คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุวัฒน์ รัตรสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 605 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2414/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งศาลให้หยุดกิจการโรงงาน ไม่ถือเป็นคำสั่งห้ามตาม ม.196 หากความผิดไม่ได้เกิดจากอาชีพหรือวิชาชีพ
คดีก่อนศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานตั้งโรงงานและประกอบกิจการโรงงานโดยไม่รับอนุญาต ซึ่งความผิดในคดีดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะจำเลยมิได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงงานและประกอบกิจการ ไม่เกี่ยวกับอาชีพหรือวิชาชีพที่จำเลยประกอบอยู่ คำสั่งศาลในคดีก่อนที่สั่งให้จำเลยหยุดประกอบกิจการโรงงานจนกว่าจะได้รับอนุญาตนั้น หาใช่คำสั่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 50 ไม่ เมื่อปรากฏต่อมาว่าจำเลยได้ประกอบกิจการโรงงานของจำเลยอีก ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานฝ่าฝืนคำสั่งห้ามของศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 196

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2279/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การริบอาวุธปืน: ศาลไม่อาจริบได้หากลงโทษตามบทที่มีโทษหนัก และปืนนั้นได้รับอนุญาต
รับใบอนุญาตให้มีปืนจดทะเบียน พาปืนนั้นไปในทางสาธารณะโดยไม่มีใบอนุญาต ริบปืนไม่ได้ และจะริบตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ซึ่งเป็นบทเบาที่ศาลไม่ได้ใช้ลงโทษก็ริบไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2271/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเด็ดขาด ศาลไม่สามารถวินิจฉัยข้อเท็จจริงเดิมที่เคย争กันได้
โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในประเด็นแห่งคดีศาลชั้นต้นพิพากษาไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น จำเลยไม่ได้อุทธรณ์ตามข้อยกเว้นที่จะอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 138(1)(2) และ (3)คดีจึงถึงที่สุดไปตามคำพิพากษาตามยอมแล้ว ศาลจะดำเนินกระบวนพิจารณาในเรื่องที่จำเลยอ้างอันเป็นข้อเท็จจริง ในประเด็นแห่งคดีที่ศาลได้พิพากษาถึงที่สุดไปแล้ว และวินิจฉัยคดีใหม่อีกย่อมไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 วรรคแรก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2248/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตั้งผู้ปกครองและการรับบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อมีมารดาอยู่
การที่จะตั้งผู้ปกครองผู้เยาว์นั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1555(เดิม) ให้ตั้งได้เฉพาะในกรณีที่ผู้เยาว์ไม่มีบิดามารดา หรือบิดามารดาถูกถอนอำนาจปกครองเสียแล้ว แต่คดีนี้ผู้เยาว์ยังมีมารดาซึ่งยังไม่ได้ถูกถอนอำนาจปกครองอยู่ จึงไม่อาจตั้งผู้ปกครองได้
การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรในระหว่างที่เด็กเป็นผู้เยาว์ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1529(เดิม) บัญญัติให้ผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กเป็นผู้ฟ้องแทน เมื่อผู้ร้องขอไม่ได้เป็นผู้ปกครองเด็ก ก็ไม่อาจร้องขอให้ศาลสั่งว่าเด็กหญิง ส.เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของ ป.บุตรผู้ร้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดภูมิลำเนาเจ้าหนี้ในคดีล้มละลาย: สำนักงานใหญ่ vs. สาขาต่างประเทศ
กำหนดเวลาที่เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 91 นั้น ต้องถือเอาที่อยู่ของเจ้าหนี้เป็นสำคัญว่าอยู่นอกหรือในราชอาณาจักร ถ้าอยู่ในราชอาณาจักรต้องยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ถ้าอยู่นอกราชอาณาจักรเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขยายกำหนดเวลาให้อีกได้ไม่เกินสองเดือน ส่วนสัญชาติของเจ้าหนี้หรือสถานที่ที่หนี้เกิดขึ้นไม่เป็นข้อสำคัญ
เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้เป็นนิติบุคคลซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานครประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 ให้ถือเอาที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่เป็นภูมิลำเนาของนิติบุคคลนั้น ส่วนที่ตั้งของสำนักงานสาขาจะถือว่าเป็นภูมิลำเนาได้ก็เฉพาะแต่กิจการซึ่งจะต้องทำ ณ ที่ตั้งสำนักงานสาขาเท่านั้น เมื่อการขอรับชำระหนี้รายนี้จะต้องทำ ณ ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ เจ้าหนี้ก็ไม่อาจยกภูมิลำเนาของสาขาต่างประเทศขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อใช้สิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้ที่อยู่นอกราชอาณาจักรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2229/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การกำหนดภูมิลำเนาเจ้าหนี้เพื่อขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลาย: สำนักงานใหญ่เป็นหลัก
