คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ประยูร ณ ระนอง

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 193 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1341/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การค้ามนุษย์, ความผิดหลายกรรม, การยกเลิกกฎหมายเก่า, และผลกระทบต่อโทษจำคุก
จำเลยทั้งสามร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจาร แม้กระทำต่อผู้เสียหายหลายคนในคราวเดียวกัน แต่ก็เป็นการกระทำต่อผู้เสียหายแต่ละคนโดยเฉพาะ จึงเป็นความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน
ภายหลังกระทำความผิด ได้มี พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 ให้ยกเลิก พ.ร.บ.มาตรการในการป้องกันและปราบปรามการค้าหญิงและเด็ก พ.ศ.2540 โดยไม่ได้บัญญัติให้การกระทำความผิดฐานค้าหญิงโดยหญิงนั้นยินยอมตามที่จำเลยที่ 1 กระทำความผิดตามมาตรา 5, 7 วรรคหนึ่งและวรรคสองเป็นความผิดอีกต่อไป จำเลยที่ 1 จึงพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดฐานนี้ตาม ป.อ. มาตรา 2

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1237/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สำคัญผิดในลักษณะของนิติกรรม พินัยกรรมเป็นโมฆะ ไม่ขาดอายุความ
การที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดีทุกประเด็นแต่ไม่ได้มีคำพิพากษาในคำขอเกี่ยวกับที่ดินที่โจทก์ขอให้จำเลยที่ 1 โอนคืนให้แก่โจทก์ โจทก์จึงอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์แก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นโดยให้พิพากษาตามคำขอท้ายฟ้องให้ครบทุกข้อ โดยมิได้อุทธรณ์โต้แย้งคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น อุทธรณ์ของโจทก์จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์
การบรรยายฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับพินัยกรรมทั้งสองฉบับว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันปลอมพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 2 มีนาคม 2545 และไม่ว่าจะฟังข้อเท็จจริงอย่างไรพินัยกรรมฉบับนี้ก็ถูกเพิกถอนโดยพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 2 เมษายน 2545 เป็นการบรรยายฟ้องตามข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งจำเลยก็เข้าใจสภาพแห่งข้อหาไม่ได้หลงต่อสู้ คำฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม
การห้ามฟ้องบุพการีเป็นบทบัญญัติที่จำกัดสิทธิจำต้องตีความโดยเคร่งครัดว่า กรณีของผู้สืบสันดานชั้นบุตรหมายถึงบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้นที่ต้องห้ามมิให้ฟ้องบุพการีของตน ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1562
ตามฟ้องโจทก์อ้างว่า ผู้ตายลงลายมือชื่อในพินัยกรรมฉบับลงวันที่ 2 มีนาคม 2545 โดยผู้ตายสำคัญผิดในลักษณะของนิติกรรมซึ่งถือเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมจึงเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 156 กรณีมิใช่การฟ้องขอให้เพิกถอนข้อกำหนดพินัยกรรมตาม ป.พ.พ. มาตรา 1710 จึงไม่อยู่ในบังคับกำหนดอายุความตามมาตรา 1710

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 513/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สนามกอล์ฟมีหน้าที่ดูแลถุงกอล์ฟของลูกค้าในฐานะผู้รับฝาก หากประมาทเลินเล่อทำให้สูญหาย ต้องรับผิดชอบ
