คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 340

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 391 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2581/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาฉ้อโกงเติมน้ำมันไม่ชำระเงิน การถือวัตถุคล้ายระเบิดเพื่อหลอกลวง ถือเป็นความผิดฐานฉ้อโกง ไม่ใช่ลักทรัพย์หรือปล้นทรัพย์
จำเลยทั้งสองขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนกันเข้าไปเติมน้ำมันเบนซินที่บ้านผู้เสียหายจำนวน5ลิตรเมื่อเติมน้ำมันเสร็จภริยาผู้เสียหายทวงเงินค่าน้ำมันจำเลยที่2ถือลูกกลมๆอยู่ในมือซึ่งภริยาผู้เสียหายเข้าใจว่าเป็นลูกระเบิดแต่ฟังไม่ได้แน่นอนว่าใช่หรือไม่พูดว่าไม่มีเงินมีไอ้นี่เอาไหมแล้วจำเลยทั้งสองก็ขี่รถจักรยานยนต์ออกไปการกระทำของจำเลยทั้งสองมีเจตนาหลอกลวงผู้เสียหายเพียงเพื่อจะเติมน้ำมันรถจักรยานยนต์โดยไม่ชำระราคาเท่านั้นการที่จำเลยที่2ถือลูกกลมๆอยู่ในมือและพูดเช่นนั้นเป็นวิธีการที่จะใช้แสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นจึงเป็นความผิดฐานฉ้อโกงหาใช่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมปล้นทรัพย์-ทำร้ายร่างกาย: ศาลฎีกาตัดสินจำคุกโดยพิจารณาความผิดกรรมเดียวและโทษบทหนักสุด
การที่จำเลยทั้งสองกับพวกอีกสองคนร่วมดื่มสุราอยู่ในที่เกิดเหตุเมื่อจำเลยที่2ใช้ปืนจี้และขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้องจำเลยที่1กับพวกต่างก็ใช้มีดจี้ผู้เสียหายทันทีแสดงว่าจำเลยที่1กับพวกพร้อมที่จะช่วยเหลือจำเลยที่2เพื่อมิให้ผู้เสียหายต่อสู้ขัดขวางครั้นจำเลยที่2ผลักผู้เสียหายล้มลงและเอาเท้าเหยียบคอผู้เสียหายไว้จำเลยที่1ก็แทงผู้เสียหายในเวลาติดต่อกันไปและหลังจากปล้นได้ทรัพย์แล้วก็หลบหนีไปพร้อมกันนั้นเป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่าจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกระทำผิดโดยตลอดจำเลยที่2ย่อมต้องรับผิดในการที่จำเลยที่1แทงผู้เสียหายด้วยแต่มีดที่จำเลยที่1ใช้แทงผู้เสียหายนั้นยาวประมาณ4-5นิ้วกว้างประมาณ1นิ้วจำเลยที่1แทงเพียงทีเดียวแล้วหยุดเลิกไปเองทั้งๆที่มีโอกาสจะแทงซ้ำและได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลว่าบาดแผลรักษาหายภายใน7วันจึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่1แทงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่าแต่เป็นการกระทำเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ซึ่งเป็นการกระทำความผิดในวาระเดียวกัน.อันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทไม่ใช่ความผิดหลายกรรมแม้จำเลยทั้งสองมิได้ฎีกาแต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสองได้. ในการปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนนั้นประมวลกฎหมายอาญามาตรา340ตรีลงโทษหนักขึ้นเฉพาะตัวผู้มีหรือใช้อาวุธปืนเมื่อจำเลยที่1เป็นเพียงผู้ที่ร่วมปล้นและมีอาวุธมีดติดตัวเท่านั้นจึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นด้วย.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2322/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความร่วมมือในการปล้นทรัพย์ การประเมินเจตนาการกระทำผิด และขอบเขตความรับผิดของผู้ร่วมกระทำ
