พบผลลัพธ์ทั้งหมด 58 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีหลังฎีกา: สิทธิโจทก์ในการรับชำระหนี้ แม้จำเลยมิได้ขอทุเลาการบังคับ
จำเลยแพ้คดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ในชั้นฎีกาจำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 247 คือการยื่นฎีกาไม่เป็นการทุเลาการบังคับตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ย่อมที่จะขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจในฐานะเป็นผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอันที่จะได้รับชำระหนี้หรือทรัพย์สินที่ลูกหนี้นำมาวางและออกใบรับให้ กับมีอำนาจที่จะยึดหรืออายัดและยึดถือทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้ และมีอำนาจที่จะเอาทรัพย์สินเช่นว่านี้ออกขายทอดตลาด ทั้งมีอำนาจที่จะจำหน่ายทรัพย์สินหรือเงินรายได้จากการนั้น และดำเนินวิธีการบังคับทั่ว ๆ ไปตามที่ศาลได้กำหนดไว้ในหมายบังคับคดี คดีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะจ่ายเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ไปจึงเป็นส่วนหนึ่งของการบังคับคดี เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ขอทุเลาการบังคับเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ต้องจ่ายเงินให้โจทก์ไป
การบังคับคดีเป็นอำนาจและหน้าที่ของศาลชั้นต้น ถึงแม้จำเลยที่ 1 ไม่ขอทะเลาการบังคับ ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจดำเนินการบังคับคดีไปตามปกติ เช่นจะสั่งงดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2) ก็ทำได้ ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้น
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจในฐานะเป็นผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอันที่จะได้รับชำระหนี้หรือทรัพย์สินที่ลูกหนี้นำมาวางและออกใบรับให้ กับมีอำนาจที่จะยึดหรืออายัดและยึดถือทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้ และมีอำนาจที่จะเอาทรัพย์สินเช่นว่านี้ออกขายทอดตลาด ทั้งมีอำนาจที่จะจำหน่ายทรัพย์สินหรือเงินรายได้จากการนั้น และดำเนินวิธีการบังคับทั่ว ๆ ไปตามที่ศาลได้กำหนดไว้ในหมายบังคับคดี คดีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษา การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะจ่ายเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ไปจึงเป็นส่วนหนึ่งของการบังคับคดี เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ขอทุเลาการบังคับเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ต้องจ่ายเงินให้โจทก์ไป
การบังคับคดีเป็นอำนาจและหน้าที่ของศาลชั้นต้น ถึงแม้จำเลยที่ 1 ไม่ขอทะเลาการบังคับ ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจดำเนินการบังคับคดีไปตามปกติ เช่นจะสั่งงดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2) ก็ทำได้ ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 655/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีแม้จำเลยมิได้ขอทุเลาการบังคับ ศาลมีอำนาจดำเนินการได้ตามกฎหมาย
จำเลยแพ้คดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ ในชั้นฎีกาจำเลยมิได้ยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 231 วรรคแรก ประกอบด้วยมาตรา 247 คือการยื่นฎีกาไม่เป็นการทุเลาการบังคับตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ย่อมที่จะขอให้ศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ได้
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจในฐานะเป็นผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอันที่จะได้รับชำระหนี้หรือทรัพย์สินที่ลูกหนี้นำมาวางและออกใบรับให้ กับมีอำนาจที่จะยึดหรืออายัดและยึดถือทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้และมีอำนาจที่จะเอาทรัพย์สินเช่นว่านี้ออกขายทอดตลาด ทั้งมีอำนาจที่จะจำหน่ายทรัพย์สินหรือเงินรายได้จากการนั้น และดำเนินวิธีการบังคับทั่ว ๆ ไปตามที่ศาลได้กำหนดไว้ในหมายบังคับคดี คดีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะจ่ายเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ไปจึงเป็นส่วนหนึ่งของการบังคับคดีเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ขอทุเลาการบังคับเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ต้องจ่ายเงินให้โจทก์ไป
