พบผลลัพธ์ทั้งหมด 605 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3578/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ในชั้นบังคับคดี: ทุนทรัพย์กำหนดสิทธิอุทธรณ์ตามกฎหมายที่ใช้บังคับขณะยื่นคำอุทธรณ์
การพิจารณาถึงสิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกาไม่ว่าจะเป็นการอุทธรณ์หรือฎีกาในชั้นไหน ต้องถือตามทุนทรัพย์ในคดีเดิม และต้องพิจารณาตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะมีการยื่นอุทธรณ์หรือฎีกา เมื่อทุนทรัพย์ตามคดีเดิมไม่เกินสองหมื่นบาท ในชั้นบังคับคดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3578/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การอุทธรณ์ในชั้นบังคับคดี: ทุนทรัพย์และข้อจำกัดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
การพิจารณาถึงสิทธิในการอุทธรณ์หรือฎีกาไม่ว่าจะเป็นการอุทธรณ์หรือฎีกาในชั้นไหน ต้องถือตามทุนทรัพย์ในคดีเดิม และต้องพิจารณาตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะมีการยื่นอุทธรณ์หรือฎีกา เมื่อทุนทรัพย์ตามคดีเดิมไม่เกินสองหมื่นบาท ในชั้นบังคับคดีจึงต้องห้ามอุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3502/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การวินิจฉัยประเด็นแห่งคดี การงดสืบพยานที่ชอบด้วยกฎหมาย และการอุทธรณ์ที่ต้องห้าม
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์โดยอาศัยข้อเท็จจริง จึงมิใช่การวินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้นในปัญหาข้อกฎหมายตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 24 คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งงดสืบพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม มาตรา 226 เมื่อโจทก์มิได้โต้แย้งคัดค้านคำสั่ง โจทก์จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์
เมื่อโจทก์อ้างว่าโจทก์มีสิทธิเข้าร่วมเดินรถ ตามประกาศของจำเลยลงวันที่ 11 มิถุนายน 2520 และจำเลยโต้แย้งว่าได้มีการแก้ไขระเบียบการ ตามประกาศลงวันที่ 16 มิถุนายน 2521 กำหนดให้เมื่อจำเลยตกลงรับรถเมล์เล็กเข้าวิ่งร่วมแล้ว จะต้องมีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรต่อกันอีกชั้นหนึ่งเพื่อกำหนดความรับผิดชอบซึ่งกันและกัน การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ยังมิได้ปฏิบัติตามประกาศของจำเลยฉบับลงวันที่ 16 มิถุนายน 2521 จึงเป็นการวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีโดยตรง หาใช่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแต่ประการใดไม่ มิใช่พิจารณาแต่คำฟ้องเท่านั้นแต่ต้องพิจารณาคำให้การจำเลยและคำแถลงรับของคู่ความด้วย
เมื่อโจทก์อ้างว่าโจทก์มีสิทธิเข้าร่วมเดินรถ ตามประกาศของจำเลยลงวันที่ 11 มิถุนายน 2520 และจำเลยโต้แย้งว่าได้มีการแก้ไขระเบียบการ ตามประกาศลงวันที่ 16 มิถุนายน 2521 กำหนดให้เมื่อจำเลยตกลงรับรถเมล์เล็กเข้าวิ่งร่วมแล้ว จะต้องมีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรต่อกันอีกชั้นหนึ่งเพื่อกำหนดความรับผิดชอบซึ่งกันและกัน การที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ยังมิได้ปฏิบัติตามประกาศของจำเลยฉบับลงวันที่ 16 มิถุนายน 2521 จึงเป็นการวินิจฉัยในประเด็นแห่งคดีโดยตรง หาใช่เป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแต่ประการใดไม่ มิใช่พิจารณาแต่คำฟ้องเท่านั้นแต่ต้องพิจารณาคำให้การจำเลยและคำแถลงรับของคู่ความด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3445/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการสินสมรส: การใช้สิทธิเรียกร้องให้จัดการทรัพย์สินเฉพาะอย่างตามมาตรา 1485 ต้องแสดงเหตุผลประโยชน์ยิ่งกว่า
