พบผลลัพธ์ทั้งหมด 216 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4263/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการขอพิจารณาคดีใหม่: การยื่นคำขอหลังศาลมีคำสั่งเด็ดขาดแล้ว
จำเลยยื่นคำขอพิจารณาใหม่ ระหว่างพิจารณาคดีฝ่ายเดียวมาแล้วศาลชั้นต้นยกคำร้อง เพราะเห็นว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา จำเลยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านและไม่ได้อุทธรณ์ คำสั่งของศาลชั้นต้นครั้นศาลชั้นต้นพิพากษาคดีแล้ว จำเลยกลับยื่นคำขอพิจารณาคดีใหม่อีกเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา205(3) ประกอบด้วยมาตรา 207(3) จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะร้องขอพิจารณาคดีใหม่อีกจำเลยชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาหลายแห่ง, การส่งหมาย, ขาดนัดยื่นคำให้การ, ขาดนัดพิจารณา, ไม่มีสิทธิขอพิจารณาใหม่
จำเลยอ้างว่ามีภูมลำเนาอยู่ ณ บ้านที่ปรากฏตามสำเนาทะเบียนบ้าน ซึ่งไม่ใช่บ้านตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้อง แต่ตามนามบัตรที่จำเลยพิมพ์ไว้ใช้เองระบุว่าบ้านตามสำเนาทะเบียนบ้านเป็นสำนักงานของจำเลยและบ้านตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้องเป็นบ้านที่อยู่อาศัย ทั้งเมื่อพนักงานเดินหมายนำส่งหมายต่าง ๆ ให้แก่จำเลยที่บ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาในคำฟ้อง แม้บุคคลในบ้านไม่ยอมรับหมายไว้แทนจนต้องปิดหมายไว้แต่ก็ไม่มีผู้ใดปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ ดังนั้นจึงถือได้ว่าจำเลยมีภูมิลำเนาหลายแห่ง ซึ่งอยู่สับเปลี่ยนกันไป บ้านตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้องเป็นภูมิลำเนาแห่งหนึ่งของจำเลย พนักงานเดินหมายนำส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้อง และหมายนัดสืบพยานโจทก์ตามคำสั่งศาลชอบแล้ว จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดและไม่ไปศาลในวันสืบพยาน ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1821/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ภูมิลำเนาหลายแห่ง การส่งหมายที่ชอบด้วยกฎหมาย และผลของการขาดนัดยื่นคำให้การ/ขาดนัดพิจารณา
จำเลยอ้างว่ามีภูมลำเนาอยู่ ณ บ้านที่ปรากฏตามสำเนาทะเบียนบ้าน ซึ่งไม่ใช่บ้านตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้อง แต่ตามนามบัตรที่จำเลยพิมพ์ไว้ใช้เองระบุว่าบ้านตามสำเนาทะเบียนบ้านเป็นสำนักงานของจำเลยและบ้านตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้องเป็นบ้านที่อยู่อาศัย ทั้งเมื่อพนักงานเดินหมายนำส่งหมายต่าง ๆ ให้แก่จำเลยที่บ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาในคำฟ้อง แม้บุคคลในบ้านไม่ยอมรับหมายไว้แทนจนต้องปิดหมายไว้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดปฏิเสธว่าจำเลยไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้ ดังนั้นจึงถือได้ว่าจำเลยมีภูมิลำเนาหลายแห่ง ซึ่งอยู่สับเปลี่ยนกันไป บ้านตามที่โจทก์ระบุในคำฟ้องเป็นภูมิลำเนาแห่งหนึ่งของจำเลย พนักงานเดินหมายนำส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้อง และหมายนัดสืบพยานโจทก์ตามคำสั่งศาลชอบแล้ว จำเลยไม่ยื่นคำให้การภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และไม่ไปศาลในวันสืบพยาน ถือว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดยจงใจ จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ขาดนัดพิจารณาและการไม่อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเพราะเหตุโจทก์ขาดนัดพิจารณาซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรคแรก บัญญัติห้ามมิให้โจทก์อุทธรณ์คำสั่งเช่นว่านี้หรือมีคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นนำคดีที่จำหน่ายคดีไปแล้วกลับมาทำการพิจารณาต่อไปเป็นการขอให้พิจารณาใหม่ จึงต้องห้าม และกรณีไม่อาจขอให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีได้เพราะการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีด้วยเหตุโจทก์ขาดนัดพิจารณานั้น มิได้เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากโจทก์ขาดนัดพิจารณาและการไม่อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลชั้นต้นจำหน่ายคดีเพราะเหตุโจทก์ขาดนัดพิจารณาซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 วรรคแรก บัญญัติห้ามมิให้โจทก์อุทธรณ์คำสั่งเช่นว่านี้หรือมีคำขอให้พิจารณาคดีใหม่การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นนำคดีที่จำหน่ายคดีไปแล้วกลับมาทำการพิจารณาต่อไปเป็นการขอให้พิจารณาใหม่ จึงต้องห้าม และกรณีไม่อาจขอให้เพิกถอนคำสั่งจำหน่ายคดีได้เพราะการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีด้วยเหตุโจทก์ขาดนัดพิจารณานั้น มิได้เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 865-875/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
