คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 340

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 391 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2299/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยสนับสนุนการปล้นทรัพย์ ศาลฎีกาแก้เป็นความผิดฐานสนับสนุนแทนการเป็นตัวการ
จำเลยที่ 2 ร่วมไปกับจำเลยที่ 3 กับพวก เมื่อจำเลยที่ 3 กับพวกลงจากรถของ ด. ที่หลังสวนกล้วยห่างบ้านผู้เสียหายประมาณ 580 เมตร เพื่อปล้นทรัพย์บ้านผู้เสียหาย จำเลยที่ 2 ได้ติดรถของ ด. ไปที่บ้าน บ. และเป็นคนเรียกให้ ด. ขับรถมาคอยรอรับจำเลยที่ 3 กับพวกที่เดิม เมื่อจำเลยที่ 3 กับพวกปล้นทรัพย์เสร็จแล้ววิ่งมาขึ้นรถ จำเลยที่ 2 ก็สั่งให้ ด. ขับรถไปส่งจำเลยที่ 2 กับพวก พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ยังอยู่ห่างไกลกับการเข้าปล้นทรัพย์บ้านผู้เสียหาย แม้จำเลยที่ 2 จะมีหน้าที่คอยติดตาม ด. คนขับรถรับจ้างในขณะที่จำเลยที่ 3 กับพวกเข้าทำการปล้นทรัพย์และควบคุมให้นำรถกลับไปคอยรับตามเวลาที่จำเลยที่ 3 กับพวกนัดไว้ จำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้อยู่คอยช่วยเหลือจำเลยที่ 3 กับพวกเมื่ออาจเกิดเหตุการณ์คับขันขึ้น ยังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกันปล้นทรัพย์ เป็นเพียงการให้ความสะดวกในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์แก่จำเลยที่ 3 กับพวกทั้งก่อนและขณะกระทำความผิด จำเลยที่ 2 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ในความผิดฐานปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1597/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์ ฆ่าผู้อื่น และทำร้ายร่างกายเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิด
จำเลยทั้งสามร่วมกันไปกระทำผิดโดยจำเลยที่ 2 เข้าทำร้าย บ.ซึ่งอยู่ที่บริเวณหลังบ้านที่เกิดเหตุได้รับอันตรายสาหัส และจำเลยที่ 1 ที่ 3 ร่วมเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย แล้วร่วมกันฆ่า ส.กับ ธ. และทำร้าย ป. ได้รับอันตรายแก่กาย แล้วได้รื้อค้นหาทรัพย์ที่โต๊ะของผู้เสียหาย ทั้งนี้เนื่องจากจำเลยทั้งสามประสงค์ต่อทรัพย์ แต่จำเลยทั้งสามไม่สามารถเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปได้เนื่องจาก ป. ได้หลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุและร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านทันท่วงที ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันพยายามกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยแบ่งหน้าที่กันทำ เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ที่ 3 ได้ร่วมกันฆ่าผู้อื่นและทำร้ายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้จำเลยที่ 2 จะไม่ได้เข้าไปในบ้านของผู้เสียหายด้วยกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ก็ถือได้ว่าเป็นตัวการร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 จำเลยทั้งสามจึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามปล้นทรัพย์โดยมีและใช้มีดและปืนเป็นอาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสและมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่นอีกบทหนึ่งด้วย ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคห้า,80 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ศาลฎีกาพิพากษาว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(6),83อีกบทหนึ่งด้วย เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทต้องลงโทษตามมาตรา 289 อันเป็นบทหนักซึ่งต้องระวางโทษประหารชีวิตเพียงสถานเดียว แต่เนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 โดยให้จำคุกตลอดชีวิต โจทก์ก็มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ให้หนักขึ้นแต่อย่างใด และเมื่อศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังนี้ ศาลฎีกาย่อมไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ให้หนักไปกว่าที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 2 ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1597/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย และฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิด
