พบผลลัพธ์ทั้งหมด 404 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้บทบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในคดีอาญาเพื่อเลื่อนการไต่สวน
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ได้บัญญัติเรื่องการขอเลื่อนคดีไว้โดยเฉพาะ จึงนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 มาใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1013/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีอาญา: การใช้บทบัญญัติวิธีพิจารณาความแพ่งโดยอนุมาติตามกฎหมายอาญา
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ได้บัญญัติเรื่องการขอเลื่อนคดีไว้โดยเฉพาะ จึงนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 40 มาใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขอเลื่อนคดีเนื่องจากทนายป่วยและการประวิงคดี ศาลอุทธรณ์และฎีกาอนุญาตเลื่อนได้
วันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายสืบก่อน ทนายจำเลยไปศาล ส่วนโจทก์ ตัวโจทก์ ทนายโจทก์ และพยานไม่มีไปศาล ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนของทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อน อ้างว่าทนายป่วย ตามหนังสือรับรองของแพทย์ ไม่สามารถมาว่าความได้ ทนายจำเลยแถลงไม่ค้าน และว่าสุดแต่ศาลจะพิจารณา ดังนี้ การที่ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีก็โดยที่ทนายโจทก์ป่วยไม่สามารถมาว่าความได้ ซึ่งการป่วยย่อมเป็นความจำเป็นอย่างหนึ่งที่ไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และเป็นการขอเลื่อนครั้งแรก ทนายจำเลยก็ไม่คัดค้าน การที่โจทก์และพยานโจทก์ไม่มีไปศาลอาจเป็นเพราะโจทก์เข้าใจว่าทนายโจทก์ป่วยและขอเลื่อนคดีแล้วคดีคงจะเลื่อนไป โจทก์จึงไม่มาศาลก็ได้ และพยานบุคคลของโจทก์ที่เป็นพยานหมายนั้นปรากฏว่ามีคนเดียว โจทก์ได้ขอหมายเรียกพยานไปแล้ว แต่พยานไม่มา พยานอาจมีเหตุขัดข้องอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งไม่ใช่ความผิดของโจทก์ก็ได้ กรณีเช่นนี้ยังไม่พอจะฟังว่าโจทก์ประวิงคดี คำขอเลื่อนคดีของฝ่ายโจทก์ จึงมีเหตุจำเป็นที่สมควรจะให้เลื่อนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 212/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายป่วยและการประวิงคดี ศาลพิจารณาเหตุผลความจำเป็นและพยานหลักฐาน
วันนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายสืบก่อนทนายจำเลยไปศาล ส่วนโจทก์ ตัวโจทก์ ทนายโจทก์ และพยานไม่มีไปศาลทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนของทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนอ้างว่าทนายป่วย ตามหนังสือรับรองของแพทย์ไม่สามารถมาว่าความได้ทนายจำเลยแถลงไม่ค้านและว่าสุดแต่ศาลจะพิจารณา ดังนี้ การที่ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดี ก็โดยที่ทนายโจทก์ป่วยไม่สามารถมาว่าความได้ซึ่งการป่วยย่อมเป็นความจำเป็นอย่างหนึ่งที่ไม่อาจก้าวล่วงเสียได้และเป็นการขอเลื่อนครั้งแรกทนายจำเลยก็ไม่คัดค้าน การที่โจทก์และพยานโจทก์ไม่มีไปศาลอาจเป็นเพราะโจทก์เข้าใจว่าทนายโจทก์ป่วยและขอเลื่อนคดีแล้วคดีคงจะเลื่อนไป โจทก์จึงไม่มาศาลก็ได้ และพยานบุคคลของโจทก์ที่เป็นพยานหมายนั้นปรากฏว่ามีคนเดียวโจทก์ได้ขอหมายเรียกพยานไปแล้ว แต่พยานไม่มา พยานอาจมีเหตุขัดข้องอย่างหนึ่งอย่างใดซึ่งไม่ใช่ความผิดของโจทก์ก็ได้กรณีเช่นนี้ยังไม่พอ จะฟังว่าโจทก์ประวิงคดีคำขอเลื่อนคดีของฝ่ายโจทก์จึงมีเหตุจำเป็น ที่สมควรจะให้เลื่อนได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2508 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานจำเลยเนื่องจากประวิงคดี และการยุติข้อเท็จจริงจากคำวินิจฉัยศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการพิจารณาคดีมาโดยลำดับ โดยได้สืบพยานโจทก์แล้วสืบพยานจำเลยโดยสืบตัวจำเลยซึ่งมาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดที่สอง แล้วจำเลยแถลงว่าไม่มีพยานมาศาลอีก ศาลชั้นต้นจึงได้งดสืบพยานอื่นของจำเลย เพราะจำเลยได้แถลงไว้ในนัดก่อนว่าพยานจำเลยคนใดไม่มาก็ไม่ติดใจสืบ ทั้งพฤติการณ์ที่จำเลยปฏิบัติในคดีแต่ต้นมาส่อไปในทางประวิงคดี ถือว่าเป็นการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลชั้นต้นชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว
