คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 207

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 216 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4412/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณาคดีและคำร้องขอพิจารณาใหม่: ศาลมีอำนาจงดการไต่สวนและพิพากษาคดีได้
จำเลยขาดนัดพิจารณา ระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียว จำเลยมาศาลและยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาใหม่อ้างว่ามิได้จงใจขาดนัด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ไต่สวนคำร้องของจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 205 วรรคสอง จำเลยไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนอีก ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยไม่มีพยานให้ไต่สวนให้งดการไต่สวนโดยเห็นว่าการขาดนัดของจำเลยเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุสมควรแล้วพิพากษาไปกรณีเช่นนี้จำเลยไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้อีก เพราะต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 205 วรรคสาม (3)และมาตรา 207(3) ถ้าจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดการไต่สวนดังกล่าวก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้น มิใช่มายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4412/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการขอพิจารณาใหม่: เงื่อนไขและสิทธิในการอุทธรณ์
จำเลยขาดนัดพิจารณา ระหว่างการพิจารณาคดีฝ่ายเดียวจำเลยมาศาลและยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาใหม่อ้างว่ามิได้จงใจขาดนัด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ไต่สวนคำร้องของจำเลยตาม ป.วิ.พ. มาตรา 205 วรรคสอง จำเลยไม่มาศาลในวันนัดไต่สวนอีก ศาลชั้นต้นสั่งว่า จำเลยไม่มีพยานให้ไต่สวนให้งดการ-ไต่สวนโดยเห็นว่าการขาดนัดของจำเลยเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุสมควรแล้วพิพากษาไป กรณีเช่นนี้จำเลยไม่มีสิทธิที่จะร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้อีก เพราะต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 205 วรรคสาม (3) และมาตรา 207 (3) ถ้าจำเลยไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้งดการไต่สวนดังกล่าวก็ชอบที่จะอุทธรณ์คำสั่งนั้นมิใช่มายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4165/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดระยะเวลาการขอพิจารณาใหม่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 208 เริ่มเมื่อส่งคำบังคับ หรือมีการบังคับคดี
ป.วิ.พ. มาตรา 208 วรรคแรกบัญญัติว่า "คำขอให้พิจารณาใหม่นั้นให้ยื่นต่อศาลภายในสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลย... แต่กรณีจะเป็นอย่างไรก็ตาม ห้ามมิให้ยื่นคำขอเช่นว่านี้เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่น" เมื่อโจทก์ยังมิได้ส่งคำบังคับให้จำเลยทราบ กำหนดเวลาสิบห้าวันจึงยังไม่เริ่มนับ ส่วนที่โจทก์ได้เปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินจากจำเลยมาเป็นของโจทก์ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2530 อันถือเป็นการบังคับตามคำพิพากษาก็ตาม แต่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์2531 ยังไม่พ้นกำหนดระยะเวลาหกเดือนตามบทบัญญัติดังกล่าว จึงยังไม่ล่วงเลยเวลาที่จะขอให้พิจารณาใหม่ได้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4165/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ กำหนดระยะเวลาคำขอพิจารณาใหม่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรกบัญญัติว่า"คำขอให้พิจารณาใหม่นั้นให้ยื่นต่อศาลภายในสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลย แต่กรณีจะเป็นอย่างไรก็ตาม