จุดที่ลูกค้ามาเล่นกอล์ฟนำถุงกอล์ฟลงจากรถหรือขึ้นรถอยู่หน้าคลับเฮ้าส์ โดยมีซุ้มที่พักพนักงานจำเลยคอยให้การต้อนรับลูกค้า เมื่อลูกค้าเล่นกอล์ฟเสร็จ แคดดี้จะนำถุงกอล์ฟมาวางไว้บริเวณซุ้มหน้าคลับเฮ้าส์จุดที่รับถุงกอล์ฟ พนักงานของจำเลยซึ่งอยู่บริเวณดังกล่าวจะต้องคอยดูแลถุงกอล์ฟของลูกค้าไว้ ในกรณีที่ลูกค้าไม่ได้สั่งให้แคดดี้นำถุงกอล์ฟไปส่งที่รถหรือลูกค้าไม่มีรถส่วนตัวมา แคดดี้ต้องนำถุงกอล์ฟมารอลูกค้าที่หน้าคลับเฮ้าส์ หลังเกิดเหตุถุงกอล์ฟของโจทก์ถูกคนร้ายลักไป จำเลยยังคงใช้สถานที่บริเวณซุ้มหน้าคลับเฮ้าส์เป็นจุดรับส่งถุงกอล์ฟเช่นเดิม เพียงแต่มีป้ายเขียนข้อความให้ลูกค้าที่มาเล่นกอล์ฟแจ้งหมายเลขทะเบียนรถที่จะมารับถุงกอล์ฟไปเท่านั้น พฤติการณ์ดำเนินการให้บริการลักษณะดังกล่าวของจำเลยแสดงให้เห็นว่าแม้บริเวณซุ้มหน้าคลับเฮ้าส์จะไม่มีข้อความว่าเป็นจุดบริการรับฝากถุงกอล์ฟและไม่มีหลักฐานการรับฝากก็ตาม แต่ในทางปฏิบัติของสนามกอล์ฟและลูกค้าต่างเป็นที่ทราบว่าเป็นจุดรับส่งถุงกอล์ฟ ดังนั้น การปฏิบัติระหว่างสนามกอล์ฟกับลูกค้าที่มาเล่นกอล์ฟจึงเข้าลักษณะสัญญาฝากทรัพย์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 657 กรณีต้องถือว่าจำเลยได้รับฝากถุงกอล์ฟของโจทก์แล้ว เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้ประกอบกิจการให้บริการสนามกอล์ฟ จำเลยจึงต้องใช้ความระมัดระวังเท่าที่เป็นธรรมดาจะต้องใช้และสมควรจะต้องใช้ในกิจการสนามกอล์ฟตาม ป.พ.พ. มาตรา 659 วรรคสาม แต่ตามทางปฏิบัติปรากฏว่าจำเลยไม่มีมาตรการใด ๆ ในการดูแลรักษาถุงกอล์ฟของลูกค้าที่มาใช้บริการ ดังนั้น เมื่อมีคนร้ายมาอ้างต่อพนักงานจำเลยว่าเป็นคนขับรถของโจทก์มารับถุงกอล์ฟ และพนักงานจำเลยก็ยอมให้ถุงกอล์ฟของโจทก์ไป ทั้งๆ ที่เรื่องนี้พนักงานจำเลยเบิกความรับว่าแคดดี้ของโจทก์แจ้งให้ทราบว่าโจทก์นั่งรถแท็กซี่มาเล่นกอล์ฟ กรณีเช่นนี้ถือว่าพนักงานจำเลยไม่ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรในการปฏิบัติหน้าที่ จำเลยจึงต้องรับผิดในความสูญหายของอุปกรณ์กอล์ฟต่อโจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 296/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาคดีอาญาต้องมีคำวินิจฉัยเรื่องของกลาง การไม่ให้เหตุผลไม่ริบของกลางเป็นเหตุให้คำพิพากษาไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ป.วิ.อ. มาตรา 186 (9) บัญญัติให้คำพิพากษาคดีอาญาต้องมีคำวินิจฉัยของศาลในเรื่องของกลาง อันเป็นบทบังคับให้ศาลต้องมีคำวินิจฉัยในส่วนดังกล่าว การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าคำขออื่นให้ยกแม้จะเข้าใจได้ว่าศาลชั้นต้นยกคำขอให้ริบของกลาง แต่ศาลชั้นต้นก็ไม่ได้ให้เหตุผลว่าเหตุใดจึงไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง จึงเป็นการไม่ชอบด้วยบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เมื่อคดีมาสู่ศาลฎีกา ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัยว่าสมควรริบรถจักรยานยนต์ของกลางหรือไม่ โดยไม่ย้อนสำนวน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 221/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การรับสารภาพวันกระทำผิดเป็นยุติ การอุทธรณ์ข้อเท็จจริงใหม่หลังรับสารภาพต้องห้าม
ในคดีอาญาที่ไม่จำต้องสืบพยานประกอบ เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวันกระทำความผิดของจำเลยย่อมรับฟังเป็นยุติได้ตามฟ้องโจทก์ ต่อมาจำเลยอุทธรณ์ว่า ตามฟ้องโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยกระทำความผิดเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2552 แต่จำเลยเก็บทรัพย์สินที่ตกจากรถยนต์บรรทุกของผู้เสียหายตั้งแต่วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 และศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2552 จึงเป็นไปไม่ได้ที่วันเกิดเหตุตามฟ้องจะเกิดขึ้นภายหลังจากวันที่ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลย นั้น จึงเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงเป็นอย่างอื่นนอกจากที่จำเลยให้การรับสารภาพและเป็นการอุทธรณ์ข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 15

