คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุวัฒน์ รัตรสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 605 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3219/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิติดตามทรัพย์สินถูกเบียดบัง: คดีไม่ขาดอายุความตามมาตรา 1336
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ซึ่งจำเลยเบียดบังเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว เป็นการฟ้องเพื่อติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินที่จำเลยเอาของโจทก์ไปโดยมิชอบ โจทก์ในฐานะเจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความ ไม่ใช่เป็นกรณีเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามมาตรา 448 คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3219/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิติดตามทรัพย์สินคืน: คดีติดตามทรัพย์สินไม่มีอายุความต่างจากคดีเรียกร้องค่าเสียหาย
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ซึ่งจำเลยเบียดบังเอาไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว เป็นการฟ้องเพื่อติดตามเอาคืนซึ่งทรัพย์สินที่จำเลยเอาของโจทก์ไปโดยมิชอบ โจทก์ในฐานะเจ้าของทรัพย์สินมีสิทธิติดตามเอาคืนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1336 ซึ่งไม่มีกำหนดอายุความ ไม่ใช่เป็นกรณีเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายตามมาตรา 448 คดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3003-3005/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานป่าไม้ และการรับรองเอกสารเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยป่าไม้อำเภอ ได้รับคำสั่งจากป่าไม้อำเภอให้ไปตรวจสอบไม้ตามที่มีผู้ยื่นคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่จำเลยไม่ได้ไปตรวจสอบไม้ ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานการชำระเงินค่าภาคหลวง และไม่ได้ตรวจสอบบัญชีจำหน่ายไม้ แต่จำเลยได้ลงลายมือชื่อของตนในหนังสือกำกับไม้แปรรูปในช่องผู้ตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทำการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว และทำความเห็นเสนอนายอำเภอในคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ว่าได้ไปทำการตรวจสอบไม้รายนี้แล้วถูกต้องจริง สมควรออกใบเบิกทางให้ได้ ซึ่งเป็นความเท็จ เป็นเหตุให้ป่าไม้อำเภอในฐานะผู้ทำการแทนนายอำเภอออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ให้แก่ผู้ขอ ทำให้ป่าไม้อำเภอซึ่งเป็นผู้ออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ได้รับความเสียหาย การกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ป่าไม้อำเภอและกรมป่าไม้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และเป็นความผิดฐานรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(1)
รเเบียบของกรมป่าไม้ที่ระบุให้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ด้วยตนเองนั้น ปรากฏว่าในทางปฏิบัติได้อนุโลมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ซึ่งมิใช่พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้เขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ แล้วจำเลยลงชื่อว่าตนเป็นผู้เขียนหรือกรอกเองนั้น เป็นการปฏิบัติผิดระเบียบของกรมป่าไม้เท่านั้น มิใช่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157
การเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ดังกล่าว เป็นการเขียนกรอกข้อความตามช่องในแบบฟอร์ม ซึ่งมีช่องให้กรอกเป็นช่อง ๆ จึงมิใช่เป็นการจดข้อความซึ่งมีหน้าที่ต้องรับจด การกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การละเว้นไม่จดข้อความซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องรับจดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 (3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3003-3005/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงาน, รับรองเอกสารเท็จ, ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162(1)
