คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 276 วรรคสอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 23 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4667/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมข่มขืนกระทำชำเรา: การกระทำที่สนับสนุนการข่มขืนแม้ไม่ได้ลงมือเอง
ตามพฤติการณ์ที่จำเลยขับรถจักรยานยนต์ไปส่งผู้เสียหายกลับบ้านหลังจากที่จำเลยร่วมประเวณีกับผู้เสียหายแล้วระหว่างทางพบ ต. กับพวก จำเลยจึงให้ ต. ไปส่งผู้เสียหายแทนโดยอ้างว่ามีธุระ แต่ ต. กลับพาผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง โดยจำเลยไปอยู่ในที่เกิดเหตุในขณะที่ผู้เสียหายถูก ต. กับพวกข่มขืนกระทำชำเราด้วยในลักษณะที่พร้อมจะช่วยเหลือได้ การกระทำของจำเลยดังกล่าวเชื่อว่าเป็นแผนการที่จำเลยกับพวกร่วมกันคบคิดพาผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราในที่เกิดเหตุ แม้จำเลยจะไม่ได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในขณะนั้นด้วย การกระทำของจำเลยดังกล่าวถือได้ว่าเป็นตัวการร่วมกับพวกข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 496/2550

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลเยาวชนในการรอการลงโทษ แม้โทษจำคุกเกิน 2 ปี
พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา 106 (3) ให้อำนาจศาลพิจารณารอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษเด็กหรือเยาวชนตาม ป.อ. ได้ แม้ว่าศาลจะกำหนดโทษจำคุกเกินกว่า 2 ปี และปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายเมื่อจำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า ความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราอันเป็นมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคสอง ศาลชั้นต้นลงโทษขั้นต่ำให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 3 ปี 9 เดือน จึงไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะรอการลงโทษจำคุกให้แก่จำเลยได้นั้นจึงเป็นการไม่ชอบ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7233/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา: การพิจารณาอายุผู้เสียหายจากรูปร่างและลักษณะภายนอก
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมเด็กหญิง ตาม ป.อ. มาตรา 277 วรรคสาม จำเลยมิได้ยกข้อต่อสู้ว่าจำเลยสำคัญผิดเข้าใจว่าผู้เสียหายอายุ 17 ปี ถึง 18 ปี ขึ้นต่อสู้โดยตรง แต่เมื่อคดีมีเหตุที่จำเลยไม่ควรต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 ประกอบด้วยมาตรา 215
ผู้เสียหายเป็นลูกครึ่งชาวไทยกับชาวต่างชาติ จากรูปร่างและลักษณะของผู้เสียหายมีเหตุผลทำให้จำเลยเข้าใจว่าผู้เสียหายมีอายุเกินกว่า 15 ปี ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบความผิดตาม ป.อ. มาตรา 277 จำเลยคงมีความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง ตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 62 วรรคสาม เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5772/2549

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความผิดฐานข่มขืนโทรมหญิงและการใช้ดุลยพินิจลงโทษผู้ร่วมกระทำความผิด
จำเลยที่ 1 กับพวกรวม 4 คน ร่วมกันบังคับขู่เข็ญนำตัวผู้เสียหายกับเพื่อนจากห้องพักที่อยู่อาศัยไปยังสถานที่เกิดเหตุซึ่งเป็นสถานที่เปลี่ยวลับตาคนแล้วผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอย่างต่อเนื่องกันถึง 3 คน ในลักษณะที่ผิดปกติวิสัยจนอวัยวะเพศของผู้เสียหายมีบาดแผลตามรายงานผลการชันสูตรบาดแผลของแพทย์ ถือได้ว่าเป็นการเจตนาร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคสอง
ในคดีที่ผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันถูกฟ้องขอให้ลงโทษในความผิดฐานเดียวกัน ไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดบังคับให้ศาลต้องใช้ดุลยพินิจกำหนดโทษผู้ร่วมกระทำความผิดแต่ละคนให้เท่ากัน ศาลอาจใช้ดุลยพินิจในการลงโทษจำเลยแต่ละคนแตกต่างกันไปได้ ขึ้นอยู่กันพฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องๆ ไป เมื่อพฤติการณ์แห่งคดีในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ร้ายแรงกว่าจำเลยที่ 2 และผู้ร่วมกระทำความผิดคนอื่น ทั้งจำเลยที่ 1 มีอายุถึง 27 ปี มากกว่าจำเลยที่ 2 จึงเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีเพียงพอแล้ว ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์กำหนดโทษจำคุกสำหรับจำเลยที่ 1 มาโดยลดโทษให้หนึ่งในสี่เพราะเห็นว่าเหตุบรรเทาโทษนั้น เหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7308/2547

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเรา, หน่วงเหนี่ยวกักขัง, กรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท, การแก้ไขโทษ, การบรรยายฟ้องไม่ครบองค์ประกอบ
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 309 วรรคสอง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 218 วรรคแรก
ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 371 โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ครบองค์ประกอบความผิดดังกล่าว แม้คำขอท้ายฟ้องจะขอให้ลงโทษตาม ป.อ. มาตรา 371 ก็ไม่อาจลงโทษในความผิดฐานนี้ได้
สำหรับความผิดในข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขังแม้ศาลล่างทั้งสองจะพิพากษายืนกันมาให้จำคุก 1 ปี แต่ความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำกรรมเดียวกับความผิดในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราซึ่งศาลล่างทั้งสองจำคุก 16 ปี อันไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงทำให้ข้อหาความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไปด้วย
จำเลยกับพวกพาผู้เสียหายที่ 2 ไปบังคับข่มขืนกระทำชำเราคนละหลายครั้งเป็นความผิดตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคสอง และ 310 วรรคแรก เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทตาม ป.อ. มาตรา 90

