คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุวัฒน์ รัตรสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 605 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 744/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เครื่องพิมพ์ปลอมเงินตรา แม้ไม่สมบูรณ์ แต่มีเจตนาและสามารถใช้ได้จริง ถือความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246
มีเครื่องพิมพ์ที่เจตนาใช้พิมพ์ธนบัตรปลอม แม้ขาดอุปกรณ์แต่ถ้ามีอุปกรณ์ประกอบเข้าก็ใช้พิมพ์ธนบัตรปลอมได้ เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246
เส้นสีแดงที่กระดาษของกลางต่างกับธนบัตรของแท้ เป็นเรื่องของขีดความสามารถที่จะทำปลอมไม่จำต้องถึงกับเหมือนของแท้จนไม่รู้ว่าปลอมหรือแท้
จำเลยให้การชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่คดีอยู่บ้าง และเคยช่วยเหลือราชการจนได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ศาลลดโทษตาม มาตรา 78
โจทก์ส่งบันทึกภาษาจีนพร้อมด้วยคำแปลต่อศาลในวันที่สืบผู้แปลเพื่อยืนยันคำแปล ไม่ใช่ส่งในฐานะที่พยานเป็นผู้ชำนาญการพิเศษแสดงความเห็น ไม่ใช่กรณีตาม มาตรา 243 ที่ต้องส่งสำเนาเอกสารก่อน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพรางสัญญาซื้อขายเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการเช่าซื้อรถยนต์ ศาลวินิจฉัยสัญญาสิ้นผล
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกมาจากจำเลยที่ 1 เพื่อนำไปเข้าร่วมเดินรถกับบริษัทสหรถเมล์เล็กธนบุรี จำกัด ผู้ได้รับอนุญาตให้เดินรถประจำทาง ตามระเบียบของกระทรวงคมนาคม บริษัทฯ จะต้องมีรถของตนเอง ถ้าจะนำรถของผู้อื่นมาร่วมจะต้องโอนทะเบียนรถให้เป็นของบริษัทฯ เสียก่อน โจทก์จึงขอให้จำเลยที่ 1 ทำสัญญาซื้อขายรถให้โจทก์เพื่อโจทก์จะได้นำสัญญาซื้อขายไปโอนทะเบียนรถยนต์ให้เป็นของบริษัทฯการทำสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ก็เพื่อช่วยเหลือโจทก์ให้นำรถยนต์ที่โจทก์เช่าซื้อจากจำเลยที่ 1 เข้าร่วมในกิจการเดินรถของบริษัทฯ ได้เท่านั้น คู่สัญญาไม่มีเจตนาผูกพันกันตามสัญญาซื้อขาย แต่มีเจตนาผูกพันกันตามสัญญาเช่าซื้อสัญญาซื้อขายเป็นแต่เพียงการแสดงเจตนาลวงและเป็นนิติกรรมอำพราง จึงไม่มีผลบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 เมื่อโจทก์ค้างชำระค่าเช่าซื้อหลายงวดติดต่อกัน จำเลยที่ 1 ก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ และยึดรถกลับคืนได้ ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
เอกสารซึ่งเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญในคดี แม้จำเลยจะไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารให้โจทก์ ศาลก็มีอำนาจรับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87(2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 700/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ นิติกรรมอำพรางสัญญาซื้อขายเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดการเดินรถ สัญญาเช่าซื้อยังคงมีผลบังคับ
โจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์บรรทุกมาจากจำเลยที่ 1 เพื่อนำไปเข้าร่วมเดินรถกับบริษัทสหรถเมล์เล็กธนบุรี จำกัด ผู้ได้รับอนุญาตให้เดินรถประจำทาง ตามระเบียบของกระทรวงคมนาคม บริษัทฯ จะต้องมีรถของตนเอง ถ้าจะนำรถของผู้อื่นมาร่วมจะต้องโอนทะเบียนรถให้เป็นของบริษัทฯ เสียก่อน โจทก์จึงขอให้จำเลยที่ 1 ทำสัญญาซื้อขายรถให้โจทก์ เพื่อโจทก์จะได้นำสัญญาซื้อชายไปโอนทะเบียนรถยนต์ให้เป็นของบริษัทฯ การทำสัญญาซื้อขายระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ก็เพื่อช่วยเหลือโจทก์ให้นำรถยนต์ที่โจทก์เช่าซื้อจากจำเลยที่ 1 เข้าร่วมในกิจการเดินรถของบริษัทฯ ได้เท่านั้น คู่สัญญาไม่มีเจตนาผูกพันกันตามสัญญาซื้อขาย แต่มีเจตนาผูกพันกันตามสัญญาเช่าซื้อ สัญญาซื้อขายเป็นแต่เพียงการแสดงเจตนาลวงและเป็นนิติกรรมอำพราง จึงไม่มีผลบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 เมื่อโจทก์ค้างชำระค่าเช่าซื้อหลายงวดติดต่อกัน จำเลยที่ 1 ก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อ และยึดรถกลับคืนได้ ไม่เป็นการละเมิดต่อโจทก์
เอกสารซึ่งเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญในคดี แม้จำเลยจะไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารให้โจทก์ ศาลก็มีอำนาจรับฟังได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 (2)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลียนแบบเครื่องหมายการค้า การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า และการกระทำละเมิด
กฎหมายไม่ได้บังคับให้ต้องนำผู้แปลมาสืบ เมื่อจำเลยเห็นว่าคำแปลตรงไหนไม่ถูกต้อง หรือคลาดเคลื่อนอย่างไร จำเลยก็โต้แย้งหรือเสนอคำแปลที่ถูกต้องได้ แต่จำเลยก็ไม่ได้กระทำการดังกล่าว จึงถือได้ว่าคำแปลเอกสารภาษาต่างประเทศของโจทก์ถูกต้องแล้ว
สินค้าของโจทก์จำหน่ายแพร่หลายในประเทศไทยมาราว 15 ปี แล้ว แต่โจทก์ไม่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวในประเทศไทย ซึ่งสินค้าโจทก์ที่เรียกว่า "CALUMET" นั้นไม่มีคำแปล การที่จำเลยเรียกชื่อสินค้าของจำเลยว่า "calumak" ซึ่งแตกต่างกับชื่อสินค้าของโจทก์เป็นสีแดงและมีรูปคนประกอบเหมือนกัน ทั้งสิ้นค้าของโจทก์จำเลยก็เป็นสินค้าจำพวก 42 เช่นเดียวกัน ส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยที่จะเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์ให้ประชาชนหลงเชื่อว่าสินค้าของจำเลยเป็นสินค้าของโจทก์ แม้จำเลยจะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยแล้ว แต่เมื่อจำเลยเอาสินค้าของจำเลยไปลวงขายว่าเป็นสินค้าของโจทก์ โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าฯ มาตรา 29 วรรค 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 694/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลียนแบบเครื่องหมายการค้า การใช้ชื่อสินค้าที่คล้ายคลึงกัน และการลวงขายสินค้าทำให้เกิดการละเมิด
กฎหมายไม่ได้บังคับให้ต้องนำผู้แปลมาสืบเมื่อจำเลยเห็นว่าคำแปลตรงไหนไม่ถูกต้อง หรือคลาดเคลื่อนอย่างไรจำเลยก็โต้แย้งหรือเสนอคำแปลที่ถูกต้องได้ แต่จำเลยก็ไม่ได้กระทำการดังกล่าว จึงถือได้ว่าคำแปลเอกสารภาษาต่างประเทศของโจทก์ถูกต้องแล้ว