การที่จำเลยทั้งสองกับพวกอีกสองคนร่วมดื่มสุราอยู่ในที่เกิดเหตุ เมื่อจำเลยที่ 2 ใช้ปืนจี้และขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้อง จำเลยที่ 1 กับพวกต่างก็ใช้มีดจี้ผู้เสียหายทันที แสดงว่าจำเลยที่ 1 กับพวกพร้อมที่จะช่วยเหลือจำเลยที่ 2 เพื่อมิให้ผู้เสียหายต่อสู้ขัดขวาง ครั้นจำเลยที่ 2 ผลักผู้เสียหายล้มลงและเอาเท้าเหยียบคอผู้เสียหายไว้ จำเลยที่ 1 ก็แทงผู้เสียหายในเวลาติดต่อกันไป และหลังจากปล้นได้ทรัพย์แล้วก็หลบหนีไปพร้อมกันนั้น เป็นพฤติการณ์ที่เห็นได้ชัดว่า จำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกระทำผิดโดยตลอดจำเลยที่ 2 ย่อมต้องรับผิดในการที่จำเลยที่ 1 แทงผู้เสียหายด้วย แต่มีดที่จำเลยที่ 1 ใช้แทงผู้เสียหายนั้น ยาวประมาณ 4-5 นิ้ว กว้างประมาณ 1 นิ้ว จำเลยที่ 1 แทงเพียงทีเดียวแล้วหยุดเลิกไปเอง ทั้ง ๆ ที่มีโอกาสจะแทงซ้ำ และได้ความจากแพทย์ผู้ตรวจบาดแผลว่าบาดแผลรักษาหายภายใน 7 วัน จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 แทงผู้เสียหายโดยมีเจตนาฆ่า แต่เป็นการกระทำเพื่อความสะดวกในการกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ซึ่งเป็นการกระทำความผิดในวาระเดียวกัน อันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทไม่ใช่ความผิดหลายกรรม แม้จำเลยทั้งสองมิได้ฎีกา แต่ก็เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย ศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยให้เป็นคุณแก่จำเลยทั้งสองได้
ในการปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนนั้น ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 ตรี ลงโทษหนักขึ้นเฉพาะตัวผู้มีหรือใช้อาวุธปืนเมื่อจำเลยที่ 1 เป็นเพียงผู้ที่ร่วมปล้นและมีอาวุธมีดติดตัวเท่านั้น จึงไม่ต้องรับโทษหนักขึ้นด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2198/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นเมื่อศาลยกฟ้องฐานปล้นทรัพย์ จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (6), (7) 340, 340, 340 ตรี , 83 โดยคำฟ้องของโจทก์บรรยาย เหตุที่ประสงค์ให้ลงโทษฐานฆ่าผู้อื่นไว้อย่างชัดแจ้งว่า จำเลยฆ่าผู้ตายเพื่อสะดวกในการปล้นทรัพย์ ให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์ ปกปิดการกระทำผิด ให้พ้นการจับกุมและเอาผลประโยชน์จากความผิดฐานปล้นทรัพย์ เมื่อข้อเท็จฟังได้เพียงว่าจำเลยฆ่าผู้ตาย และศาลพิพากษายกฟ้อง โจทก์ในความผิดฐานปล้นทรัพย์แล้ว กรณี จึงไม่มีเหตุที่จะมาปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา (6) (7) ดังโจทก์ฟ้อง จำเลยมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2118/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สนับสนุนการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ศาลฎีกาแก้โทษและไม่ริบเสื้อของกลาง
ฟ้องว่าจำเลยกับพวกอีก 2 คน ร่วมปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นตายปรากฏว่าจำเลยเพียงแต่ช่วยวางแผนให้คนร้าย 2 คน ไปกระทำผิดในสวนยางและขณะคนร้าย 2 คน ไปกระทำความผิดตามแผนที่วางแผนไว้ จำเลยยืนอยู่นอกสวนยางห่างสวนยางชั่วระยะตะโกนกันได้ยิน ในช่วงระยะเวลาที่คนร้าย 2 คน ดังกล่าวกระทำความผิด อ. บุตรผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ผ่านจำเลยเข้าไปในสวนยางที่เกิดเหตุ จำเลยก็มิได้ส่งสัญญาณให้คนร้าย 2 คน ดังกล่าวทราบหรือเข้าช่วยคนร้าย 2 คนนั้น คงยืนอยู่เฉย ๆ เมื่อคนร้าย 2 คนนั้นกระทำความผิดตามที่วางแผนไว้สำเร็จแล้วคนร้ายคนหนึ่งหลบหนีไปทางอื่น คนร้ายอีกคนหนึ่งขับรถจักรยานยนต์ของผู้ตายผ่านหน้าจำเลยไปแล้วจำเลยก็กลับบ้าน การกระทำของจำเลยดังกล่าวยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับคนร้าย 2 คนนั้น โดยแบ่งหน้าที่กันทำ แต่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่คนร้าย 2 คนดังกล่าวกระทำความผิด จำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของคนร้าย 2 คนดังกล่าว
