คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 40

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 404 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 97/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่แจ้งเหตุพยานไม่มาศาล และผลกระทบต่อการไต่สวนพยาน การที่ศาลไม่รอฝ่ายจำเลยเกินสมควร
ศาลนัดสืบพยานจำเลยเวลา 9.00 นาฬิกา ถึงเวลานัดทนายจำเลยมาศาลแต่พยานจำเลยยังไม่มา ทนายจำเลยรอพยานอยู่นอกห้องพิจารณาโดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนคดีต่อศาลหรือเจ้าหน้าที่ของศาล ศาลออกนั่งพิจารณาเวลา 9.33 นาฬิกา และสั่งว่า จำเลยไม่มาศาล โดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนถือว่าไม่มีพยานมาสืบและนัดฟัง คำพิพากษา เช่นนี้แสดงว่าศาลรอจำเลยเกินกำหนดนัดไป33 นาที โดยจำเลยมิได้ดำเนินการอย่างใด จำเลยจะอ้างว่าเป็นความเข้าใจผิด ของทนายจำเลยว่าศาลจะพิจารณาคดีของตนเป็นเรื่องที่สองไม่ได้ เพราะจะทำให้กำหนดวันเวลาที่ศาลนัดไว้ไร้ ประโยชน์ จึงไม่จำเป็นต้อง ไต่สวนคำร้องขอสืบพยานของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 97/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่แจ้งเหตุพยานมาสายและไม่ขอเลื่อนคดี ศาลชอบที่สั่งตัดพยานและดำเนินคดีต่อไปได้
ศาลนัดสืบพยานจำเลยเวลา 9.00 นาฬิกา ถึงเวลานัดทนายจำเลยมาศาลแต่พยานจำเลยยังไม่มา ทนายจำเลยรอพยานอยู่นอกห้องพิจารณาโดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนคดีต่อศาลหรือเจ้าหน้าที่ของศาล ศาลออกนั่งพิจารณาเวลา 9.33 นาฬิกา และสั่งว่า จำเลยไม่มาศาล โดยมิได้แจ้งเหตุขัดข้องหรือขอเลื่อนถือว่าไม่มีพยานมาสืบและนัดฟังคำพิพากษา เช่นนี้แสดงว่าศาลรอจำเลยเกินกำหนดนัดไป 33 นาที โดยจำเลยมิได้ดำเนินการอย่างใด จำเลยจะอ้างว่าเป็นความเข้าใจผิดของทนายจำเลยว่าศาลจะพิจารณาคดีของตนเป็นเรื่องที่สองไม่ได้ เพราะจะทำให้กำหนดวันเวลาที่ศาลนัดไว้ไร้ประโยชน์ จึงไม่จำเป็นต้องไต่สวนคำร้องขอสืบพยานของจำเลย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6006/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาประวิงคดี: ศาลมีอำนาจไม่อนุญาตเลื่อนคดีเมื่อจำเลยแสดงเจตนาประวิงคดีโดยการขอเลื่อนซ้ำๆ และทนายความดำเนินการไม่ชอบด้วยกฎหมาย
จำเลยขอเลื่อนการสืบพยานจำเลยมาแล้ว 2 นัดโดยนัดแรกอ้างว่าจำเลยที่ 2 ป่วยและส่งหมายให้พยานไม่ได้ นัดที่ 2 อ้างว่าตรงกับที่นัดสืบพยานไว้ที่ศาลอื่น และส่งหมายให้พยานไม่ได้ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีโดยกำชับไว้ว่าในนัดหน้าจะไม่ให้เลื่อนคดีอีกไม่ว่าเหตุใดครั้นถึงวันนัดสืบพยานจำเลยนัดที่ 3 จำเลยขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่าทนายจำเลยขอถอนตัวจากการเป็นทนาย การที่ทนายจำเลยถือโอกาสยื่นคำร้องขอถอนตัวโดยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องในวันนัดสืบพยานจำเลยและทนายจำเลยไม่มาศาล ทั้งไม่ปรากฏว่าทนายความผู้นั้นแจ้งการขอถอนตัวให้จำเลยทราบ การยื่นคำร้องขอถอนตัวของทนายความจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 65 ประกอบกับการขอเลื่อนคดีนัดที่ 2 ของจำเลยมีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจำเลยกระทำโดยเจตนาให้วันนัดตรงกันเพื่อนำไปใช้เป็นข้ออ้างในการเลื่อนคดีพฤติการณ์ดังกล่าวมาเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้าหาใช่ขอเลื่อนคดีเพราะมีเหตุจำเป็นแท้จริงไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6006/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเลื่อนคดีโดยจำเลยมีเจตนาประวิงคดี และการถอนตัวทนายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลไม่อนุญาตเลื่อนคดีได้