จำเลยทั้งสามร่วมกันไปกระทำผิดโดยจำเลยที่ 2 เข้าทำร้าย บ. ซึ่งอยู่ที่บริเวณหลังบ้านที่เกิดเหตุได้รับอันตรายสาหัส และจำเลยที่ 1 ที่ 3 ร่วมเข้าไปในบ้านผู้เสียหายแล้วร่วมกันฆ่า ส.กับ ธ. และทำร้าย ป. ได้รับอันตรายแก่กาย แล้วได้รื้อค้นหาทรัพย์ที่โต๊ะของผู้เสียหายเนื่องจากประสงค์ต่อทรัพย์ แต่จำเลยทั้งสามไม่สามารถเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปได้เนื่องจาก ป. ได้หลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุและร้องขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านทันท่วงที ถือได้ว่าจำเลยทั้งสามได้ร่วมกันพยายามกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยแบ่งหน้าที่กันทำ เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ที่ 3 ได้ร่วมกันฆ่าผู้อื่นและทำร้ายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัสเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้จำเลยที่ 2 จะไม่ได้เข้าไปในบ้านของผู้เสียหายด้วยกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ก็ถือได้ว่าเป็นตัวการร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 จำเลยทั้งสามจึงมีความผิดฐานร่วมกันพยายามปล้นทรัพย์โดยมีและใช้มีดและปืนเป็นอาวุธเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส และมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่นอีกบทหนึ่งด้วย
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340วรรคห้า,80 ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ศาลฎีกาพิพากษาว่าจำเลยที่ 2มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอื่นตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(6),83 อีกบทหนึ่งด้วย เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทฟ้องลงโทษตามมาตรา 289อันเป็นบทหนักซึ่งต้องระวางโทษประหารชีวิตเพียงสถานเดียว แต่เนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 โดยให้จำคุกตลอดชีวิต โจทก์ก็มิได้อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ให้หนักขึ้นแต่อย่างใดและเมื่อศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นดังนี้ ศาลฎีกาย่อมไม่อาจพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ให้หนักไปกว่าที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยที่ 2 ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการปล้นทรัพย์: การกระทำร่วมตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดถือเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์
จำเลยทั้งสามไล่ตามผู้เสียหายทั้งสองไปจนทันแล้วจำเลยที่ 3ตบหน้าและชิงเอาเงินของผู้เสียหายไป โดยจำเลยที่ 2 ล็อกคอผู้เสียหายอีกคนหนึ่งไว้เพื่อมิให้เข้าช่วยเหลือกัน จำเลยที่ 1 แนะนำให้พาผู้เสียหายทั้งสองเข้าไปในซอยเพราะเกรงว่าจุดที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนอาจมีผู้ผ่านไปมาพบเห็น จำเลยที่ 2 ที่ 3 ก็ล็อกคอและลากตัวผู้เสียหายเข้าไปในซอย แล้วจำเลยที่ 3 ลงมือทำร้ายผู้เสียหายอีกแม้จำเลยที่ 1 จะห้ามปรามก็เป็นขณะที่การประทุษร้ายต่อทรัพย์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นการกระทำร่วมกับจำเลยที่ 3 มาตั้งแต่ต้นจนเหตุการณ์สิ้นสุดลง การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์: การพิสูจน์เจตนาและพฤติการณ์ร่วม
จำเลยทั้งสามไล่ตามผู้เสียหายทั้งสองไปจนทันแล้ว จำเลยที่ 3 ตบหน้าและชิงเอาเงินของผู้เสียหายไป โดยจำเลยที่ 2ล็อกคอผู้เสียหายอีกคนหนึ่งไว้เพื่อมิให้เข้าช่วยเหลือกันจำเลยที่ 1 แนะนำให้พาผู้เสียหายทั้งสองเข้าไปในซอยจำเลยที่ 2 ที่ 3 ก็ล็อกคอและลากตัวผู้เสียหายทั้งสองเข้าไปในซอย แล้วจำเลยที่ 3 ลงมือทำร้ายผู้เสียหายอีก แม้จำเลยที่ 1 จะห้ามปรามก็เป็นขณะที่การประทุษร้ายต่อทรัพย์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นการกระทำร่วมกับจำเลยที่ 3 มาตั้งแต่ต้นจนเหตุการณ์สิ้นสุดลง การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐานปล้นทรัพย์.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยการกระทำร่วมกัน, การแนะนำ พาตัวไปยังที่เปลี่ยว, และการทำร้ายร่างกาย
จำเลยทั้งสามไล่ตาม ผู้เสียหายทั้งสองไปจนทันแล้วจำเลยที่ 3ตบหน้าและชิง เอาเงินของผู้เสียหายไป โดย จำเลยที่ 2 ล็อก คอผู้เสียหาอีกคนหนึ่งไว้เพื่อมิให้เข้าช่วยเหลือกัน จำเลยที่ 1 แนะนำให้พาผู้เสียหายทั้งสองเข้าไปในซอย เพราะเกรงว่าจุดที่เกิดเหตุอยู่ริมถนนอาจมีผู้ผ่านไปมาพบเห็น จำเลยที่ 2 ที่ 3 ก็ล็อก คอและลากตัวผู้เสียหายเข้าไปในซอย แล้วจำเลยที่ 3 ลงมือทำร้ายผู้เสียหายอีกแม้จำเลยที่ 1 จะห้ามปรามก็เป็นขณะที่การประทุษร้ายต่อ ทรัพย์ได้ผ่านพ้นไปแล้ว การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นการกระทำร่วมกับจำเลยที่ 3 มาตั้งแต่ ต้น จนเหตุการณ์สิ้นสุดลง การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงเป็นความผิดฐาน ปล้นทรัพย์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์ vs. กรรโชก: เจตนาเอาทรัพย์ทันทีมีผลต่อความผิด