เมื่อปรากฏว่าคนร้ายที่เข้าไปลักทรัพย์ของผู้ตายโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยการยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าเพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์และพาเอาทรัพย์ไปจนเป็นเหตุให้เจ้าทรัพย์ถึงแก่ความตายมี 2 คน การกระทำของคนร้าย 2 คนดังกล่าว จึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตาม ป.อ. มาตรา 339 วรรคท้าย
เสื้อแจกเกตของคนร้ายที่ทิ้งไว้รวมกับบางส่วนของทรัพย์สินของผู้ตายที่คนร้ายชิงไปถือไม่ได้ว่าเสื้อตัวนี้เป็นทรัพย์สินที่คนร้ายได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิด นอกจากนี้เสื้อดังกล่าวยังมิใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิด ศาลจะริบเสื้อดังกล่าวไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2118/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการกระทำความผิดชิงทรัพย์จนผู้อื่นถึงแก่ความตาย: ความรับผิดของผู้ให้ความช่วยเหลือ
ฟ้องว่าจำเลยกับพวกอีก2คนร่วมปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่นตายปรากฏว่าจำเลยเพียงแต่ช่วยวางแผนให้คนร้าย2คนไปกระทำผิดในสวนยางและขณะคนร้าย2คนไปกระทำความผิดตามแผนที่วางแผนไว้จำเลยยืนอยู่นอกสวนยางห่างสวนยางชั่วระยะตะโกนกันได้ยินในช่วงระยะเวลาที่คนร้าย2คนดังกล่าวกระทำความผิดนางสาวอ.บุตรผู้ตายขับรถจักรยานยนต์ผ่านจำเลยเข้าไปในสวนยางที่เกิดเหตุจำเลยก็มิได้ส่งสัญญาณให้คนร้าย2คนดังกล่าวทราบหรือเข้าช่วยคนร้าย2คนนั้นคงยืนอยู่เฉยๆเมื่อคนร้าย2คนนั้นกระทำความผิดตามที่วางแผนไว้สำเร็จแล้วคนร้ายคนหนึ่งหลบหนีไปทางอื่นคนร้ายอีกคนหนึ่งขับรถจักรยานยนต์ของผู้ตายผ่านหน้าจำเลยไปแล้วจำเลยก็กลับบ้านการกระทำของจำเลยดังกล่าวยังไม่ถึงขั้นเป็นการร่วมกระทำความผิดด้วยกันกับคนร้าย2คนนั้นโดยแบ่งหน้าที่กันทำแต่เป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่คนร้าย2คนดังกล่าวกระทำความผิดจำเลยจึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดของคนร้าย2คนดังกล่าว. เมื่อปรากฏว่าคนร้ายที่เข้าไปลักทรัพย์ของผู้ตายโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยการยิงผู้ตายโดยเจตนาฆ่าเพื่อความสะดวกแก่การลักทรัพย์และพาเอาทรัพย์ไปจนเป็นเหตุให้เจ้าทรัพย์ถึงแก่ความตายมี2คนการกระทำของคนร้าย2คนดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา339วรรคท้าย. เสื้อแจกเกตของคนร้ายที่ทิ้งไว้รวมกับบางส่วนของทรัพย์สินของผู้ตายที่คนร้ายชิงไปถือไม่ได้ว่าเสื้อตัวนี้เป็นทรัพย์สินที่คนร้ายได้ใช้หรือมีไว้เพื่อใช้ในการกระทำความผิดนอกจากนี้เสื้อดังกล่าวยังมิใช่ทรัพย์สินที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าผู้ใดทำหรือมีไว้เป็นความผิดศาลจะริบเสื้อดังกล่าวไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1855/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ พยานหลักฐานประกอบการรับฟังความผิดอาญา แม้ประจักษ์พยานเบิกความไม่สอดคล้องกับคำให้การเดิม