สินค้าของโจทก์จำหน่ายแพร่หลายในประเทศไทยมาราว 15 ปีแล้ว แต่โจทก์ไม่ได้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวในประเทศไทย ชื่อสินค้าโจทก์ที่เรียกว่า "CALUMET" นั้นไม่มีคำแปล การที่จำเลยเรียกชื่อสินค้าของจำเลยว่า "CALUMAK" ซึ่งแตกต่างกับชื่อสินค้าของโจทก์เพียงอักษรท้ายสองตัว เมื่อออกสำเนียงชื่อก็คล้ายคลึงกันสีพื้นของเครื่องหมายการค้าเป็นสีแดงและมีรูปคนประกอบเหมือนกัน ทั้งสินค้าของโจทก์จำเลยก็เป็นสินค้าจำพวก 42 เช่นเดียวกัน ส่อให้เห็นเจตนาของจำเลยที่จะเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์ให้ประชาชนหลงเชื่อว่าสินค้าของจำเลยเป็นสินค้าของโจทก์ แม้จำเลยจะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของจำเลยแล้ว แต่เมื่อจำเลยเอาสินค้าของจำเลยไปลวงขายว่าเป็นสินค้าของโจทก์ โจทก์ก็มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายได้ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า มาตรา 29 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 471/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: การชดใช้หนี้และการยกบ้านให้เป็นผลประโยชน์ตอบแทน
เอกสารว่า โจทก์ใช้หนี้แทนแก่จำเลยแล้ว จำเลยยอมยกบ้านให้แก่โจทก์ดังนี้ เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ใช้บังคับได้ ไม่ใช่ให้โดยเสน่หาที่จะต้องจดทะเบียนตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 525

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้าทายผลคดี: ศาลพิพากษาตามข้อตกลงเมื่อผลคดีตรงตามที่ท้าทายไว้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้าน และที่ดินพิพาทกับเรียกค่าเสียหายอ้างว่าบ้านและที่ดินเป็นของโจทก์ให้จำเลยอาศัย จำเลยให้การว่าบ้านและที่ดินพิพาทเป็นของบิดาจำเลยให้ภริยาโจทก์มีชื่อในโฉนดที่ดินแทน ก่อนตายบิดาจำเลยได้สั่งให้โจทก์ ภริยาโจทก์ จำเลยและน้อง ๆ รักษาบ้านและที่ดินพิพาทไว้เป็นที่อยู่อาศัยของญาติพี่น้อง แล้วจำเลยได้ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นอีกคดีหนึ่งว่า โจทก์คดีนี้ยอมยกที่ดินและบ้านพิพาทตีใช้หนี้แก่จำเลยแล้ว ขอให้โจทก์คดีนี้ใช้เงิน 198,000 บาท ให้จำเลย หรือโอนบ้านและที่ดินพิพาทให้จำเลย ในชั้นพิจารณาคดีนี้โจทก์จำเลยตกลงกันว่า ถ้าผลอีกคดีหนึ่งนั้นโจทก์ในคดีนี้ชนะคดีจำเลยยอมแพ้คดีนี้ด้วย และยอมชดใช้ค่าเสียหายตามฟ้องแต่ถ้าโจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดีดังกล่าว โจทก์ก็ต้องแพ้คดีนี้ด้วย โดยโจทก์ต้องยอมชำระเงินให้จำเลย 198,000 บาท เพื่อให้จำเลยออกจากบ้านและที่ดินพิพาทหรือยอมโอนบ้านและที่ดินพิพาทให้จำเลย ปรากฏว่าคดีดังกล่าวศาลฎีกาฟังว่าจำเลยได้ออกเงินช่วยรักษาพยาบาลภรรยาโจทก์จริง แต่จำเลยฟ้องรวมมากับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ไม่อาจทราบได้ว่าค่าใช้จ่าย และค่ารักษาพยาบาลอย่างละเท่าไร ไม่อาจพิพากษาให้ได้จึงพิพากษายกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิจำเลยไปฟ้องเรียกเงินทดรองในการรักษาพยาบาลภรรยาโจทก์ดังนี้ คดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ถือว่าผลคดีตรงตามคำท้าแล้ว คือโจทก์คดีนี้เป็นฝ่ายชนะในคดีนั้น จำเลยจึงต้องแพ้คดีนี้ตามคำท้า จำเลยจะอ้างว่าคดียังไม่เสร็จเด็ดขาด และจำเลยยังไม่สละสิทธิข้อต่อสู้ในคำให้การคดีนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข้อตกลงท้ากันใช้ผลคดีอื่นเป็นข้อวินิจฉัยคดีปัจจุบัน หากฝ่ายแพ้ต้องปฏิบัติตามข้อตกลง
