คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 340

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 391 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2539/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สาระสำคัญของคำฟ้อง: ลำดับการกระทำความผิดไม่เป็นสาระสำคัญ หากจำเลยไม่หลงข้อต่อสู้
คำบรรยายฟ้องในเรื่องจำเลยปล้นทรัพย์ผู้เสียหายคนหนึ่งก่อนหรือหลัง ผู้เสียหายอีกคนหนึ่งในคดีที่โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นคนร้ายปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายในคืนเดียวกันหลายรายด้วยกัน ย่อมไม่เป็นสาระสำคัญของคำฟ้อง เป็นแต่เพียงรายละเอียดเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาเท่านั้น และเมื่อจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้ หากทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามสาระสำคัญของคำฟ้องแล้ว ศาลก็ย่อมมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยร่วมกันปล้นทรัพย์ ด. แล้วจึงไปปล้นทรัพย์ของ ม. ทีหลัง แต่ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยปล้นทรัพย์ ม. ก่อนแล้วจึง ไปปล้น ด. ซึ่งทำให้ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องบ้างก็ตาม ก็หาใช่สาระสำคัญไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2539/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ลำดับการกระทำความผิดในคำฟ้องไม่เป็นสาระสำคัญ หากจำเลยไม่หลงข้อต่อสู้ ศาลลงโทษได้ตามความผิดจริง
คำบรรยายฟ้องในเรื่องจำเลยปล้นทรัพย์ผู้เสียหายคนหนึ่งก่อนหรือหลังผู้เสียหายอีกคนหนึ่งในคดีที่โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นคนร้ายปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายในคืนเดียวกันหลายรายด้วยกัน ย่อมไม่เป็นสารสำคัญของคำฟ้องเป็นแต่เพียงรายละเอียดเพื่อให้จำเลยเข้าใจข้อหาเท่านั้น และเมื่อจำเลยมิได้หลงข้อต่อสู้หากทางพิจารณาฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามสารสำคัญของคำฟ้องแล้ว ศาลก็ย่อมมีอำนาจพิพากษาลงโทษจำเลยได้
ฟ้องโจทก์บรรยายว่าจำเลยร่วมกันปล้นทรัพย์ ด.แล้วจึงไปปล้นทรัพย์ของ ม.ทีหลัง แต่ทางพิจารณาได้ความว่า จำเลยปล้นทรัพย์ ม.ก่อนแล้วจึงไปปล้น ด. ซึ่งทำให้ข้อเท็จจริงต่างกับฟ้องบ้างก็ตาม ก็หาใช่สารสำคัญไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2473/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่าในคดีปล้นทรัพย์ ศาลพิจารณาจากลักษณะบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยที่ 1 กับพวกใช้มีดปลายแหลมของกลางเล่มเดียวซึ่งมีความยาวทั้งด้ามและตัวมีดประมาณ 1 ฟุตแทงประทุษร้ายผู้เสียหายในการปล้นทรัพย์ จนผู้เสียหายตกจากรถจักรยานยนต์และช่วยกันลากผู้เสียหายเข้าป่าข้างทาง แล้วเอาปืนกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายพาหนีไป ฝ่ายคนร้ายมีถึง 3 คนมีกำลังเหนือกว่าผู้เสียหายมากหากมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้วย่อมมีโอกาสทำได้ แต่จำเลยที่ 1 กับพวกก็หาได้กระทำเช่นนั้นไม่ บาดแผลของผู้เสียหายรวม 8 แผล แพทย์มีความเห็นว่ารักษา 10 วันหาย แสดงว่าเป็นบาดแผลเล็กน้อยไม่ทำให้ผู้เสียหายถึงตาย เพราะไม่ถูกที่สำคัญ เช่นนี้จำเลยที่ 1 มิได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เพียงมีเจตนาทำร้ายเท่านั้น จึงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ แต่ไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2473/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาทำร้าย vs. เจตนาฆ่าในคดีปล้นทรัพย์ การพิจารณาจากลักษณะบาดแผลและพฤติการณ์
จำเลยที่ 1 กับพวกใช้มีดปลายแหลมของกลางเล่มเดียวซึ่งมีความยาวทั้งด้ามและตัวมีดประมาณ 1 ฟุต แทงประทุษร้ายผู้เสียหายในการปล้นทรัพย์ จนผู้เสียหายตกจากรถจักรยานยนต์และช่วยกันลากผู้เสียหายเข้าป่าข้างทาง แล้วเอาปืนกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายพาหนีไป ฝ่ายคนร้ายมีถึง 3 คนมีกำลังเหนือกว่าผู้เสียหายมาก หากมีเจตนาฆ่าผู้เสียหายแล้วย่อมมีโอกาสทำได้ แต่จำเลยที่ 1 กับพวกก็หาได้กระทำเช่นนั้นไม่ บาดแผลของผู้เสียหายรวม 8 แผล แพทย์มีความเห็นว่ารักษา 10 วันหาย แสดงว่าเป็นบาดแผลเล็กน้อยไม่ทำให้ผู้เสียหายถึงตายเพราะไม่ถูกที่สำคัญ เช่นนี้จำเลยที่ 1 มิได้มีเจตนาฆ่าผู้เสียหาย เพียงมีเจตนาทำร้ายเท่านั้นจึงมีความผิดฐานปล้นทรัพย์ แต่ไม่มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1664/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ปล้นทรัพย์และการยิงตำรวจ: ความผิดแยกกระทง