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่แก้ไขใหม่นั้นกำหนดไว้เป็นหลักทั่วไปให้สามีและภรรยาเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกัน เว้นแต่จะมีสัญญาก่อนสมรสหรือสัญญาระหว่างสมรสระบุไว้เป็นอย่างอื่น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1485 หมายถึงการจัดการสินสมรสแก่ทรัพย์สินเฉพาะอย่างซึ่งอาจเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากหรือมีความสำคัญเป็นพิเศษซึ่งสามีหรือภรรยาร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการทรัพย์สินดังกล่าวโดยลำพังหรือเข้าร่วมจัดการด้วยได้ไม่ว่าคู่สมรสจะมีสัญญาก่อนสมรสหรือสัญญาระหว่างสมรสตกลงกันไว้อย่างไร สามีหรือภรรยาก็อาจร้องขอต่อศาลไม่ให้ต้องปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวหรือถ้าไม่มีทั้งสัญญาก่อนสมรสและระหว่างสมรส สามีหรือภรรยาก็อาจร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสดังกล่าวแต่ผู้เดียว อันเป็นข้อยกเว้นจากหลักทั่วไป ทั้งสองกรณีนี้ ผู้ร้องขอต่อศาลจะต้องแสดงให้เห็นว่าการที่จะทำเช่นนั้น จะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า
กรณีของโจทก์ โจทก์ต้องการเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกับสามีตามอำนาจที่มีอยู่แล้วเท่านั้น โจทก์จึงไม่อาจอาศัย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1485 ร้องขอให้ศาลตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกับจำเลยที่ 1 ได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1485 หมายถึงการจัดการสินสมรสแก่ทรัพย์สินเฉพาะอย่างซึ่งอาจเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากหรือมีความสำคัญเป็นพิเศษซึ่งสามีหรือภรรยาร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการทรัพย์สินดังกล่าวโดยลำพังหรือเข้าร่วมจัดการด้วยได้ไม่ว่าคู่สมรสจะมีสัญญาก่อนสมรสหรือสัญญาระหว่างสมรสตกลงกันไว้อย่างไร สามีหรือภรรยาก็อาจร้องขอต่อศาลไม่ให้ต้องปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวหรือถ้าไม่มีทั้งสัญญาก่อนสมรสและระหว่างสมรส สามีหรือภรรยาก็อาจร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสดังกล่าวแต่ผู้เดียว อันเป็นข้อยกเว้นจากหลักทั่วไป ทั้งสองกรณีนี้ ผู้ร้องขอต่อศาลจะต้องแสดงให้เห็นว่าการที่จะทำเช่นนั้น จะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า
กรณีของโจทก์ โจทก์ต้องการเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกับสามีตามอำนาจที่มีอยู่แล้วเท่านั้น โจทก์จึงไม่อาจอาศัย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1485 ร้องขอให้ศาลตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกับจำเลยที่ 1 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3445/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจัดการสินสมรส: การใช้สิทธิจัดการสินสมรสร่วมกันตามกฎหมาย และข้อยกเว้นตามมาตรา 1485
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ที่แก้ไขใหม่นั้นกำหนดไว้เป็นหลักทั่วไปให้สามีและภรรยาเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกัน เว้นแต่จะมีสัญญาก่อนสมรสหรือสัญญาระหว่างสมรสระบุไว้เป็นอย่างอื่น
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1485 หมายถึงการจัดการสินสมรสแก่ทรัพย์สินเฉพาะอย่างซึ่งอาจเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากหรือมีความสำคัญเป็นพิเศษซึ่งสามีหรือภรรยาร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการทรัพย์สินดังกล่าวโดยลำพังหรือเข้าร่วมจัดการด้วยได้ไม่ว่าคู่สมรสจะมีสัญญาก่อนสมรสหรือสัญญาระหว่างสมรสตกลงกันไว้อย่างไร สามีหรือภรรยาก็อาจร้องขอต่อศาลไม่ให้ต้องปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวหรือถ้าไม่มีทั้งสัญญาก่อนสมรสและระหว่างสมรส สามีหรือภรรยาก็อาจร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสดังกล่าวแต่ผู้เดียว อันเป็นข้อยกเว้นจากหลักทั่วไป ทั้งสองกรณีนี้ ผู้ร้องขอต่อศาลจะต้องแสดงให้เห็นว่าการที่จะทำเช่นนั้น จะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า