จำเลยจงใจขาดนัดพิจารณาคดีหลังเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการ แม้มีเหตุขัดข้องก่อนหน้า ศาลฎีกายกอุทธรณ์
จำเลยได้รับหมายเรียกและทราบกำหนดนัดพิจารณาของศาลแล้วแต่ไม่แต่งทนายความเข้ามาดำเนินคดีเพราะขณะนั้นจำเลยมีกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนไม่ครบ ต่อมาจำเลยได้ดำเนินการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการให้ ส. คนเดียวลงลายมือชื่อและประทับตราสำคัญของบริษัทกระทำการแทนจำเลยได้ ซึ่งหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจกรรมการของจำเลยแล้วยังอยู่ในระหว่างนัดสืบพยานโจทก์ เมื่อจำเลยไม่ดำเนินการแจ้งข้อขัดข้องให้ศาลทราบ ย่อมถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา ไม่มีเหตุที่จะขอพิจารณาใหม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและการประวิงคดี ศาลมีคำสั่งชอบแล้วตามกฎหมาย
หลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การจำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาต คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง และเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยประวิงคดี ให้งดสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยมิได้ขาดนัดพิจารณา จึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207.
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยประวิงคดี ให้งดสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยมิได้ขาดนัดพิจารณา จึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อุทธรณ์คำสั่งศาลที่ไม่รับคำให้การ และสิทธิในการขอพิจารณาคดีใหม่เมื่อขาดนัด
หลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การจำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาต คำสั่งของศาลชั้นต้นเป็นคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง และเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งคำสั่งไว้ จึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยประวิงคดี ให้งดสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยมิได้ขาดนัดพิจารณา จึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207.
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยประวิงคดี ให้งดสืบพยานจำเลยแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดี จำเลยมิได้ขาดนัดพิจารณา จึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 862/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาคดี ผลกระทบต่อสิทธิในการอุทธรณ์และขอพิจารณาคดีใหม่
จำเลยที่ 6 ขาดนัดยื่นคำให้การและศาลได้มีคำสั่งว่าจำเลยที่ 6 ขาดนัดยื่นคำให้การไปแล้ว ต่อมาจำเลยที่ 6 ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การ ศาลสั่งไม่อนุญาต คำสั่งดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อจำเลยที่ 6 ไม่โต้แย้งคำสั่งดังกล่าวไว้ย่อมต้องห้ามอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 226 ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 6 แพ้คดีโดยไม่ได้ความว่าจำเลยที่ 6ขาดนัดพิจารณา จำเลยที่ 6 ย่อมไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ตามมาตรา 207.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 583/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดพิจารณาคดีและการไม่อนุญาตให้สืบพยานหลังยื่นบัญชีพยานเกินกำหนด
จำเลยมาศาลในวันนัดสืบพยานนัดแรก เมื่อสืบพยานโจทก์ได้ 2ปากแล้วโจทก์ขอเลื่อนไปสืบพยานที่เหลือต่อนัดหน้า จำเลยแถลงขอสืบพยานพร้อมพยานโจทก์ด้วย ถึงวันนัดจำเลยไม่มาศาลเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรค 2 เพราะวันสืบพยานตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(10) หมายถึงวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานอีกทั้งการที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีก็เพราะศาลสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานของจำเลยด้วยเหตุที่ยื่นเกินกำหนดตามที่ระบุไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ทำให้จำเลยไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบ ดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องอุทธรณ์คดีต่อไป จะร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้กรณีไม่ต้องด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207ที่จะขอพิจารณาคดีใหม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)