คนร้ายปล้นทองในร้าน จำเลยวิ่งหนีออกจากร้าน ยิงตำรวจเป็นการกระทำหลังจากปล้นทรัพย์สำเร็จแล้ว เป็นปล้นทรัพย์และพยายามฆ่าเจ้าพนักงานคนละกระทงกัน ไม่เป็นความผิดฐานปล้นและทำให้เกิดอันตรายสาหัสตาม มาตรา 340วรรคสาม แต่เป็นความผิดตาม มาตรา 340 วรรคสอง,340ตรี กระทงหนึ่ง ผิดมาตรา 289,80 กระทงหนึ่ง กับผิด พระราชบัญญัติ อาวุธปืนฯอีกกระทงหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดทางอาญาในคดีปล้นทรัพย์ทำร้ายถึงตาย แม้ไม่ได้ลงมือเองก็มีโทษ
ในการปล้นทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์กับพวกถึงแก่ความตายนั้น ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ลงมือทำร้ายผู้ตาย ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ เพราะมิใช่กรณีบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 และมิใช่เหตุอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 312/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การร่วมกันปล้นทรัพย์จนถึงแก่ความตาย แม้ไม่ได้ลงมือทำร้ายเอง ก็ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ
ในการปล้นทรัพย์และทำร้ายเจ้าทรัพย์กับพวกถึงแก่ความตายนั้น ข้อเท็จจริงที่ว่าจำเลยไม่ได้เป็นผู้ลงมือกระทำร้ายผู้ตาย ไม่เป็นเหตุบรรเทาโทษ เพราะมิใช่กรณีที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 และมิใช่เหตุอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2562/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตคำฟ้องอาญา: การลงโทษกรรมเดียวผิดหลายบท vs. หลายกรรมเป็นกระทง
คำฟ้องข้อ 1 ข. ได้บรรยายถึงการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงเจ้าทรัพย์และคนอื่น ๆ ซึ่งมิใช่เจ้าทรัพย์ตายเพื่อสะดวกในการปล้นและเพื่อปกปิดการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 340, 340 ตรี เช่นนี้เป็นฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้นแม้ทางพิจารณาหากจะได้ความว่าจำเลยทำผิดหลายกรรม ศาลจะลงโทษจำคุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปไม่ได้ เพราะเกินคำฟ้อง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2015/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำรับสารภาพชั้นสอบสวนใช้ประกอบพยานแวดล้อมได้ แม้ไม่มีพยานเบิกความต่อศาลโดยตรง
คำให้การชั้นสอบสวนเป็นพยานบอกเล่า จะรับฟังดังคำพยานที่เบิกความต่อศาลไม่ได้ แต่อาจฟังว่าเคยให้การไว้เช่นนั้นเพื่อพิเคราะห์สอดส่องถึงข้อเท็จจริงอย่างเช่นเอกสารทางราชการที่ได้ทำขึ้นจากถ้อยคำของบุคคล(อ้างฎีกาที่ 51/2498)
คดีอาญาเรื่องปล้นทรัพย์ จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธชั้นศาล โจทก์ไม่ได้ตัวผู้เสียหายซึ่งเป็นประจักษ์พยานและพยานรายทางอื่นมาสืบ คงมีคำให้การชั้นสอบสวนที่จำเลยให้การรับสารภาพไว้โดยสมัครใจและนำชี้ที่เกิดเหตุให้ถ่ายภาพไว้กับมีตำรวจผู้จับและพนักงานสอบสวนมาสืบประกอบว่าได้จับกุมจำเลยทั้งสามได้ในที่แห่งเดียวกันและได้สร้อยคอของผู้เสียหายจากจำเลยที่ 2 ทั้งในชั้นสอบสวนผู้เสียหายได้ชี้ตัวจำเลยทั้งสามได้ถูกต้อง ดังนี้ ศาลรับฟังคำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสามประกอบพยานแวดล้อมดังกล่าวลงโทษจำเลยทั้งสามได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1815/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การแบ่งแยกความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน และการนับโทษจำเลย
เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้ใช้อาวุธปืนในการปล้นทรัพย์แต่เพียงผู้เดียวไม่ปรากฏว่าจำเลยอื่นมีหรือใช้อาวุธปืนด้วยจำเลยอื่นจึงไม่มีความผิดฐานทำการปล้นทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืนตามมาตรา 340ตรีที่แก้ไขโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 11 ลงวันที่21พฤศจิกายนพ.ศ.2514 ข้อ15 ด้วยและเป็นเหตุในลักษณะคดีศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยอื่นที่มิได้อุทธรณ์
และเมื่อปรากฏจากฎีกาของโจทก์ว่า คดีที่โจทก์ขอให้นับโทษจำเลยที่ 1,2 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำที่ 546/2518 นั้น จำเลยที่ 1,2 ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแล้วปรากฏตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 764/2518 ของศาลชั้นต้นศาลฎีกาให้นับโทษจำเลยที่ 1 ที่ 2 ต่อกันได้ตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์
of 40