คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
สุวัฒน์ รัตรสาร

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 605 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 901/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ค่าสินไหมทดแทนการขาดไร้อุปการะจากละเมิด ศาลกำหนดตามสมควรแก่พฤติการณ์
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1453 สามีภริยาต้องช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูกัน ดังนั้น เมื่อสามีโจทก์ถูกจำเลยยิงตายโดยละเมิด จำเลยจึงต้องชดใช้ที่โจทก์ขาดไร้อุปการะจากสามี และแม้โจทก์จะนำสืบไม่ได้แน่นอนว่าค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนเท่าใด ศาลก็กำหนดให้ได้ตามสมควรแก่พฤติการณ์และความร้ายแรงแห่งการละเมิด
โจทก์ได้รับอนุญาตให้ฟ้องคดีอย่างคนอนาถาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์และได้ยื่นคำขอต่อศาลขอว่าความอย่างคนอนาถาในชั้นฎีกาศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์ฟ้องฎีกาอย่างคนอนาถาได้โดยไม่จำต้องฟังคำคัดค้านของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งก่อนเพราะในกรณีเช่นนี้เป็นเรื่องระหว่างศาลกับคู่ความที่ร้องขอ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าเมืองโดยมิชอบ และความผิดต่อเนื่องตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง การนับอายุความ
การที่จำเลยซึ่งเป็นคนต่างด้าวแสดงตัวเป็น ช. ซึ่งเป็นคนต่างด้าวเช่นกันและผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองในนามของ ช.อันเป็นความเท็จนั้น มีผลเท่ากับจำเลยได้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยมิได้ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยมีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 มาตรา 21 ที่จะต้องไปรายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองที่ใกล้ที่สุดในทางที่เข้ามาโดยมิชักช้า ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตาม การอยู่ต่อมาในราชอาณาจักรไทยของจำเลยก็เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นความผิดต่อเนื่องตลอดมา เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องไว้แล้วว่าจำเลยได้อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยมิชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่วันที่จำเลยเข้ามาในราชอาณาจักรตลอดมาจนถึงวันฟ้อง คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 808/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเข้าเมืองโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นความผิดต่อเนื่อง อายุความไม่ขาดหากยังอยู่ในไทย
การที่จำเลยซึ่งเป็นคนต่างด้าวแสดงตัวเป็น ช. ซึ่งเป็นคนต่างด้าวเช่นกันและผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมืองในนามของ ช. อันเป็นความเท็จนั้น มีผลเท่ากับจำเลยได้เดินทางเข้ามาใมนราชอาณาจักรไทยโดยมิได้ผ่านการตรวจของพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยมีหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2493 มาตรา 21 ที่จะต้องไปรายงานตัวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ ที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองที่ไกล้ที่สุดในทางที่เข้ามาโดยมิชักช้า ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตาม การอยู่ต่อมาในราชอาณาจักรไทยของจำเลยก็เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นความผิดต่อเนื่องตลอดมา เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องไว้แล้วว่า จำเลยได้อยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยมิชอบด้วยกฎหมายตั้งแต่วันที่จำเลยเข้ามาในราชอาณาจักรตลอดมาจนถึงวันฟ้อง คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิ่มโทษจำเลยที่เคยได้รับโทษจำคุกแล้ว และการกำหนดโทษปรับเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด
เมื่อปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกตามพระราชบัญญัติการพนันมาก่อนแล้ว ศาลก็รอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยมิได้ เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56
การเพิ่มโทษตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ.2478 มาตรา 14 ทวิ(2) กฎหมายเพียงแต่บัญญัติให้วางโทษทั้งจำทั้งปรับจึงจะวางโทษโดยเพิ่มโทษปรับเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ไม่ได้
การที่ศาลชั้นต้นลงโทษปรับจำเลยที่ 1 และเพิ่มโทษจำเลยที่ 3 เกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้นั้น ศาลฎีกาย่อมแก้ไขให้ถูกต้องได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 616/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาปล้นทรัพย์ต้องชัดเจน การกระทำเพียงขู่ด้วยปืนไม่พอฟังว่าเป็นการปล้น