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2371/2545

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาในการกระทำความผิดฐานข่มขืน ต้องพิสูจน์การสมคบคิดร่วมกันและผลัดเปลี่ยนกันกระทำ
การกระทำความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงตาม ป.อ. มาตรา 276 วรรคสอง นั้น จำต้องมีการร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปโดยมีลักษณะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน จำเลยที่ 1 และนาย ย. ต่างได้พูดขอร่วมเพศกับผู้เสียหายทำนองขอความยินยอมจากผู้เสียหายก่อน หากจำเลยที่ 1 และนาย ย. มีเจตนาร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายมาตั้งแต่ต้นก็คงช่วยกันจัดการอย่างหนึ่งอย่างใดเพื่อข่มขืน กระทำชำเราผู้เสียหายในทันทีที่เข้าไปพบผู้เสียหายในขนำ ถือว่าจำเลยที่ 1 และนาย ย. ต่างมีเจตนาของตนเองไม่ เกี่ยวข้องกันและกันเพื่อที่จะข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกันข่มขืนกระทำชำเรา ผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง แต่เนื่องจากเมื่อจำเลยพูดขอร่วมเพศกับผู้เสียหายแล้วผู้เสียหายไม่ยินยอม จำเลยซึ่งได้ใช้กำลังข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายแต่ไม่สำเร็จ เพราะผู้เสียหายได้บีบอวัยวะเพศของจำเลยที่ 1 ไว้ จำเลยที่ 1 จึงมีความผิดเพียงพยายามข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1630/2544

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ร่วมกันข่มขืนโทรมหญิง แม้ไม่สำเร็จความใคร่ เจตนาพยายามกระทำความผิดก็ถือเป็นความผิดฐานข่มขืน
จำเลยกับพวกร่วมกันกระทำผิด แม้จะปรากฏว่าหลังจากจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเสร็จแล้ว พวกของจำเลยคนหนึ่งที่ร่วมกันมาฉุดผู้เสียหายไปข่มขืนกระทำชำเราซึ่งเข้าข่มขืนกระทำชำเราเป็นคนต่อมาจะไม่สามารถ สอดใส่อวัยวะเพศของตนเข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหายได้เพราะอวัยวะเพศไม่แข็งตัวก็ตาม แต่การที่พวกของจำเลยพยายามสอดใส่อยู่นาน 10 นาที ก็แสดงให้เห็นเจตนาที่จะรุมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยกับพวกจึงได้ชื่อว่าเป็นการร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1558/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ตัวการร่วมข่มขืนโทรมหญิง แม้ไม่ได้ลงมือเอง ก็มีความผิดตามกฎหมาย
แม้จำเลยจะมิได้เป็นผู้ลงมือข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย แต่พฤติการณ์ที่จำเลยช่วยกันฉุดผู้เสียหายและช่วยกดคอและตบตีผู้เสียหายเพื่อให้พวกของจำเลยข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายในลักษณะโทรมหญิงนั้นถือได้ว่าจำเลยได้เป็นตัวการร่วมกระทำผิดด้วยกันกับพวกของจำเลยแล้ว จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 83

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9559/2542

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราโทรมหญิง, สมคบกันกระทำผิด, พยานหลักฐานแน่นหนา, ศาลยืนตามอุทธรณ์
จำเลยทั้งสองใช้มีดปลายแหลมเป็นอาวุธจี้ขู่บังคับผู้เสียหายนั่งรถจักรยานยนต์ไปจากบริเวณที่จำเลยทั้งสองพบผู้เสียหายครั้งแรกไปจนถึงกระท่อมนาที่จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันผลัดเปลี่ยนกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยพวกจำเลยยืนคุมอยู่ การกระทำชำเราในลักษณะเช่นนี้ จำเลยทั้งสองและพวกได้กระทำในลักษณะติดต่อกันและอยู่คุมให้พวกของตนข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ เป็นการสมคบกันกระทำผิดอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงและเป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1672/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเรา: พยานหลักฐานทางการแพทย์ไม่เด็ดขาด ศาลเชื่อพยานผู้เสียหาย
แพทย์ได้ตรวจช่องคลอดของผู้เสียหายพบว่ามีความผิดปกติโดยกำเนิดโดยอุจจาระจะผ่านทางช่องคลอดมากกว่าจะออกไปทางทวารหนักเพราะมีช่องกว้างกว่าจากเหตุเช่นนี้อาจจะทำให้เยื่อพรหมจารีผู้เสียหายยังอยู่คงเดิมไม่พบรอยฟกช้ำของอวัยวะเพศและไม่พบอสุจิในช่องคลอดแต่ข้อเท็จจริงดังกล่าวก็ใช่ว่าจะเป็นเครื่องยืนยันเด็ดขาดว่าจะไม่มีการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายหากผู้เสียหายเบิกความโดยละเอียดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นศาลก็ฟังว่าจำเลยกับพวกข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายได้
of 3