จำเลยขอเลื่อนการสืบพยานจำเลยมาแล้ว 2 นัดโดยนัดแรกอ้างว่าจำเลยที่ 2 ป่วยและส่งหมายให้พยานไม่ได้ นัดที่ 2 อ้างว่าตรงกับที่นัดสืบพยานไว้ที่ศาลอื่น และส่งหมายให้พยานไม่ได้ ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนคดีโดยกำชับไว้ว่าในนัดหน้าจะไม่ให้เลื่อนคดีอีกไม่ว่าเหตุใดครั้นถึงวันนัดสืบพยานจำเลยนัดที่ 3 จำเลยขอเลื่อนคดีอีกอ้างว่าทนายจำเลยขอถอนตัวจากการเป็นทนาย การที่ทนายจำเลยถือโอกาสยื่นคำร้องขอถอนตัวโดยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องในวันนัดสืบพยานจำเลยและทนายจำเลยไม่มาศาล ทั้งไม่ปรากฏว่าทนายความผู้นั้นแจ้งการขอถอนตัวให้จำเลยทราบ การยื่นคำร้องขอถอนตัวของทนายความจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 65 ประกอบกับการขอเลื่อนคดีนัดที่ 2 ของจำเลยมีเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจำเลยกระทำโดยเจตนาให้วันนัดตรงกันเพื่อนำไปใช้เป็นข้ออ้างในการเลื่อนคดี พฤติการณ์ดังกล่าวมาเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาประวิงคดีให้ชักช้า หาใช่ขอเลื่อนคดีเพราะมีเหตุจำเป็นแท้จริงไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4626-4629/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกที่ชอบด้วยกฎหมายและการเลื่อนคดีเพื่อหาทนายใหม่
เจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสี่ที่บ้านจำเลยที่ 3 ขณะที่จำเลยทั้งสี่กำลังช่วยกันปลูกบ้านจำเลยที่ 3 อยู่ เมื่อจำเลยทั้งสี่ไม่ยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง เจ้าพนักงานศาลจึงได้ส่งโดยวิธีวางหมายต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจ ณ ที่นั้น โดยจำเลยทั้งสี่มีบ้านอยู่ติดกัน แม้เป็นคนละแห่งกับภูมิลำเนาของจำเลยที่ปรากฏในคำฟ้อง ก็เป็นกรณีที่จำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาหลายแห่ง ถือได้ว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีการวางหมายถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยทั้งสี่มิได้ยื่นคำให้การภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงเป็นการจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์และนัดสอบถามเรื่องทนายจำเลยขอถอนตน ครั้นถึงวันนัดศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปจนเสร็จโดยมิได้สอบถามจำเลยถึงการถอนตนของทนายความ จำเลยจึงยังไม่ได้หาทนายใหม่ เมื่อจำเลยไม่มีทนาย การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงมีเหตุผลอันสมควร ชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีได้เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตเลื่อนคดี ศาลฎีกาย่อมให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้สืบพยานโจทก์ใหม่โดยให้โอกาสจำเลยถามค้านพยานโจทก์ แล้วจึงสืบจำเลยทั้งสี่ต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4626-4629/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกที่ถูกต้องตามกฎหมายและการเลื่อนคดีเมื่อจำเลยขาดทนาย
เจ้าพนักงานศาลไปส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องให้จำเลยทั้งสี่ที่บ้านจำเลยที่ 3 ขณะที่จำเลยทั้งสี่กำลังช่วยกันปลูกบ้านจำเลยที่ 3 อยู่ เมื่อจำเลยทั้งสี่ไม่ยอมรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง เจ้าพนักงานศาลจึงได้ส่งโดยวิธีวางหมายต่อหน้าเจ้าพนักงานตำรวจ ณ ที่นั้น โดยจำเลยทั้งสี่มีบ้านอยู่ติดกัน แม้เป็นคนละแห่งกับภูมิลำเนาของจำเลยที่ปรากฏในคำฟ้อง ก็เป็นกรณีที่จำเลยทั้งสี่มีภูมิลำเนาหลายแห่ง ถือได้ว่าการส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องโดยวิธีการวางหมายถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยทั้งสี่มิได้ยื่นคำให้การภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดจึงเป็นการจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์และนัดสอบถามเรื่องทนายจำเลยขอถอนตน