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 149/2554

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าของกรรมสิทธิ์รถเช่าซื้อ: การขอคืนรถหลังจำเลยกระทำผิด ไม่ถือเป็นความไม่สุจริต
ผู้ร้องให้จำเลยเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ไปโดยไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดของจำเลย จึงต้องคืนรถจักรยานยนต์ให้แก่ผู้ร้อง การที่ผู้ร้องไม่ใช้สิทธิทางแพ่งกับจำเลยและร้องขอรถจักรยานยนต์ของกลางคืน เป็นเพียงการไม่ถือเอาประโยชน์จากข้อสัญญาที่กำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งเป็นสิทธิที่ผู้ร้องจะใช้หรือไม่ก็ได้และเมื่อจำเลยผิดสัญญา ผู้ร้องในฐานะเจ้าของกรรมสิทธิ์ย่อมมีสิทธิติดตามเอาทรัพย์สินของกลางที่ให้เช่าซื้อคืนได้ กรณียังไม่พอฟังว่าเป็นการช่วยเหลือจำเลยมิให้ต้องรับโทษเต็มตามคำพิพากษา อันเป็นการกระทำโดยไม่สุจริตแต่อย่างใดเพราะกฎหมายสันนิษฐานไว้ก่อนว่าบุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 16001/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ข่มขืนกระทำชำเราโดยใช้กำลังประทุษร้าย ผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
ทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าผู้เสียหายเป็นบุคคลที่มีสภาพจิตไม่สมบูรณ์ ผู้เสียหายมีสภาพจิตเหมือนบุคคลทั่วไป และโดยวิสัยของผู้หญิงทั่วไปย่อมต้องรักนวลสงวนตัวไม่ยินยอมให้บุคคลใดร่วมประเวณีได้ง่าย ๆ ผู้เสียหายเป็นผู้สืบสันดานของจำเลยอยู่ในอุปการะเลี้ยงดูของจำเลยจึงไม่มีเหตุผลใดที่ผู้เสียหายจะยินยอมให้จำเลยซึ่งเป็นบิดาร่วมประเวณีอย่างแน่นอน ขณะเกิดเหตุเมื่อผู้เสียหายรู้สึกตัวว่ามีคนมาทับตัวแล้วเอาวัตถุใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของตน ผู้เสียหายพยายามที่จะผลักออกไป รู้สึกว่าเป็นผู้ชายแต่ไม่กล้าลืมตาขึ้นไปมอง แสดงว่าผู้เสียหายไม่ได้ยินยอม ได้ขัดขืนโดยพยายามผลักออกแล้ว แต่ไม่สามารถขัดขืนได้ ก่อนเกิดเหตุจำเลยเป็นผู้ชายคนเดียวที่นอนในมุ้ง ขณะที่ผู้เสียหายพยายามที่จะผลักออกผู้เสียหายอาจจะรู้ว่าเป็นจำเลยจึงไม่กล้าขัดขืนต่อไปและไม่กล้าบอกบุคคลอื่นทราบก็เป็นได้ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำชำเราผู้เสียหาย โดยมีพฤติการณ์ขึ้นนอนทับตัวผู้เสียหายแล้วเอาอวัยวะเพศสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศของผู้เสียหาย ผู้เสียหายพยายามขัดขืนพยายามที่จะผลักออก แต่จำเลยยังนอนทับและทำการข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายเป็นเวลานานประมาณ 20 นาที ถือได้ว่าผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ การกระทำของจำเลยจึงเข้าองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคแรก (เดิม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13516/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำให้การรับสารภาพที่เจาะจงข้อเท็จจริงและอ้างไม่มีเจตนา ไม่ถือเป็นคำรับสารภาพตามกฎหมาย
