คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 340

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 391 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1908/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาขู่เข็ญเพื่อปล้นทรัพย์: การพิจารณาจากพฤติการณ์และเจตนาของผู้กระทำ
จำเลยกับพวกอีก 3 คนเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหาย ซึ่งมี ส. กับสามีนอนอยู่ในมุ้งบนบ้าน.ส. ตื่นและได้ยินเสียงคนร้ายพูดกันว่า ถ้าเจ้าของบ้านตื่นจะฆ่าให้ ตาย ส.จึงแกล้งนอนหลับส่วนสามีของส. ยังนอนหลับ อยู่จำเลยนั่งคุมส.กับสามีของส.อยู่ข้างมุ้งพวกของจำเลย ค้นหาทรัพย์ในบ้าน เมื่อได้ทรัพย์แล้วพา กันหลบหนีไป การที่จำเลยกับพวก พูดกันเองว่าถ้า เจ้าของบ้านตื่นจะฆ่าให้ตายโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยกับพวก รู้ว่า ส. ตื่นและได้ยินข้อความที่จำเลยกับพวกพูดกัน เช่นนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาขู่เข็ญว่าจะ ใช้กำลังประทุษร้าย ส. การกระทำของจำเลยกับพวกไม่เป็น ความผิดฐานปล้นทรัพย์ คงเป็นเพียงความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1),(7),(8)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1908/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาขู่เข็ญเพื่อปล้นทรัพย์: การรับฟังพยานหลักฐานที่พิสูจน์เจตนาของผู้กระทำผิด
จำเลยกับพวกอีก 3 คนเข้าไปลักทรัพย์ในบ้านผู้เสียหาย ซึ่งมี ส. กับสามีนอนอยู่ในมุ้งบนบ้าน. ส. ตื่นและได้ยินเสียงคนร้ายพูดกันว่า ถ้าเจ้าของบ้านตื่นจะฆ่าให้ ตาย ส. จึงแกล้งนอนหลับ ส่วนสามีของ ส. ยังนอนหลับ อยู่จำเลยนั่งคุม ส. กับสามีของ ส. อยู่ข้างมุ้ง พวกของจำเลย ค้นหาทรัพย์ในบ้าน เมื่อได้ทรัพย์แล้วพา กันหลบหนีไป การที่จำเลยกับพวก พูดกันเองว่าถ้า เจ้าของบ้านตื่นจะฆ่าให้ตาย โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยกับพวก รู้ว่า ส. ตื่นและได้ยินข้อความที่จำเลยกับพวกพูดกัน เช่นนี้ ถือไม่ได้ว่าจำเลยกับพวกมีเจตนาขู่เข็ญว่าจะ ใช้กำลังประทุษร้าย ส. การกระทำของจำเลยกับพวกไม่เป็น ความผิดฐานปล้นทรัพย์ คงเป็นเพียงความผิดฐานลักทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1), (7), (8)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์: การครอบครองทรัพย์สินเปลี่ยนมือจากผู้เสียหายไปสู่คนร้าย ทำให้จำเลยไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์จากผู้เสียหาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกับพวกปล้นทรัพย์หรือรับของโจร ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ทั้งสองข้อหานี้ แต่ลงโทษจำเลย ฐานลักทรัพย์ โจทก์มิได้อุทธรณ์ความผิดในข้อหาปล้นทรัพย์และรับของโจร จึงถึงที่สุดแล้วตามคำพิพากษาของ ศาลชั้นต้น
จำเลยไปพบทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายปล้นเอาไปทิ้งไว้ริมทางรถไฟ จำเลยนำไปซุกซ่อนไว้ในป่าละเมาะ เมื่อผู้เสียหายมิได้ติดตามเอาทรัพย์ ที่ถูกคนร้ายปล้นเอาไปคืนจากคนร้าย ถือได้ว่าการครอบครองทรัพย์ ของผู้เสียหายได้ สิ้นสุดลงตั้งแต่คนร้ายได้แย่งการครอบครองไป การครอบครอง ทรัพย์จึงเป็นของคนร้ายจำเลยเอาทรัพย์ดังกล่าว ไป จึง มิใช่เป็นการแย่งการครอบครองไปจากผู้เสียหาย จำเลย ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ของผู้เสียหาย ส่วนจำเลยจะมี ความผิด ฐานลักทรัพย์ของคนร้ายที่ปล้นเอาไปจากผู้เสียหายตาม ข้อเท็จจริง ที่ปรากฏในทางพิจารณาหรือไม่นั้น ไม่ใช่เป็น เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลจึงลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1886/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลักทรัพย์: การครอบครองเปลี่ยนเป็นของคนร้าย ทำให้จำเลยไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์จากผู้เสียหาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกับพวกปล้นทรัพย์หรือรับของโจรศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ทั้งสองข้อหานี้ แต่ลงโทษจำเลย ฐานลักทรัพย์โจทก์มิได้อุทธรณ์ความผิดในข้อหาปล้นทรัพย์และรับของโจร จึงถึงที่สุดแล้วตามคำพิพากษาของ ศาลชั้นต้น จำเลยไปพบทรัพย์ของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายปล้นเอาไปทิ้งไว้ริมทางรถไฟ จำเลยนำไปซุกซ่อนไว้ในป่าละเมาะเมื่อผู้เสียหายมิได้ติดตามเอาทรัพย์ ที่ถูกคนร้ายปล้นเอาไปคืนจากคนร้าย ถือได้ว่าการครอบครองทรัพย์ ของผู้เสียหายได้ สิ้นสุดลงตั้งแต่คนร้ายได้แย่งการครอบครองไป การครอบครอง ทรัพย์จึงเป็นของคนร้ายจำเลยเอาทรัพย์ดังกล่าว ไป จึง มิใช่เป็นการแย่งการครอบครองไปจากผู้เสียหาย จำเลย ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ของผู้เสียหายส่วนจำเลยจะมี ความผิด ฐานลักทรัพย์ของคนร้ายที่ปล้นเอาไปจากผู้เสียหายตาม ข้อเท็จจริง ที่ปรากฏในทางพิจารณาหรือไม่นั้น ไม่ใช่เป็น เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ศาลจึงลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1637/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปรับบทลงโทษความผิดปล้นทรัพย์: มาตรา 340 ตรี เป็นเหตุเพิ่มโทษ ไม่ใช่ความผิดต่างหาก
จำเลยปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน การที่ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี โดยมิได้ปรับบทลงโทษตาม มาตรา 340 ด้วย เป็นการไม่ถูกต้อง เพราะมาตรา 340 ตรี เป็นเพียงเหตุที่ทำให้ผู้กระทำผิดตาม มาตรา 340 ต้องรับโทษหนักขึ้นเท่านั้น หาได้เป็นความผิดต่างหากอีกบทหนึ่งไม่ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1637/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การลงโทษความผิดฐานปล้นทรัพย์ด้วยอาวุธปืน: การปรับบทมาตรา 340 ตรี
จำเลยปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืนการที่ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 ตรี โดยมิได้ปรับบทลงโทษตาม มาตรา 340 ด้วย เป็นการไม่ถูกต้องเพราะมาตรา 340 ตรี เป็นเพียงเหตุที่ทำให้ผู้กระทำผิดตาม มาตรา 340 ต้องรับโทษหนักขึ้นเท่านั้นหาได้เป็นความผิดต่างหากอีกบทหนึ่งไม่ศาลฎีกาจึงพิพากษาแก้ให้ถูกต้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 780/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานปล้นทรัพย์หลายกรรม ศาลฎีกาวินิจฉัยเป็นกรรมเดียว และการใช้ 'วัตถุระเบิด' ตามกฎหมาย