ครั้นถึงวันนัดศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปจนเสร็จโดยมิได้สอบถามจำเลยถึงการถอนตนของทนายความ จำเลยจึงยังไม่ได้หาทนายใหม่ เมื่อจำเลยไม่มีทนาย การขอเลื่อนคดีของจำเลยจึงมีเหตุผลอันสมควร ชอบที่จะอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีได้เมื่อศาลชั้นต้นไม่อนุญาตเลื่อนคดี ศาลฎีกาย่อมให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้สืบพยานโจทก์ใหม่โดยให้โอกาสจำเลยถามค้านพยานโจทก์ แล้วจึงสืบจำเลยทั้งสี่ต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 199 วรรคสอง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4240/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยาน การนำสืบ การรับรองเอกสาร และค่าฤชาธรรมเนียมในคดีมรดก
โจทก์ขอเลื่อนคดีโดยแถลงยอมผูกมัดตนเองว่าหากนัดหน้าไม่ได้พยานมาก็จะไม่ติดใจสืบ ดังนี้ เมื่อถึงวันนัดโจทก์ยังไม่ได้ตัวพยานมาศาลอีกก็ต้องถือว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานปากนี้ตามที่เคยแถลงไว้ ไม่ว่าพยานจะได้รับหมายเรียกไว้แล้วหรือไม่ก็ตาม
การที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน และโจทก์ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้โดยชอบแล้ว แม้การกำหนดหน้าที่นำสืบดังกล่าวจะไม่ชอบไม่ถูกต้องจริงหรือไม่ก็ตาม หากคู่ความได้สืบพยานจนสิ้นกระแสความแล้ว และการกำหนดหน้าที่นำสืบดังกล่าวก็ไม่ทำให้เหตุผลแห่งการวินิจฉัยคดีเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่นได้ กรณีจึงไม่สมควรที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานใหม่
คดีมีประเด็นข้อพิพาทกันมาแต่ต้น โดยโจทก์สามารถนำพยานมาเบิกความต่อศาลได้ แต่ก็ไม่ได้นำมา การที่โจทก์ขอนำพยานดังกล่าวมาเบิกความหลังจากสืบพยานจำเลยเสร็จแล้ว ย่อมเป็นการเพิ่มเติมคดีของโจทก์ที่บกพร่องอยู่และพ้นเวลาที่โจทก์จะนำพยานเข้าสืบตามกฎหมายแล้ว จึงไม่สมควรอนุญาตให้โจทก์สืบพยาน
แม้ทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมและคำร้องขอจดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมจะเป็นเอกสารมหาชน แต่คู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันก็นำพยานหลักฐานอื่นมาสืบหักล้างได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127
การได้รับอนุญาตให้ฟ้องคดีอย่างคนอนาถา โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 157 นั้น เป็นคนละเรื่องกับความรับผิดของคู่ความฝ่ายแพ้คดีที่จะต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา161 ดังนั้น แม้โจทก์จะได้รับอนุญาตให้ฟ้องคดีอย่างคนอนาถาแล้ว แต่ถ้าแพ้คดี ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4240/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การสืบพยาน การเปลี่ยนแปลงหน้าที่นำสืบ เอกสารมหาชน และค่าฤชาธรรมเนียมในคดีมรดก
โจทก์ขอเลื่อนคดีโดยแถลงยอมผูกมัดตนเองว่าหากนัดหน้าไม่ได้พยานมาก็จะไม่ติดใจสืบ ดังนี้ เมื่อถึงวันนัดโจทก์ยังไม่ได้ตัวพยานมาศาลอีกก็ต้องถือว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยานปากนี้ตามที่เคยแถลงไว้ ไม่ว่าพยานจะได้รับหมายเรียกไว้แล้วหรือไม่ก็ตาม
การที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน และโจทก์ได้โต้แย้งคำสั่งนั้นไว้โดยชอบแล้ว แม้การกำหนดหน้าที่นำสืบดังกล่าวจะไม่ชอบไม่ถูกต้องจริงหรือไม่ก็ตาม หากคู่ความได้สืบพยานจนสิ้นกระแสความแล้ว และการกำหนดหน้าที่นำสืบดังกล่าวก็ไม่ทำให้เหตุผลแห่งการวินิจฉัยคดีเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างอื่นได้ กรณีจึงไม่สมควรที่จะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานใหม่