ห้ามมิให้ยื่นคำขอเช่นว่านี้เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่น" เมื่อโจทก์ยังมิได้ส่งคำบังคับให้จำเลยทราบ กำหนดเวลาสิบห้าวันจึงยังไม่เริ่มนับ ส่วนที่โจทก์ได้เปลี่ยนชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินจากจำเลยมาเป็นของโจทก์ เมื่อวันที่ 19พฤศจิกายน 2530 อันถือเป็นการบังคับตามคำพิพากษาก็ตาม แต่จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2531 ยังไม่พ้นกำหนดระยะเวลาหกเดือนตามบทบัญญัติดังกล่าว จึงยังไม่ล่วงเลยเวลาที่จะขอให้พิจารณาใหม่ได้ตามกฎหมาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2559/2536

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การล้มละลาย: แม้มีหนี้ถึงที่สุด แต่ศาลพิจารณาเหตุไม่สมควรให้ล้มละลายได้ หากลูกหนี้มีโอกาสชำระหนี้และไม่ได้มีเจตนาหลีกเลี่ยง
เมื่อศาลแพ่งมีคำพิพากษาคดีที่โจทก์นำมาฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายและคดีดังกล่าวถึงที่สุดแล้ว แม้จำเลยที่ 2 จะได้ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่และคดีชั้นร้องขอพิจารณาใหม่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ก็ตาม แต่คำพิพากษาศาลแพ่งดังกล่าวย่อมต้องผูกพันคู่ความจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง แก้ไข กลับหรืองดเสีย จำเลยที่ 2 จึงต้องผูกพันและมีหน้าที่ต้องชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว แม้จำเลยที่ 2 ไม่มีทรัพย์สินให้พึงยึดมาชำระหนี้ได้อันต้องด้วยข้อสันนิษฐานว่าเป็นบุคคลมีหนี้สินล้นพ้นตัวตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 8 แต่จำเลยที่ 2เป็นนายทหารยศนาวาอากาศตรี อายุเพียง 40 ปีเศษ ยังมีโอกาสก้าวหน้าในหน้าที่การงานต่อไปอีก หนี้ตามคำพิพากษาศาลแพ่งอันเป็นมูลเหตุให้จำเลยที่ 2 ถูกฟ้องล้มละลาย เป็นหนี้ตามสัญญาค้ำประกันการเข้าทำงานของจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบิดาจำเลยที่ 2 มิใช่หนี้ที่จำเลยที่ 2 ก่อขึ้นเพื่อประโยชน์ของตนเองโดยแท้ ประกอบกับจำเลยที่ 2มีรายได้จากเงินเดือนเดือนละ 10,500 บาท โดยไม่ปรากฏว่ามีหนี้สินอื่น และเหตุที่จำเลยที่ 2 ยังมิได้ชำระหนี้ก็น่าเชื่อว่าเพราะจำเลยที่ 2 เชื่อโดยสุจริตว่าจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นเงินเพียง 100,000 บาท ตามที่ระบุไว้ในสัญญาค้ำประกันเท่านั้นซึ่งจะเห็นได้จากจำเลยที่ 2 ได้ขอให้มีการพิจารณาคดีแพ่งดังกล่าวใหม่ และยืนยันตลอดมาตั้งแต่เมื่ออ้างตนเองเป็นพยานว่าพร้อมชำระเงินจำนวน 100,000 บาท ให้แก่โจทก์ทันที เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 2 มิได้มีเจตนาหลีกเลี่ยงไม่ชำระหนี้ให้แก่โจทก์เสียเลยจึงมีเหตุไม่สมควรให้จำเลยที่ 2 ล้มละลาย ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 14

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1971/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายที่ถูกต้องและการขาดนัดยื่นคำให้การ/ขาดนัดพิจารณาคดี ทำให้จำเลยจงใจขาดนัด
การปิดหมายเรียกสำเนาคำฟ้องและหมายนัดสืบพยานโจทก์ ณ สำนักงานบริษัทอันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 2 ตามคำสั่งศาลเป็นการปฏิบัติถูกต้องตาม ป.วิ.พ. มาตรา 79 แล้วเมื่อจำเลยที่ 2 ไม่ยื่นคำให้การและไม่ไปศาลในวันสืบพยานโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง จึงถือได้ว่าจำเลยที่ 2 จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ไม่มีเหตุที่จะขอให้พิจารณาใหม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1724/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพิจารณาคดีใหม่: ศาลชั้นต้นวินิจฉัยข้อเท็จจริงถูกต้องและคดีมีทุนทรัพย์น้อยกว่าสองหมื่นบาท จึงไม่อุทธรณ์ได้