กรณีของโจทก์ โจทก์ต้องการเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกับสามีตามอำนาจที่มีอยู่แล้วเท่านั้น โจทก์จึงไม่อาจอาศัย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1485 ร้องขอให้ศาลตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกับจำเลยที่ 1 ได้
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1485 หมายถึงการจัดการสินสมรสแก่ทรัพย์สินเฉพาะอย่างซึ่งอาจเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากหรือมีความสำคัญเป็นพิเศษซึ่งสามีหรือภรรยาร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการทรัพย์สินดังกล่าวโดยลำพังหรือเข้าร่วมจัดการด้วยได้ไม่ว่าคู่สมรสจะมีสัญญาก่อนสมรสหรือสัญญาระหว่างสมรสตกลงกันไว้อย่างไร สามีหรือภรรยาก็อาจร้องขอต่อศาลไม่ให้ต้องปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวหรือถ้าไม่มีทั้งสัญญาก่อนสมรสและระหว่างสมรส สามีหรือภรรยาก็อาจร้องขอต่อศาลให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสดังกล่าวแต่ผู้เดียว อันเป็นข้อยกเว้นจากหลักทั่วไป ทั้งสองกรณีนี้ ผู้ร้องขอต่อศาลจะต้องแสดงให้เห็นว่าการที่จะทำเช่นนั้น จะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า
กรณีของโจทก์ โจทก์ต้องการเป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกับสามีตามอำนาจที่มีอยู่แล้วเท่านั้น โจทก์จึงไม่อาจอาศัย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1485 ร้องขอให้ศาลตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการสินสมรสร่วมกับจำเลยที่ 1 ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3436/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษกรรมเดียวผิดหลายบทและการริบของกลางที่ศาลสั่งได้เฉพาะในบทที่ใช้ลงโทษ
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อ กฎหมายหลายบทคือผิดตามพระราชบัญญัติการประมงและพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ ต้องลงโทษตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด แต่โจทก์มิได้ขอหรืออ้างบทมาตราเกี่ยวกับการให้ริบของกลางในความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ เท่ากับโจทก์ไม่ประสงค์ให้ริบของกลางในความผิดนั้น เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติแล้ว ก็จะริบของกลางตามพระราชบัญญัติการประมงซึ่งมิได้ใช้เป็นบทลงโทษจำเลยด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3436/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การลงโทษและริบของกลางในความผิดกรรมเดียวต่อกฎหมายหลายบท ต้องใช้บทที่มีโทษหนัก และริบได้เฉพาะตามบทที่ใช้ลงโทษ
เมื่อการกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อ กฎหมายหลายบทคือผิดตามพระราชบัญญัติการประมงและพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ ต้องลงโทษตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดแต่โจทก์มิได้ขอหรืออ้างบทมาตราเกี่ยวกับการให้ริบของกลางในความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ เท่ากับโจทก์ไม่ประสงค์ให้ริบของกลางในความผิดนั้น เมื่อศาลพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติแล้ว ก็จะริบของกลางตามพระราชบัญญัติการประมงซึ่งมิได้ใช้เป็นบทลงโทษจำเลยด้วยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3428/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การรับผิดของเจ้าหน้าที่สุขาภิบาลต่อการยักยอกเงิน และการฎีกาที่ไม่เป็นไปตามรูปแบบ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ยื่นคำร้องขอฎีกาอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นอนุญาต แต่ตามฎีกาปรากฏว่า จำเลยที่ 1เป็นผู้ฎีกาแต่ผู้เดียว โดยทนายจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นทนายจำเลยที่ 2 ด้วยเป็นผู้ลงชื่อแทน แม้ฎีกาจะมีข้อความเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 อยู่ด้วย แต่เมื่อไม่ปรากฏรายชื่อจำเลยที่ 2 เป็นผู้ฎีกาด้วย ฎีกาดังกล่าวก็เป็นฎีกาของจำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียว
ฎีกาที่คัดลอกแต่ข้อความในอุทธรณ์มาเป็นฎีกาที่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนอย่างไร ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
สมุห์บัญชีเป็นผู้ควบคุมดูแลให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบที่วางไว้ เมื่อจำเลยที่ 1 ส่งมอบเงินให้สมุห์บัญชีแล้ว คณะกรรมการรักษาเงินจะตรวจสอบจากสมุห์บัญชีอีกต่อหนึ่งเป็นขั้นตอนไป เหตุทุจริตเกิดขึ้นเพราะสมุห์บัญชีไม่ควบคุมดูแลให้จำเลยที่ 1 ปฎิบัติหน้าที่ตามระเบียบที่วางไว้ จำเลยที่ 4 ที่ 5 ในฐานะปลัดสุขาภิบาลและกรรมการรักษาเงิน ไม่มีความจำเป็นต้องล้วงไปตรวจสอบถึงการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 ที่ 5 จึงมิได้ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1
ฎีกาที่คัดลอกแต่ข้อความในอุทธรณ์มาเป็นฎีกาที่มิได้โต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าไม่ถูกต้องหรือคลาดเคลื่อนอย่างไร ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
สมุห์บัญชีเป็นผู้ควบคุมดูแลให้จำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่ตามระเบียบที่วางไว้ เมื่อจำเลยที่ 1 ส่งมอบเงินให้สมุห์บัญชีแล้ว คณะกรรมการรักษาเงินจะตรวจสอบจากสมุห์บัญชีอีกต่อหนึ่งเป็นขั้นตอนไป เหตุทุจริตเกิดขึ้นเพราะสมุห์บัญชีไม่ควบคุมดูแลให้จำเลยที่ 1 ปฎิบัติหน้าที่ตามระเบียบที่วางไว้ จำเลยที่ 4 ที่ 5 ในฐานะปลัดสุขาภิบาลและกรรมการรักษาเงิน ไม่มีความจำเป็นต้องล้วงไปตรวจสอบถึงการปฏิบัติหน้าที่ของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 4 ที่ 5 จึงมิได้ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อหรือละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3418/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิดฐานครอบครองไม้หวงห้าม ผู้ขับขี่รถบรรทุกไม้ไม่มีส่วนครอบครอง ไม่ถือเป็นความผิดร่วม
จำเลยเป็นเจ้าของและผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างบรรทุกไม้ของกลางอันยังมิได้แปรรูป โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หวงห้ามที่ ส. มีไว้ในครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ในขณะเจ้าพนักงานจับไม้ของกลางได้บนรถยนต์ของจำเลย ส. เจ้าของไม้ได้ครอบครองไม้นั้นอยู่ด้วยตนเอง แม้จำเลยจะเป็นผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกไม้ ก็เป็นแต่ผู้รับจ้างเพื่อประโยชน์ที่จะได้รับค่าจ้างเท่านั้นมิได้มีส่วนในการครอบครองไม้นั้นด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงการสนับสนุนการกระทำความผิดเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3418/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสนับสนุนการกระทำความผิด กรณีผู้ขับขี่รถบรรทุกไม้หวงห้าม โดยไม่ได้มีส่วนร่วมในการครอบครอง
จำเลยเป็นเจ้าของและผู้ขับขี่รถยนต์รับจ้างบรรทุกไม้ของกลางอันยังมิได้แปรรูป โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นไม้หวงห้ามที่ ส. มีไว้ในครอบครองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายแต่ในขณะเจ้าพนักงานจับไม้ของกลางได้บนรถยนต์ของจำเลย ส. เจ้าของไม้ได้ครอบครองไม้นั้นอยู่ด้วยตนเอง แม้จำเลยจะเป็นผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกไม้ ก็เป็นแต่ผู้รับจ้างเพื่อประโยชน์ที่จะได้รับค่าจ้างเท่านั้นมิได้มีส่วนในการครอบครองไม้นั้นด้วย การกระทำของจำเลยจึงเป็นเพียงการสนับสนุนการกระทำความผิดเท่านั้น