ได้จำกัดวัตถุประสงค์ – การใช้เพื่อเจียรนัยพลอยไม่ถือเป็นการผิดสัญญา
จำเลยทำสัญญาเช่าห้องโจทก์ ในสัญญามิได้ระบุว่าเช่าเพื่อใช้เฉพาะเป็นที่อยู่อาศัย แม้จำเลยทำการเจียรนัยพลอยที่ห้องนั้น โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยใช้ห้องเช่าเพื่อการอย่างอื่นนอกจากที่กำหนดไว้ในสัญญามิได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าห้องของโจทก์ แล้วเปลี่ยนแปลงใช้ห้องเช่าเป็นโรงเจียรนัยพลอย ดังนี้ เป็นเรื่องหาว่าใช้ห้องเช่าผิดไปจากสัญญา จึงไม่มีประเด็นถึงเรื่องใช้ห้องผิดประเพณีนิยม หรือทำการดัดแปลงต่อเติมทรัพย์ที่เช่า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1800/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่า - การใช้ประโยชน์ในทรัพย์สิน - สัญญาไม่ได้จำกัดวัตถุประสงค์ - การใช้เพื่อการอื่นย่อมไม่ผิดสัญญา
จำเลยทำสัญญาเช่าห้องโจทก์ ในสัญญามิได้ระบุว่าเช่าเพื่อใช้ฉะเพาะเป็นที่อยู่อาศัย แม้จำเลยทำการเจียรนัยพลอยที่ห้องนั้น โจทก์จะฟ้องว่าจำเลยใช้ห้องเช่าเพื่อการอย่างอื่นนอกจากที่กำหนดไว้ในสัญญามิได้
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าห้องของโจทก์ แล้วเปลี่ยนแปลงใช้ห้องเช่าเป็นโรงเจียรนัยพลอย ดังนี้ เป็นเรื่องหาว่าใช้ห้องเช่าผิดไปจากสัญญา จึงไม่มีประเด็นถึงเรื่องใช้ห้องผิดประเพณีนิยม หรือทำการดัดแปลงต่อเติมทรัพย์ที่เช่า.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2487

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อพิพาทสัญญาเช่าสวนทุเรียน: ปัญหาข้อเท็จจริงและค่าเสียหาย
ประเพณีนิยมปกติเป็นอย่างไรในการเช่าสวนทุเรียนนั้นเป็นปัญหาข้อเท็จจริง โจทก์ฟ้องเลิกสัญญาเช่าและเรียกค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นยกฟ้องศาลอุทธรณ์แก้เฉพาะให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นแก้น้อยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้
of 4