จำเลยปล้นทรัพย์ 3 บ้านติดต่อกันอยู่ใกล้กัน 10 วาเศษ 3 หลัง ได้ทรัพย์จากบ้านแรกแล้วคุมตัวผู้เสียหายเจ้าของบ้านไปบ้านที่ 2 ยังไม่ค้นหาทรัพย์คุมตัวผู้เสียหายจากบ้านที่ 2 ไปค้นหาทรัพย์บ้านที่ 3 ก่อน แล้วจึงย้อนกลับมาค้นหาทรัพย์ในบ้านที่ 2 ทั้งโจทก์บรรยายฟ้องก็บรรยายรวมกันมาเป็นคราวเดียวกันว่าปล้นผู้เสียหาย 4 คน ได้ทรัพย์สินไปรวมราคา 22,480 บาท ไม่ได้แยกว่าทรัพย์สินอะไรเป็นของผู้เสียหายคนใด การกระทำผิดของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว
คำว่าใช้วัตถุระเบิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่ หมายถึงลงมือใช้เพื่อให้เกิดการระเบิด เช่นอาวุธปืนก็ต้องลงมือยิง เพียงใช้ขู่ให้เกิดความกลัว ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้ตามมาตรานี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 780/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดกรรมเดียวปล้นทรัพย์หลายหลัง-การใช้'วัตถุระเบิด'คือการลงมือทำให้เกิดระเบิด ไม่ใช่แค่ขู่
จำเลยปล้นทรัพย์ 3 บ้านติดต่อกันอยู่ใกล้กัน 10วาเศษ3 หลัง ได้ทรัพย์จากบ้านแรกแล้วคุมตัวผู้เสียหายเจ้าของบ้านไปบ้านที่ 2 ยังไม่ค้นหาทรัพย์คุมตัวผู้เสียหายจากบ้านที่ 2 ไปค้นหาทรัพย์ บ้านที่ 3 ก่อน แล้วจึงย้อนกลับมาค้นหาทรัพย์ในบ้านที่ 2 ทั้งโจทก์บรรยายฟ้องก็บรรยายรวมกันมาเป็นคราวเดียวกันว่า ปล้นผู้เสียหาย4คนได้ทรัพย์สินไปรวมราคา 22,480 บาท ไม่ได้แยกว่าทรัพย์สินอะไรเป็นของผู้เสียหายคนใดการกระทำผิด ของจำเลยจึงเป็นความผิดกรรมเดียว
คำว่าใช้วัตถุระเบิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340วรรคสี่ หมายถึงลงมือใช้เพื่อให้เกิดการระเบิด เช่นอาวุธปืนก็ต้องลงมือยิง เพียงใช้ขู่ให้เกิดความกลัว ยังถือไม่ได้ว่าเป็นการใช้ตามมาตรานี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2528

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการปล้นทรัพย์: การกระทำที่ช่วยให้คนร้ายเข้าถึงเป้าหมาย
จำเลยเป็นบุตรของผู้เสียหายอันเกิดจากภรรยาคนเดิม เคยอาศัย อยู่ที่บ้านผู้เสียหายจำเลยรู้ว่าพวกคนร้ายจะทำการปล้นทรัพย์ จำเลยได้ผูกสุนัขดุไว้และพาพวกคนร้ายเข้าไปในบ้านผู้เสียหายเป็นการ ช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่คนร้ายในการปล้นทรัพย์จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดปล้นทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 757/2528 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสนับสนุนการปล้นทรัพย์: การกระทำที่ช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้คนร้าย
จำเลยเป็นบุตรของผู้เสียหายอันเกิดจากภรรยาคนเดิม เคยอาศัยอยู่ที่บ้านผู้เสียหาย จำเลยรู้ว่าพวกคนร้ายจะทำการปล้นทรัพย์ จำเลยได้ผูกสุนัขดุไว้และพาพวกคนร้ายเข้าไปในบ้านผู้เสียหาย เป็นการช่วยเหลือและให้ความสะดวกแก่คนร้ายในการปล้นทรัพย์ จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดปล้นทรัพย์
of 40