จำเลยเป็นเจ้าพนักงานทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยป่าไม้อำเภอ ได้รับคำสั่งจากป่าไม้อำเภอให้ไปตรวจสอบไม้ตามที่มีผู้ยื่นคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ จำเลยไม่ได้ไปตรวจสอบไม้ ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานการชำระเงินค่าภาคหลวง และไม่ได้ตรวจสอบบัญชีจำหน่ายไม้ แต่จำเลยได้ลงลายมือชื่อของตนในหนังสือกำกับไม้แปรรูปในช่องผู้ตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทำการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว และทำความเห็นเสนอนายอำเภอในคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ว่าได้ไปทำการตรวจสอบไม้รายนี้แล้วถูกต้องจริง สมควรออกใบเบิกทางให้ได้ ซึ่งเป็นความเท็จ เป็นเหตุให้ป่าไม้อำเภอในฐานะผู้ทำการแทนนายอำเภอออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ให้แก่ผู้ขอ ทำให้ป่าไม้อำเภอซึ่งเป็นผู้ออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ได้รับความเสียหายการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ป่าไม้อำเภอและกรมป่าไม้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นความผิดฐานรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นอันเป็นความเท็จตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(1)
ระเบียบของกรมป่าไม้ที่ระบุให้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ด้วยตนเองนั้นปรากฏว่าในทางปฏิบัติได้อนุโลมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่เป็นผู้เขียนกรอกเองได้เพื่อความสะดวกรวดเร็ว การที่จำเลยได้ยอมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ซึ่งมิใช่พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้เขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ แล้วจำเลยลงชื่อว่าตนเป็นผู้เขียนหรือกรอกเองนั้น เป็นการปฏิบัติผิดระเบียบของกรมป่าไม้เท่านั้นมิใช่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
การเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ดังกล่าว เป็นการเขียนกรอกข้อความตามช่องในแบบฟอร์มซึ่งมีช่องให้กรอกเป็นช่อง ๆ จึงมิใช่เป็นการจดข้อความซึ่งมีหน้าที่ต้องรับจดการกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การละเว้นไม่จดข้อความซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องรับจดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(3)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2875/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้อน-สิทธิครอบครอง-ประทานบัตร: ศาลฎีกาวินิจฉัยการฟ้องซ้ำ/ซ้อน และสิทธิการครอบครองที่ดินพิพาท
คดีนี้โจทก์บรรยายสภาพแห่งข้อหาและคำขอบังคับในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 3 และที่ 4 อย่างเดียวกับที่ได้ฟ้องจำเลยทั้งสองไว้ในคดีก่อน จึงเป็นคำฟ้องซ้อนกับคดีก่อน ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา173(1) ส่วนจำเลยที่ 1และที่ 2 โจทก์มิได้ฟ้องในคดีก่อนด้วยไม่ถือเป็นฟ้องซ้อนโจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นคดีนี้ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2853/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดิน & หน้าที่แจ้งความยินยอมผู้เช่า: สัญญาไม่ตกเป็นโมฆียะ แม้โจทก์ไม่ได้แจ้งความยินยอมของผู้เช่าโดยตรง
จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินทำสัญญาให้เช่าที่ดินพิพาทแก่ป. และทำสัญญาจะขายที่ดินพิพาทแก่โจทก์ในขณะที่สัญญาเช่ายังไม่ครบกำหนดเวลาเช่า ในสัญญาเช่ามีข้อความว่าถ้าผู้ให้เช่าตกลงขายทรัพย์สินที่เช่าให้แก่ผู้ใดก่อนครบกำหนดการเช่าตามสัญญา ผู้ให้เช่าจะแจ้งให้ผู้เช่าทราบล่วงหน้า เพื่อผู้เช่าเตรียมตัวออกจากทรัพย์สินที่เช่าเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสองเดือน และผู้ให้เช่าจะต้องแจ้งให้ผู้เช่าทราบด้วยว่าจะตกลงขายให้แก่ผู้ใดเป็นเงินเท่าใดเพื่อผู้เช่าจะได้มีโอกาสตกลงซื้อได้ก่อนในเมื่อเห็นว่าเป็นราคาสมควรนั้นการที่จำเลยกล่าวอ้างว่าโจทก์ได้ใช้อุบายหลอกลวงจำเลยด้วยการนำเอาความเท็จมาแจ้งแก่จำเลยว่าผู้เช่ายินยอมให้ขายที่ดินพิพาทได้นั้น แม้จะเป็นความจริงก็มิใช่กลฉ้อฉลอันถึงขนาดที่จะทำให้สัญญาจะซื้อขายที่ดินพิพาทเป็นโมฆียะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 122. เพราะตามสัญญาเช่านั้นเป็นหน้าที่ของจำเลยผู้ให้เช่าที่จะต้องแจ้งให้ผู้เช่าทราบว่า จำเลยตกลงขายให้ผู้ใดเป็นเงินเท่าใด