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้าน และที่ดินพิพาทกับเรียกค่าเสียหายอ้างว่าบ้านและที่ดินเป็นของโจทก์ให้จำเลยอาศัย จำเลยให้การว่าบ้านและที่ดินพิพาทเป็นของบิดาจำเลยให้ภริยาโจทก์มีชื่อในโฉนดที่ดินแทน ก่อนตายบิดาจำเลยได้สั่งให้โจทก์ ภริยาโจทก์ จำเลยและน้อง ๆ รักษาบ้านและที่ดินพิพาทไว้เป็นที่อยู่อาศัยของญาติพี่น้อง แล้วจำเลยได้ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นอีกคดีหนึ่งว่า โจทก์คดีนี้ยอมยกที่ดินและบ้านพิพาทตีใช้หนี้แก่จำเลยแล้ว ขอให้โจทก์คดีนี้ใช้เงิน 198,000 บาท ให้จำเลย หรือโอนบ้านและที่ดินพิพาทให้จำเลย ในชั้นพิจารณาคดีนี้โจทก์จำเลยตกลงกันว่า ถ้าผลอีกคดีหนึ่งนั้นโจทก์ในคดีนี้ชนะคดีจำเลยยอมแพ้คดีนี้ด้วย และยอมชดใช้ค่าเสียหายตามฟ้อง แต่ถ้าโจทก์เป็นฝ่ายแพ้คดีดังกล่าว โจทก์ก็ต้องแพ้คดีนี้ด้วย โดยโจทก์ต้องยอมชำระเงินให้จำเลย 198,000 บาท เพื่อให้จำเลยออกจากบ้านและที่ดินพิพาทหรือยอมโอนบ้านและที่ดินพิพาทให้จำเลย ปรากฏว่าคดีดังกล่าวศาลฎีกาฟังว่าจำเลยได้ออกเงินช่วยรักษาพยาบาลภรรยาโจทกย์จริง แต่จำเลยฟ้องรวมมากับค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ไม่อาจทราบได้ว่าค่าใช้จ่าย และค่ารักษาพยาบาลอย่างละเท่าไร ไม่อาจพิพากษาให้ได้ จึงพิพากษายกฟ้องโดยไม่ตัดสิทธิจำเลยไปฟ้องเรียกเงินทดรองในการรักษาพยาบาลภรรยาโจทก์ ดังนี้ คดีดังกล่าวถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษายกฟ้อง ถือว่าผลคดีตรงตามคำท้าแล้ว คือโจทก์คดีนี้เป็นฝ่ายชนะในคดีนั้น จำเลยจึงต้องแพ้คดีนี้ตามคำท้า จำเลยจะอ้างว่าคดียังไม่เสร็จเด็ดขาด และจำเลยยังไม่สละสิทธิข้อต่อสู้ในคำให้การคดีนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 347/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องภารจำยอมต้องระบุระยะเวลาการใช้ทางต่อเนื่อง 10 ปี เพื่อแสดงสิทธิเรียกร้อง
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่า โจทก์ได้เดินเข้าออกฝ่ายที่ดินของจำเลยตั้งแต่ที่ดินแปลงนี้ยังเป็นของ ข. ย่อมเข้าใจได้แล้วว่าโจทก์ได้ภารจำยอมมาโดยอายุความซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401, 1382 โจทก์จะต้องใช้ทางเดินดังกล่าวติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จึงจะได้ภารจำยอมในที่ดินของจำเลยตามทางเดินนั้น ระยะเวลา 10 ปี จึงเป็นสารสำคัญแห่งข้ออ้างที่โจทก์พึงอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามฟ้องของโจทก์ เมื่อคำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวถึงระยะเวลาดังกล่าวอันเป็นสารสำคัญแห่งข้ออ้างที่จะอาศัยเป็นหลักในการที่จะบังคับให้จำเลยจดทะเบียนภารจำยอม จึงต้องถือว่าเป็นคำฟ้องซึ่งมิได้แสดงให้เห็นสิทธิของโจทก์ที่จะขอให้บังคับจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 347/2521

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำฟ้องไม่ชัดเจนเรื่องอายุความภารจำยอม ทำให้ศาลไม่รับคำฟ้อง
โจทก์บรรยายฟ้องอ้างว่า โจทก์ได้เดินเข้าออกผ่านที่ดินของจำเลยตั้งแต่ที่ดินแปลงนี้ยังเป็นของ ช. ย่อมเข้าใจได้แล้วว่าโจทก์ได้ภารจำยอมมาโดยอายุความซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1401,1382 โจทก์จะต้องใช้ทางเดินดังกล่าวติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี จึงจะได้ภารจำยอมในที่ดินของจำเลยตามทางเดินนั้น ระยะเวลา 10 ปี จึงเป็นสารสำคัญแห่งข้ออ้างที่โจทก์พึงอาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาตามฟ้องของโจทก์เมื่อคำฟ้องของโจทก์มิได้กล่าวถึงระยะเวลาดังกล่าวอันเป็นสารสำคัญแห่งข้ออ้างที่จะอาศัยเป็นหลักในการที่จะบังคับให้จำเลยจดทะเบียนภารจำยอม จึงต้องถือว่าเป็นคำฟ้องซึ่งมิได้แสดงให้เห็นสิทธิของโจทก์ที่จะขอให้บังคับจำเลยได้
of 61