การบังคับคดีเป็นอำนาจและหน้าที่ของศาลชั้นต้น ถึงแม้จำเลยที่ 1 จะไม่ขอทุเลาการบังคับ ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจดำเนินการบังคับคดีไปตามปกติ เช่นจะสั่งงดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) ก็ทำได้ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้น
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 278 ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีมีอำนาจในฐานะเป็นผู้แทนเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในอันที่จะได้รับชำระหนี้หรือทรัพย์สินที่ลูกหนี้นำมาวางและออกใบรับให้ กับมีอำนาจที่จะยึดหรืออายัดและยึดถือทรัพย์สินของลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้และมีอำนาจที่จะเอาทรัพย์สินเช่นว่านี้ออกขายทอดตลาด ทั้งมีอำนาจที่จะจำหน่ายทรัพย์สินหรือเงินรายได้จากการนั้น และดำเนินวิธีการบังคับทั่ว ๆ ไปตามที่ศาลได้กำหนดไว้ในหมายบังคับคดี คดีนี้เจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจะจ่ายเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ไปจึงเป็นส่วนหนึ่งของการบังคับคดีเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ขอทุเลาการบังคับเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ต้องจ่ายเงินให้โจทก์ไป
การบังคับคดีเป็นอำนาจและหน้าที่ของศาลชั้นต้น ถึงแม้จำเลยที่ 1 จะไม่ขอทุเลาการบังคับ ศาลชั้นต้นก็มีอำนาจดำเนินการบังคับคดีไปตามปกติ เช่นจะสั่งงดการบังคับคดีไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) ก็ทำได้ซึ่งเป็นดุลพินิจของศาลชั้นต้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2513
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความกับผู้มีสิทธิไม่ชัดเจน: เหตุผลสมควรให้งดบังคับคดีได้
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาทซึ่งอ้างว่าเป็นของโจทก์แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญายอมความกัน โดยโจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในตึกพิพาทต่อไป และจำเลยจะต้องชำระค่าเช่าเป็นรายเดือนถ้าผิดนัดจะยอมออกจากตึกพิพาท ในสัญญายอมความมีข้อความแสดงว่า จำเลยยังไม่ทราบว่าตึกพิพาทเป็นของใครกันแน่ เพราะโจทก์กับบุคคลภายนอกกำลังมีคดีพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์อยู่ ต่อมาบุคคลภายนอกชนะคดีโจทก์ และเร่งรัดจำเลย จนต้องไปทำสัญญาเช่าให้แต่คดีนั้นยังไม่ถึงที่สุด และจำเลยค้างชำระค่าเช่าแก่โจทก์ตามสัญญายอมความ โดยอ้างว่าไม่ทราบว่าจะชำระให้ใครถูก ดังนี้ เมื่อโจทก์ขอให้บังคับให้จำเลยขนย้ายออกจากตึกพิพาท คดีมีเหตุผลควรให้งดการบังคับคดีไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1484/2513 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความและเหตุผลสมควรในการงดบังคับคดี กรณีกรรมสิทธิ์พิพาทไม่ชัดเจน
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากตึกพิพาทซึ่งอ้างว่าเป็นของโจทก์แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญายอมความกัน โดยโจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในตึกพิพาทต่อไป และจำเลยจะต้องชำระค่าเช่าเป็นรายเดือนถ้าผิดนัดจะยอมออกจากตึกพิพาท ในสัญญายอมความมีข้อความแสดงว่าจำเลยยังไม่ทราบว่าตึกพิพาทเป็นของใครกันแน่ เพราะโจทก์กับบุคคลภายนอกกำลังมีคดีพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์อยู่ ต่อมาบุคคลภายนอกชนะคดีโจทก์ และเร่งรัดจำเลย จนต้องไปทำสัญญาเช่าให้แต่คดีนั้นยังไม่ถึงที่สุด และจำเลยค้างชำระค่าเช่าแก่โจทก์ตามสัญญายอมความ โดยอ้างว่าไม่ทราบว่าจะชำระให้ใครถูก ดังนี้เมื่อโจทก์ขอให้บังคับให้จำเลยขนย้ายออกจากตึกพิพาท คดีมีเหตุผลควรให้งดการบังคับคดีไว้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 105/2507 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีและการประวิงคดี: ศาลยืนยันบังคับคดีตามคำพิพากษาเดิม แม้มีการฟ้องคดีใหม่เพื่อโต้แย้งกรรมสิทธิ์
ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีโดยให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นซึ่งบังคับให้จำเลยรื้อถอนห้องแถว 3 ห้องของจำเลยออกไปจากที่พิพาทแล้วส่งคืนที่พิพาทในสภาพอันเรียบร้อยแก่โจทก์ ชั้นบังคับคดี จำเลยยื่นคำร้องว่า ที่พิพาทที่จำเลยปลูกบ้านอยู่นี้เป็นของวัดกำแพง(วัดร้าง) ซึ่งจำเลยเช่าจากวัดโบสถ์ และวัดร้างอยู่ในความดูแลของกรมการศาสนา บัดนี้ กรมการศาสนาได้ยื่นฟ้องโจทก์เพื่อเรียกที่ดินพิพาทคืนจากโจทก์แล้ว หากกรมการศาสนาชนะคดีโจทก์แล้วอำนาจบังคับคดีของโจทก์ก็หมดไปในตัว จึงขอให้ศาลชั้นต้นรอการบังคับคดีไว้ก่อนเพื่อรอผลคดีที่กรมการศาสนาฟ้องโจทก์ดังกล่าวให้ถึงที่สุดก่อน ดังนี้ คำร้องของจำเลยเป็นเรื่องขอให้งดการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่งอยู่ในดุลพินิจของศาลที่จะสั่งตามสมควรแก่รูปคดี ถ้าศาลเห็นว่าจำเลยได้ใช้วิธีการต่าง ๆ ในเชิงคดีที่จะประวิงการบังคับคดีตามคำพิพากษาให้เนิ่นนานตลอดมา และปรากฏว่าศาลชั้นต้นได้ผ่อนผันให้โอกาสและเวลานานพอที่จำเลยจะปฏิบัติตามคำบังคับแล้ว การที่กรมการศาสนาฟ้องโจทก์ตามที่จำเลยกล่าวอ้างในคำร้อง ไม่เป็นเหตุที่จะงดการบังคับคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1723/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการร้องขอให้งดบังคับคดี: ผู้ร้องต้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงในคดีบังคับคดีนั้น
โจทก์นำยึดที่ดินมีโฉนดของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษา ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องได้ฟ้องจำเลยขอให้โอนขายกรรมสิทธิ์ที่ 2 แปลงนั้นตามสัญญาซื้อขายและรับเงินค่าที่ดินที่ยังเหลืออยู่ไป ขอให้สั่งงดการขายทอดตลาดไว้จนกว่าคดีที่ผู้ร้องได้ฟ้องนั้นจะถึงที่สุด ดังนี้ ผู้ร้องไม่มีสิทธิมาร้องขอเช่นนั้นได้ เพราะมิใช่เป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดีที่โจทก์นำยึดนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 280
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสีย คัดค้านการขายทอดตลาดเมื่อมีคดีพิพาทเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์และนิติกรรม
โจทก์ฟ้องบังคับจำนองจำเลย ในที่สุดตกลงกันให้นำที่ดินที่จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินใช้หนี้จำนองโจทก์ ก่อนขายมีบุคคลภายนอกยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งระงับการขาย โดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนั้นร่วมกับจำเลย และผู้ร้องได้ฟ้องขอให้ศาลสั่งว่าผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยครึ่งหนึ่งแล้ว กับยังได้ฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนสัญญาจำนองและสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยในคดีนี้ด้วย ดังนี้ เมื่อศาลเห็นสมควรก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งงดการขายทอดตลาดที่ดินแปลงนั้นไว้ได้ โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2) ประกอบกับข้อความในวรรคสุดท้ายของมาตรานั้น และมาตรา 306
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 680/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิของบุคคลภายนอกผู้มีส่วนได้เสีย คัดค้านการขายทอดตลาดเมื่อมีข้อพิพาทเรื่องกรรมสิทธิ์และนิติกรรม
โจทก์ฟ้องบังคับจำนองจำเลย ในที่สุดตกลงกันให้นำที่ดินที่จำนองออกขายทอดตลาดเอาเงินใช้หนี้จำนองโจทก์ก่อนขายมีบุคคลภายนอกยื่นคำร้องต่อศาลขอให้สั่งระงับการขายโดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นเจ้าของที่ดินแปลงนั้นร่วมกับจำเลยและผู้ร้องได้ฟ้องขอให้ศาลสั่งว่าผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยครึ่งหนึ่งแล้วกับยังได้ฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนสัญญาจำนองและสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลยในคดีนี้ด้วยดังนี้ เมื่อศาลเห็นสมควรก็มีอำนาจใช้ดุลพินิจสั่งงดการขายทอดตลาดที่ดินแปลงนั้นไว้ได้ โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292(2) ประกอบกับข้อความในวรรคสุดท้ายของมาตรานั้นและมาตรา 306