ฟ้องขอให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์ ได้ความว่าจำเลยใช้ปืนขู่ให้ผู้เสียหายซึ่งขี่รถจักรยานยนต์หยุดรถ ผู้เสียหายลดความเร็วลงเตรียมจะจอด พอดีรถจำเลยเสียหลัก ผู้เสียหายเร่งรถหนีไปได้ ไม่พอฟังว่ามีเจตนาปล้น เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309 ซึ่งบรรยายมาในฟ้องเป็นส่วนหนึ่งของการปล้นที่ฟ้อง ศาลลงโทษตาม มาตรา 309 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 509/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กรรมเดียวฟ้องซ้ำ สิทธิฟ้องระงับเมื่อมีคำพิพากษาเด็ดขาดแล้ว
โจทก์เป็นบิดาผู้ตาย ฟ้องจำเลยฐานฆ่าผู้ตายไว้ก่อน ต่อมาอัยการเป็นโจทก์ฟ้องจำเลยฐานประมาททำให้ผู้ตายถึงแก่ความตายศาลพิพากษาเสร็จเด็ดขาดลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุด ดังนี้เมื่อการกระทำของจำเลยครั้งเดียวเป็นกรรมเดียวแม้จะถูกฟ้องต่างข้อหากัน เมื่อได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่อัยการฟ้องแล้วสิทธิฟ้องคดีของโจทก์แม้จะได้ฟ้องไว้ก่อน ก็ต้องถือว่าระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่ากำหนดสิทธิขับไล่ทันทีเมื่อค้างค่าเช่า ผู้ให้เช่ามีสิทธิฟ้องขับไล่ได้เลย
ข้อสัญญามีว่า ถ้าผู้เช่าค้างชำระค่าเช่า ผู้เช่าทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะขับไล่ผู้เช่ากับบริวาร และเข้ายึดครองสถานที่เช่าได้โดยพลัน โดยให้ถือว่าสัญญาเช่าเป็นอันสิ้นสุดแล้ว เมื่อจำเลยค้างค่าเช่า โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้โดยไม่จำต้องบอกเลิกการเช่าก่อนฟ้องอีก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 ซึ่งกำหนดให้ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาในกรณีผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่านั้น เป็นบทบัญญัติใช้บังคับในกรณีที่คู่สัญญาไม่ได้มีข้อตกลงเรื่องนี้กันไว้เป็นอย่างอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 482/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าระบุสิทธิขับไล่ทันทีเมื่อค้างค่าเช่า โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่ได้โดยไม่ต้องบอกเลิกสัญญา
ข้อสัญญามีว่า ถ้าผู้เช่าค้างชำระค่าเช่า ผู้ให้เช่าทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะขับไล่ผู้เช่ากับบริวาร และเข้ายึดครองสถานที่เช่าได้โดยพลัน โดยให้ถือว่าสัญญาเช่าเป็นอันสิ้นสุดแล้วเมื่อจำเลยค้างค่าเช่า โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้โดยไม่จำต้องบอกเลิกการเช่าก่อนฟ้องอีก ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 560 ซึ่งกำหนดให้ผู้ให้เช่าบอกเลิกสัญญาในกรณีผู้เช่าไม่ชำระค่าเช่านั้นเป็นบทบัญญัติใช้บังคับในกรณีที่คู่สัญญาไม่ได้มีข้อตกลงเรื่องนี้กันไว้เป็นอย่างอื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 473/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทจากการจอดรถกีดขวางเวลากลางคืนและเสียชีวิต
บรรยายฟ้องว่า จอดรถบนผิวจราจรเวลากลางคืนไม่เปิดไฟท้ายเป็นประมาท เป็นเหตุให้รถมาชนและคนตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 พระราชบัญญัติจราจรทางบก ฉบับที่ 4 พ.ศ.2508 มาตรา 7,10 ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 59ให้ถอนใบอนุญาตขับขี่ศาลลงโทษตาม พระราชบัญญัติจราจรฯ พ.ศ.2477 มาตรา 23 ซึ่งไม่ได้อ้างมาในคำขอท้ายฟ้องด้วยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 432/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่พิพากษาลงโทษเด็กอายุ 12 ปีในคดีลักทรัพย์ ซึ่งถูกจำกัดสิทธิการอุทธรณ์ตามกฎหมาย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยซึ่งมีอายุ 12 ปี มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 ให้ส่งตัวจำเลยไปฝึกและอบรมที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กกลางมีกำหนด 6 ปี แต่อย่าให้เกินกว่าจำเลยมีอายุครบ 18 ปี จำเลยอุทธรณ์ขอให้ศาลดำเนินการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 (2) โดยบิดาจำเลยขอรับตัวไปและจะปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาล ดังนี้ เป็นการอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง และคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่พิพากษาดังกล่าวไม่ต้องด้วยข้อยกเว้นที่จะอุทธรณ์ได้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ (1) ถึง (4) พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2517 มาตรา 3
of 61