กรณีที่โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายมาสืบหรือประจักษ์พยานไม่ยืนยันว่าจำเลยเป็นคนร้ายโดยเบิกความขัดกับคำให้การชั้นสอบสวนโดยปราศจากเหตุผลหากโจทก์มีพยานหลักฐานอื่นก็อาจใช้ประกอบกันเพื่อรับฟังลงโทษจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1839/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันปล้นทรัพย์และฆ่าผู้อื่น พยานหลักฐานประกอบกันฟังได้ถึงความผิดแม้ไม่มีพยานตรง
โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานยืนยันว่าจำเลยเป็นผู้กระทำผิดคงมีคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของ บ. และ จ. ที่กล่าวอ้างว่าจำเลยได้ร่วมกระทำผิดด้วยซึ่งเป็นเพียงคำพยานบอกเล่า แต่โจทก์ก็มีพยานหลักฐานอื่นประกอบให้เห็นว่าคำให้การชั้นสอบสวนของคนทั้งสองเป็นความจริง และมีพยานยืนยันว่าจำเลยเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับการกระทำผิดคดีนี้ด้วย พยานหลักฐานของโจทก์ประกอบกันฟังได้ว่าจำเลยได้ร่วมกระทำผิดกับ บ. และ จ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526-1527/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าจากการทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีคม
จำเลยที่3พูดขู่จะเอาเงินจากพ. เมื่อไม่ได้ดังที่ตนขู่จำเลยที่1ที่3กับพวกก็ได้ร่วมกันทำร้ายพ. ทันทีดังนี้การกระทำของจำเลยที่1ที่3กับพวกเป็นความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์แล้ว จำเลยที่1ที่3ช่วยกันรุมทำร้ายพ. เมื่อพ. เรียกให้คนมาช่วยผู้เสียหายกับพวกจะมาช่วย พ. แต่ไม่ทันที่จะเข้ามาช่วยก็ถูกจำเลยที่3กับพวกอีกเกือบ20คนใช้ดาบแทงฟันและใช้แป๊บน้ำตีทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บทุกคนดังนี้ถือไม่ได้ว่าการที่จำเลยที่1ที่3กับพวกร่วมกันทำร้ายพ. และพวกที่มาช่วยนั้นมีลักษณะเป็นการชุลมุน มีดดาบซึ่งเป็นอาวุธที่ใช้เป็นมีดดาบปลายแหลมยาวประมาณ1แขนและผลของการกระทำของจำเลยเป็นผลให้ผู้ถูกทำร้ายบางคนได้รับบาดเจ็บถึงกระดูกซี่โครงหักบางคนถูกแทงถึงไส้ทะลักบางคนถึงกับเอ็นของนิ้วกลางนิ้วนางและนิ้วก้อยขวาฉีกขาดเพราะยกมือขึ้นรับดาบเห็นได้ว่าจำเลยที่1ที่3มีเจตนาฆ่าการกระทำของจำเลยที่1ที่3จึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าเพราะการกระทำของจำเลยที่1ที่3กับพวกในตอนหลังนี้ก็เพื่อปกปิดการกระทำผิดหรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นความผิดที่ตนกับพวกกระทำไปแล้วการกระทำของจำเลยที่1ที่3จึงเป็นความผิดตามป.อ.มาตรา289(7)ประกอบด้วยมาตรา80.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1353/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ร่วมกันของจำเลยหลายคน ศาลอุทธรณ์ต้องวินิจฉัยทั้งหมด
จำเลยอุทธรณ์โดยในแผ่นแรกของอุทธรณ์ระบุว่าจำเลยที่3เป็นผู้ยื่นอุทธรณ์และในท้ายอุทธรณ์ก็ลงลายมือชื่อจำเลยที่3เพียงผู้เดียวในช่องผู้อุทธรณ์แต่ในคำบรรยายฟ้องอุทธรณ์กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสี่ไม่ได้กระทำความผิดและจำเลยทั้งสี่ได้ลงลายมือชื่อไว้ด้วยกันในตอนท้ายเมื่อสิ้นข้อความที่อุทธรณ์เช่นนี้ถือได้ว่าจำเลยทั้งสี่ร่วมกันอุทธรณ์การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีเฉพาะจำเลยที่3จึงเป็นการไม่ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาแม้คู่ความมิได้ฎีกาในปัญหานี้ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เพราะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย.
of 40