คดีมีประเด็นข้อพิพาทกันมาแต่ต้น โดยโจทก์สามารถนำพยานมาเบิกความต่อศาลได้ แต่ก็ไม่ได้นำมา การที่โจทก์ขอนำพยานดังกล่าวมาเบิกความหลังจากสืบพยานจำเลยเสร็จแล้ว ย่อมเป็นการเพิ่มเติมคดีของโจทก์ที่บกพร่องอยู่และพ้นเวลาที่โจทก์จะนำพยานเข้าสืบตามกฎหมายแล้ว จึงไม่สมควรอนุญาตให้โจทก์สืบพยาน
แม้ทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมและคำร้องขอจดทะเบียนการรับบุตรบุญธรรมจะเป็นเอกสารมหาชน แต่คู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันก็นำพยานหลักฐานอื่นมาสืบหักล้างได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127
การได้รับอนุญาตให้ฟ้องคดีอย่างคนอนาถา โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมในการดำเนินกระบวนพิจารณาในศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 157 นั้น เป็นคนละเรื่องกับความรับผิดของคู่ความฝ่ายแพ้คดีที่จะต้องชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา161 ดังนั้น แม้โจทก์จะได้รับอนุญาตให้ฟ้องคดีอย่างคนอนาถาแล้ว แต่ถ้าแพ้คดี ศาลก็ชอบที่จะพิพากษาให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนจำเลยได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4199/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขาดนัดพิจารณา – ผลกระทบจากกฎหมายใหม่ – การแจ้งเหตุขัดข้อง – การพิจารณาคดีใหม่
จำเลยทราบนัดชี้สองสถานแล้ว แต่ไม่มาศาลตามนัด ศาลได้ชี้สองสถานไปโดยกำหนดให้จำเลยมีภาระการพิสูจน์และนำสืบพยานก่อน และนัดสืบพยานจำเลยพร้อมกับนัดฟังคำพิพากษา เช่นนี้ต้องถือว่าจำเลยทราบวันนัดทั้งสองแล้วโดยศาลไม่ต้องแจ้งนัดแก่จำเลยอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 วรรคสอง ที่แก้ไขใหม่ เมื่อจำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ถือได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา
ในวันนัดสืบพยานจำเลย หากทนายจำเลยติดว่าความในคดีที่ศาลอื่น จำเลยชอบที่จะแจ้งเหตุขัดข้องหรือยื่นคำขอเลื่อนคดีเสียในวันนัดหรือก่อนวันนัด แต่ก็หาได้กระทำไม่ จึงถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา ทั้งการที่ไม่ทราบว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 วรรคสอง มีการแก้ไขใหม่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จำเลยจะใช้เป็นเหตุเพื่อให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4199/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยขาดนัดพิจารณาจากไม่มาศาลตามนัด แม้จะทราบวันนัดแล้ว ศาลไม่จำเป็นต้องแจ้งนัดซ้ำ
จำเลยทราบนัดชี้สองสถานแล้ว แต่ไม่มาศาลตามนัด ศาลได้ชี้สองสถานไปโดยกำหนดให้จำเลยมีภาระการพิสูจน์และนำสืบพยานก่อน และนัดสืบพยานจำเลยพร้อมกับนัดฟังคำพิพากษา เช่นนี้ต้องถือว่าจำเลยทราบวันนัดทั้งสองแล้วโดยศาลไม่ต้องแจ้งนัดแก่จำเลยอีกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 วรรคสอง ที่แก้ไขใหม่ เมื่อจำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ถือได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณา
ในวันนัดสืบพยานจำเลย หากทนายจำเลยติดว่าความในคดีที่ศาลอื่น จำเลยชอบที่จะแจ้งเหตุขัดข้องหรือยื่นคำขอเลื่อนคดีเสียในวันนัดหรือก่อนวันนัด แต่ก็หาได้กระทำไม่ จึงถือว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา ทั้งการที่ไม่ทราบว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 183 วรรคสอง มีการแก้ไขใหม่ก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จำเลยจะใช้เป็นเหตุเพื่อให้ศาลดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ได้.
of 41