คำให้การของจำเลยที่ยื่นต่อศาลชั้นต้นมีใจความว่า จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ แต่จำเลยขอแถลงข้อเท็จจริงต่อศาลเป็นเรื่องจริงของคดีนี้ คือ จำเลยประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป วันเกิดเหตุจำเลยรับจ้าง ฮ. นำแผ่นวีซีดีมาส่งที่บริเวณคลองถม โดย ฮ. บอกจำเลยว่าเป็นแผ่นวีซีดีภาพยนตร์ทั่วๆ ไป ซึ่งออกฉายในโรงภาพยนตร์มาแล้วเหมือนกับที่เคยจ้างจำเลยมาส่งในครั้งก่อน จำเลยไม่ทราบได้ว่าเป็นแผ่นวีซีดีลามก จำเลยถูก ฮ. หลอกใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด ส่วนข้อความต่อจากนั้นจำเลยขอให้ศาลชั้นต้นลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษให้แก่จำเลย ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาว่า จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์ทุกประการตามคำให้การที่ยื่นต่อศาล โจทก์จำเลยแถลงไม่ติดใจสืบพยาน ดังนี้ คำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นเรื่องที่จำเลยรับว่าตนมีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ ซึ่งเป็นความผิดตามฟ้องเท่านั้น จำเลยไม่รู้ข้อเท็จจริงว่าแผ่นวีซีดีของกลางเป็นวัตถุหรือสิ่งลามก เท่ากับจำเลยอ้างว่าไม่มีเจตนากระทำความผิด คำให้การของจำเลยจึงยังฟังไม่ได้ว่าเป็นคำให้การรับสารภาพว่า จำเลยกระทำผิดจริงตามที่โจทก์ฟ้อง เมื่อโจทก์ไม่สืบพยาน คดีจึงลงโทษจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12775/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาการครอบครองอาวุธปืน: การส่งต่อเพื่อโยนทิ้ง ไม่ถือเป็นความผิดฐานมีและพาอาวุธ
นายพิทักษ์กับพวกไปหาจำเลยที่บ้านร่วมดื่มสุราแล้วชวนไปเที่ยวงานวัดด้วยกันประมาณ 12 คน โดยนั่งตอนท้ายรถยนต์กระบะและอาวุธปืนของกลางอยู่ที่นายพิทักษ์เพียงผู้เดียว จนกระทั่งวันและเวลาเกิดเหตุ เจ้าพนักงานตำรวจเข้าตรวจค้นพบอาวุธปืนของกลางบนพื้นถนนข้างรถยนต์กระบะดังกล่าว
พฤติการณ์ที่จำเลยรับอาวุธปืนของกลางจากนายพิทักษ์ แล้วส่งต่อให้เพื่อนไปโยนทิ้งทันที เป็นการที่จำเลยรับอาวุธปืนของกลางมาอยู่ที่จำเลยเพียงช่วงระยะเวลาอันสั้นเพื่อส่งต่อไปทันทีเท่านั้น ยังไม่พอฟังว่าจำเลยมีเจตนาร่วมกับนายพิทักษ์มีและพาอาวุธปืนของกลาง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 12048/2553

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าที่ดินถูกเวนคืน ผู้เช่ามีหน้าที่จดทะเบียนยกเลิกสัญญาเพื่อผู้ให้เช่ารับค่าทดแทน
ที่ดินที่จำเลยเช่าบางส่วนถูกเวนคืนตาม พ.ร.ฎ. เวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างถนนวงแหวนอุตสาหกรรม โจทก์จึงถูกบังคับตาม พ.ร.ฎ. ดังกล่าว การที่โจทก์ทำสัญญาซื้อขายที่ดินส่วนที่ถูกเวนคืนกับกรมโยธาธิการผู้ซื้อ ก็เพื่อที่จะได้รับค่าทดแทนที่ดินที่ถูกเวนคืนตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2530 กำหนดไว้ มิใช่เป็นกรณีที่โจทก์จะไปทำสัญญาหรือไม่ก็ได้ ทำให้การชำระหนี้ตามสัญญาเช่าของโจทก์ในฐานะผู้ให้เช่ากลายเป็นพ้นวิสัยบางส่วน จึงถือไม่ได้ว่าโจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาเช่าเมื่อจำเลยประสงค์จะเช่าที่ดินส่วนที่เหลือต่อไป แต่จำเลยเพิกเฉยไม่ไปจดทะเบียนยกเลิกการเช่าที่ดินส่วนที่ถูกเวนคืน เมื่อโจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าส่วนที่ถูกเวนคืนแล้วโจทก์ย่อมขอให้บังคับจำเลยไปจดทะเบียนยกเลิกการเช่าได้ และโจทก์ได้รับความเสียหายไม่ได้รับค่าทดแทน ถึงแม้ว่ากรมโยธาธิการจะได้นำไปวางทรัพย์ไว้ที่ธนาคารออมสินโดยมีดอกเบี้ยเงินฝากด้วยก็ตาม แต่ค่าทดแทนจะจ่ายให้โจทก์ได้ต่อเมื่อมีการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมแล้ว ซึ่งโจทก์ในฐานะผู้ขายจะได้รับเงินค่าทดแทนพร้อมดอกเบี้ยก็ต่อเมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขแล้ว ดังนั้น ดอกเบี้ยเงินฝากที่โจทก์จะได้รับจากธนาคารออมสินจึงเป็นคนละส่วนกับค่าเสียหายที่โจทก์มีสิทธิเรียกร้องจากจำเลยโจทก์จึงมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยชำระค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ยในอัตราเท่ากับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสินในขณะนั้นได้
of 20