การที่ศาลชั้นต้นสั่งว่า คำร้องบรรยายว่าได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยชอบ อ้างเหตุว่าไม่ทราบ อ่านหนังสือไม่ออกไม่เป็นเหตุให้พิจารณาใหม่ได้นั้น เป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยโดยอาศัยข้อเท็จจริง เมื่อคดีมีทุนทรัพย์ไม่เกินสองหมื่นบาท จึงต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 224 ส่วนที่ฎีกาว่าคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ได้กล่าวไว้โดยละเอียดชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลแล้วนั้น แม้ปัญหาดังกล่าวจะเป็นข้อกฎหมาย แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติแล้วว่าไม่มีเหตุที่จะพิจารณาคดีใหม่ ฎีกาของจำเลยข้อนี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 249 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 967/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณา-พิจารณาใหม่: การขาดนัดต้องมีคำสั่งศาล การไม่มาศาลในวันสืบพยานครั้งแรกถือขาดนัด
การขาดนัดพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 197 วรรคสอง มีความหมายว่า ในวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานเป็นวันแรกในคดีนั้นไม่ว่าจะเป็นพยานฝ่ายใดและไม่ว่าคู่ความฝ่ายใดมีหน้าที่นำสืบก่อน หากคู่ความฝ่ายใดไม่มาศาลในวันนั้นไม่ว่าตนจะมีหน้าที่นำพยานเข้าสืบในวันนั้นหรือไม่ก็เป็นการขาดนัดพิจารณาปรากฏว่าในวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานโจทก์ครั้งแรก จำเลยที่ 1 มาศาลการที่จำเลยที่ 1 ไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยครั้งต่อไป จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา คู่ความที่จะมีคำขอให้พิจารณาใหม่ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 207 ได้นั้น จะต้องปรากฏว่าศาลได้มีคำสั่งให้เป็นฝ่ายขาดนัดพิจารณาเสียก่อนเมื่อไม่ปรากฏว่าศาลได้มีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา ดังนี้สิทธิที่จะขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยที่ 1 ไม่อาจเกิดขึ้นได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2535 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอพิจารณาใหม่ในคดีเยาวชนและครอบครัว ต้องเป็นคู่ความที่ศาลสั่งขาดนัดและแพ้คดี
คดีเยาวชนและครอบครัวผู้ที่จะขอให้มีการพิจารณาใหม่ ต้องเป็นคู่ความฝ่ายที่ศาลแสดงว่าขาดนัดพิจารณา และศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แพ้คดีในประเด็นที่พิพาท ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207 ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัวพ.ศ. 2534 มาตรา 6 คดีที่มารดา ผู้แทนโดยชอบธรรมของผู้เยาว์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้เยาว์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท จึงไม่มีประเด็นที่พิพาทและผู้คัดค้านเพิ่งยื่นคำร้องเข้ามาภายหลังจากที่ศาลมีคำสั่งว่าผู้เยาว์เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายแล้วไม่ได้เข้าเป็นคู่ความในคดีมาแต่แรก เป็นเหตุให้ไม่มีโอกาสที่จะถูกศาลสั่งให้เป็นฝ่ายขาดนัดพิจารณาและมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งให้แพ้คดีในประเด็นพิพาท ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2535

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการขอพิจารณาใหม่ในคดีไม่มีข้อพิพาท ผู้คัดค้านต้องเป็นคู่ความที่ศาลสั่งขาดนัดและแพ้คดีจึงจะมีสิทธิ
ผู้ที่จะขอให้พิจารณาใหม่ ต้องเป็นคู่ความฝ่ายที่ศาลแสดงว่าขาดนัดพิจารณา และศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แพ้คดีในประเด็นที่พิพาท แต่คดีนี้เป็นคดีไม่มีข้อพิพาทจึงไม่มีประเด็นที่พิพาทและผู้คัดค้านก็ไม่ได้เข้าเป็นคู่ความในคดีมาแต่แรก จึงไม่ได้ถูกศาลชั้นต้นสั่งให้เป็นฝ่ายขาดนัดพิจารณา และถูกศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาหรือมีคำสั่งให้แพ้คดีในประเด็นพิพาท ผู้คัดค้านจึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่
of 22