หาใช่หน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องแจ้งแก่จำเลยไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2844/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นายหน้าไม่ใช่ผู้ซื้อ: ศาลฎีกายืนตามข้อเท็จจริงว่าจำเลยเป็นนายหน้า ไม่ต้องรับผิดชำระค่าเครื่องปรับอากาศ ฟ้องแย้งค่านายหน้าไม่สามารถอุทธรณ์ฎีกาได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินค่าซื้อเครื่องปรับอากาศ 110,000 บาท แก่โจทก์ จำเลยให้การว่าไม่ได้เป็นผู้ซื้อแต่เป็นนายหน้าจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ และฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระเงินค่านายหน้า 10,600 บาทแก่จำเลยศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเครื่องปรับอากาศและยกฟ้องแย้งจำเลยดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยในปัญหาข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยให้ ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยมีสิทธิฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2844/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การซื้อขายเครื่องปรับอากาศ: ข้อพิพาทเรื่องการเป็นผู้ซื้อและการฟ้องแย้งค่านายหน้าที่ไม่สามารถฎีกาได้
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินค่าซื้อเครื่องปรับอากาศ 110,000 บาทแก่โจทก์ จำเลยให้การว่าไม่ได้เป็นผู้ซื้อแต่เป็นนายหน้าจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ และฟ้องแย้งให้โจทก์ชำระเงินค่านายหน้า 10,600 บาทแก่จำเลยศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเครื่องปรับอากาศและยกฟ้องแย้งจำเลยดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 แม้ศาลชั้นต้นจะสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลยในปัญหาข้อเท็จจริงและศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยให้ ก็ไม่เป็นเหตุให้จำเลยมีสิทธิฎีกาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2843/2525 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายที่ดิน: เหตุสุดวิสัยจากการไม่ยินยอมของเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม และผลกระทบต่อการผิดสัญญา
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยซึ่งมีกรรมสิทธิ์รวมกับ ย. หลังจากทำสัญญากันแล้ว ย. ไม่ยอมรังวัดแบ่งแยกจำเลยก็ฟ้อง ย.และทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ย. ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกทั้งได้ไปยื่นคำร้องขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินในวันเดียวกันนั้น และได้แจ้งให้โจทก์ทราบถึงการปฏิบัติตามสัญญาเป็นระยะ ๆ การที่จำเลยไม่สามารถรังวัดแบ่งแยกโฉนดที่ดินให้เสร็จเรียบร้อยภายในกำหนดสามเดือนตามสัญญาเป็นพฤติการณ์ที่จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 205 จำเลยจึงยังไม่ผิดนัดเมื่อการรังวัดแบ่งแยกเสร็จแล้ว จำเลยได้นัดวันเวลาที่จะทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์ให้เสร็จสิ้น แต่โจทก์ไม่ไปตามนัดเพราะเลยกำหนดสามเดือนตามสัญญา จึงจะถือว่าโจทก์ผิดสัญญาไม่ได้เช่นเดียวกันจำเลยจะริบมัดจำโจทก์ไม่ได้
(เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 750/2518)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2843/2525

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายที่ดิน: เหตุสุดวิสัยจากการไม่ยินยอมของเจ้าของกรรมสิทธิ์รวม ทำให้จำเลยไม่ผิดสัญญา
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยซึ่งมีกรรมสิทธิ์รวมกับ ย.หลังจากทำสัญญากันแล้วย. ไม่ยอมรังวัดแบ่งแยก จำเลยก็ฟ้อง ย.และทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันย. ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกทั้งได้ไปยื่นคำร้องขอรังวัดแบ่งแยกที่ดินในวันเดียวกันนั้น และได้แจ้งให้โจทก์ทราบถึงการปฏิบัติตามสัญญาเป็นระยะ ๆ การที่จำเลยไม่สามารถรังวัดแบ่งแยกโฉนดที่ดินให้เสร็จเรียบร้อยภายในกำหนดสามเดือนตามสัญญา เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 205 จำเลยจึงยังไม่ผิดนัดเมื่อการรังวัดแบ่งแยกเสร็จแล้ว จำเลยได้นัดวันเวลาที่จะทำสัญญาซื้อขายกับโจทก์ให้เสร็จสิ้น แต่โจทก์ไม่ไปตามนัดเพราะเลยกำหนดสามเดือนตามสัญญา จึงจะถือว่าโจทก์ผิดสัญญาไม่ได้เช่นเดียวกันจำเลยจะริบมัดจำโจทก์ไม่ได้
(เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 750/2518)
of 61