กำหนดเวลาที่เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 91 นั้น ต้องถือเอาที่อยู่ของเจ้าหนี้เป็นสำคัญว่าอยู่นอกหรือในราชอาณาจักร ถ้าอยู่ในราชอาณาจักรต้องยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ถ้าอยู่นอกราชอาณาจักรเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะขยายกำหนดเวลาให้อีกได้ไม่เกินสองเดือน ส่วนสัญชาติของเจ้าหนี้หรือสถานที่ที่หนี้เกิดขึ้นไม่เป็นข้อสำคัญ
เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้เป็นนิติบุคคลซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงเทพมหานคร ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 71 ให้ถือเอาที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่เป็นภูมิลำเนาของนิติบุคคลนั้น ส่วนที่ตั้งของสำนักงานสาขาจะถือว่าเป็นภูมิลำเนาได้มีเฉพาะแต่กิจการซึ่งจะต้องทำ ณ ที่ตั้งสำนักงานสาขาเท่านั้น เมื่อการขอรับชำระหนี้รายนี้จะต้องทำ ณ ที่สำนักงานใหญ่ เจ้าหนี้ก็ไม่อาจยกภูมิลำเนาของสาขาต่างประเทศขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อใช้สิทธิในฐานะเป็นเจ้าหนี้ที่อยู่นอกราชอาณาจักรได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2218/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การยักยอกต้องมีการครอบครองทรัพย์ก่อน หากไม่มีการครอบครอง แม้จะมีการเปลี่ยนทรัพย์สิน ก็ไม่ถือว่าเป็นการยักยอก
ความผิดฐานยักยอกตาม มาตรา 352 ผู้ยักยอกต้องครอบครองทรัพย์ที่ยักยอกแล้วเบียดบังเสีย เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยครอบครองทรัพย์ ก็ไม่เป็นยักยอก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2100/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ วิ่งราวทรัพย์ vs. ชิงทรัพย์: การใช้กำลังประทุษร้ายเป็นสาระสำคัญ
จำเลยรวบคอผู้เสียหายเพื่อให้รู้ว่าสวมสร้อยคออยู่ แล้วกระตุกสร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง สร้อยบาดคอเป็นแผลไม่ถึงเป็นอันตรายแก่กาย ไม่เป็นชิงทรัพย์ เป็นการฉกฉวยเอาซึ่งหน้า มีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1869/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การครอบครองและจำหน่ายอาวุธปืนผิดกฎหมาย: คำสั่ง คณะปฏิรูปฯ ไม่คุ้มครองการค้า
ประกาศของคณะปฏิรูปฯ ฉบับที่ 12 วันที่ 7 ตุลาคม 2519ยกเว้นโทษแก่ผู้นำอาวุธปืนที่ใช้เฉพาะการสงครามไปมอบแก่เจ้าหน้าที่ ไม่คุ้มครองถึงกรณีที่มีอาวุธปืนเพื่อการค้า

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1592/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ-คำพิพากษาถึงที่สุด: ศาลไม่รับฟ้องเพิกถอนคำพิพากษาเดิมหากไม่ใช้กระบวนการตามกฎหมาย
จำเลยที่ 1 เคยฟ้องโจทก์กับจำเลยที่ 4 ขอให้เพิกถอนนิติกรรมสัญญาให้ที่ดินซึ่ง ท.ภิริยาจำเลยที่ 1 ยกให้โจทก์และจำเลยที่ 4 โจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ส่วนจำเลยที่ 4 ยอมรับว่าเป็นจริงตามฟ้อง ศาลพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมสัญญาดังกล่าว คดีถึงที่สุดแล้ว คำพิพากษาในคดีดังกล่าวย่อมผูกพันโจทก์กับจำเลยที่ 1 หากโจทก์จะขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนคำพิพากษาคดีดังกล่าวก็ต้องดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 ,208,และ 209 คือขอให้มีการพิจารณาใหม่การที่โจทก์มาฟ้องเป็นคดีใหม่ขอให้ศาลพิจารณาเพิกถอนคำพิพากษาคดีก่อนย่อมเป็นการฟ้องซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ในส่วนที่เกี่ยวกันเช่นนี้จำเลยที่ 1 จึงเป็นคำฟ้องซึ่งศาลไม่พึงรับไว้พิจารณา
เมื่อโจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนคำพิพากษาคดีก่อนเสียแล้ว คำฟ้องของโจทก์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 ที่จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้จัดการมรดกของ ท.โอนใส่ชื่อตนเองกับจำเลยที่ 3 เป็นผู้รับมรดกแล้ว จำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ทำนิติกรรมยกที่ดินแปลงดังกล่าวโอนกลับคืนให้จำเลยที่ 4 ครึ่งหนึ่งของเนื้อที่ จึงให้จำเลยทั้งสี่ไปดำเนินการเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนต่างๆเสีย ให้โจทก์กับจำเลยที่ 4 เป็นผู้ถือกรรมสิทธิตามเดิมนั้นย่อมไม่เป็นคำฟ้องอันพึงรับไว้พิจารณาเช่นกัน
of 61