ในการกระทำความผิดฐาน ปล้นทรัพย์ แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3กับพวกร่วมกันขู่บังคับให้โจทก์ร่วมลงลายมือในเช็ค สั่งจ่ายเงินให้จำเลยกับพวกแต่ เจตนาของจำเลยกับพวกประสงค์ที่จะเอาทรัพย์ของโจทก์ร่วมไปในทันทีนั้นเองเพราะขณะที่จำเลยที่ 3 กับพวกนำเช็ค ไปเบิกเงินที่ธนาคาร โจทก์ร่วมยังถูก จำเลยที่ 1 ที่ 2กับพวกที่เหลือควบคุม ตัว ไว้ ทั้งนี้เพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือให้พ้นจากการจับกุมเท่านั้น อันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานปล้นทรัพย์การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3จึงไม่เป็นความผิดฐาน กรรโชก ในคดีที่รวมพิจารณา 2 สำนวน จำเลยสำนวนหนึ่งฎีกาเมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐาน กรรโชก ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องข้อหากรรโชกตลอดไปถึง จำเลยอีกสำนวนหนึ่งซึ่ง ถูกฟ้องข้อหาเดียวกันที่มิได้ฎีกาได้ เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 213 ประกอบด้วย มาตรา 225.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์ vs. กรรโชก: เจตนาเอาทรัพย์ทันทีเข้าข่ายปล้นทรัพย์
แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 กับพวกร่วมกันขู่บังคับให้โจทก์ร่วมลงลายมือชื่อในเช็ค 3 ฉบับ สั่งจ่ายเงินให้จำเลยกับพวก แต่เจตนาของจำเลยทั้งสามกับพวกประสงค์ที่จะเอาทรัพย์ของโจทก์ร่วม ไปในทันทีนั้นเอง เพราะขณะที่จำเลยที่ 3 กับพวกนำเช็คไปเบิกเงินที่ธนาคารนั้น โจทก์ร่วมยังถูกจำเลยที่ 1 ที่ 2และป. ควบคุมตัวไว้ ทั้งนี้เพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์หรือให้พ้นจากการจับกุม อันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานปล้นทรัพย์ การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จึงไม่เป็นความผิดฐานกรรโชก
สำหรับ ป. แม้จะไม่ได้ฎีกาขึ้นมา แต่การกระทำดังกล่าวเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดีศาลฎีกามีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงป. ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213 ประกอบด้วยมาตรา 225.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 631/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะและอาวุธปืน ร่วมกันข่มขู่บังคับให้ลงลายมือในเช็ค แต่เจตนาคือการเอาทรัพย์ ไม่เป็นกรรโชก
ในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ แม้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3กับพวกร่วมกันขู่บังคับให้โจทก์ร่วมลงลายมือในเช็ค สั่งจ่ายเงินให้จำเลยกับพวก แต่เจตนาของจำเลยกับพวกประสงค์ที่จะเอาทรัพย์ของโจทก์ร่วมไปในทันทีนั้นเอง เพราะขณะที่จำเลยที่ 3 กับพวกนำเช็คไปเบิกเงินที่ธนาคาร โจทก์ร่วมยังถูกจำเลยที่ 1 ที่ 2กับพวกที่เหลือควบคุมตัวไว้ ทั้งนี้เพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์ หรือให้พ้นจากการจับกุมเท่านั้น อันเป็นองค์ประกอบของความผิดฐานปล้นทรัพย์ การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3จึงไม่เป็นความผิดฐานกรรโชก ในคดีที่รวมพิจารณา 2 สำนวน จำเลยสำนวนหนึ่งฎีกา เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานกรรโชก ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องข้อหากรรโชกตลอดไปถึงจำเลยอีกสำนวนหนึ่งซึ่งถูกฟ้องข้อหาเดียวกันที่มิได้ฎีกาได้ เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 213ประกอบด้วยมาตรา 225

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 599/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลในการลงโทษตามความผิดฐานฉ้อโกง แม้ฟ้องในความผิดฐานปล้นทรัพย์ โดยจำเลยไม่หลงต่อสู้
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหาปล้นทรัพย์ แม้ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในการพิจารณาได้ความว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ก็ตาม แต่การกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์ก็เป็นการลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำผิดตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปและกระทำการอันมีลักษณะเป็นการชิงทรัพย์ซึ่งเป็นการได้ทรัพย์ของผู้เสียหายไปเช่นเดียวกัน จึงถือไม่ได้ว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาแตกต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้องในข้อสาระสำคัญอันจะเป็นเหตุให้ศาลต้องยกฟ้อง เมื่อจำเลยให้การปฏิเสธโดยนำสืบว่าได้ทรัพย์ไปจากผู้เสียหายจริง แต่ไม่ได้กระทำความผิดตามฟ้อง แสดงว่าจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ศาลจึงมีอำนาจลงโทษจำเลยในความผิดฐานฉ้อโกงตามที่พิจารณาได้ความได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 192 วรรคสาม
of 40