เมื่อจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นพิพากษา และมิได้กล่าวอ้างคัดค้านในฎีกา ข้อเท็จจริงจึงยุติตามศาลชั้นต้น และเมื่อการฟังข้อเท็จจริงเป็นเหตุให้ศาลฎีกายกฟ้องแย้งของจำเลยแล้ว ปัญหาที่ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุมหรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัย
เมื่อจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นพิพากษา และมิได้กล่าวอ้างคัดค้านในฎีกา ข้อเท็จจริงจึงยุติตามศาลชั้นต้น และเมื่อการฟังข้อเท็จจริงเป็นเหตุให้ศาลฎีกายกฟ้องแย้งของจำเลยแล้ว ปัญหาที่ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุมหรือไม่ จึงไม่จำต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 290/2508
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การงดสืบพยานเมื่อจำเลยแถลงไม่ติดใจสืบ และผลของการไม่โต้แย้งข้อเท็จจริงต่อการวินิจฉัยฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการพิจารณาคดีมาโดยลำดับโดยได้สืบพยานโจทก์แล้วสืบพยานจำเลยโดยสืบตัวจำเลยซึ่งมาศาลในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดที่สองแล้วจำเลยแถลงว่าไม่มีพยานมาศาลอีกศาลชั้นต้นจึงได้งดสืบพยานอื่นของจำเลยเพราะจำเลยได้แถลงไว้ในนัดก่อนว่าพยานจำเลยคนใดไม่มาก็ไม่ติดใจสืบทั้งพฤติการณ์ที่จำเลยปฏิบัติในคดีแต่ต้นมาส่อไปในทางประวิงคดีถือว่าการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลชั้นต้นชอบด้วยกระบวนพิจารณาแล้ว
เมื่อจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นพิพากษาและมิได้กล่าวอ้างคัดค้านในฎีกาข้อเท็จจริงจึงยุติตามศาลชั้นต้น และเมื่อการฟังข้อเท็จจริงเป็นเหตุให้ศาลฎีกายกฟ้องแย้งของจำเลยแล้วปัญหาที่ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุมหรือไม่จึงไม่จำต้องวินิจฉัย
เมื่อจำเลยไม่ได้อุทธรณ์คัดค้านข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นพิพากษาและมิได้กล่าวอ้างคัดค้านในฎีกาข้อเท็จจริงจึงยุติตามศาลชั้นต้น และเมื่อการฟังข้อเท็จจริงเป็นเหตุให้ศาลฎีกายกฟ้องแย้งของจำเลยแล้วปัญหาที่ว่าฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุมหรือไม่จึงไม่จำต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 126/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตัดพยานจำเลยและการประวิงคดี ศาลต้องพิจารณาผลกระทบต่อรูปคดีก่อน
การที่ศาลจะใช้อำนาจตามความในมาตรา 104 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้นจะต้องพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่ศาลจะสั่งตัดเสียนั้น ถ้าได้นำมาสืบแล้วอาจจะทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ ถ้าไม่เป็นการแน่นอนว่าไม่อาจทำให้เปลี่ยนแปลงไปได้แล้ว ก็ชอบที่จะได้ให้โอกาสคู่ความนำพยานนั้นเข้าสืบต่อไปจนสิ้นกระแสความ
พฤติการณ์ที่ยังถือไม่ได้ว่าคู่ความประวิงคดีและเป็นความผิดของคู่ความเองที่ไม่ดำเนินการให้ได้พยานมาสืบ
พฤติการณ์ที่ยังถือไม่ได้ว่าคู่ความประวิงคดีและเป็นความผิดของคู่ความเองที่ไม่ดำเนินการให้ได้พยานมาสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 26/2507
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจตัดพยานหลักฐาน: พิจารณาผลกระทบต่อรูปคดีก่อน
การที่ศาลจะใช้อำนาจตามความในมาตรา 104 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งนั้น จะต้องพิจารณาว่าพยานหลักฐานที่ศาลจะสั่งตัดเสียนั้น ถ้าได้นำมาสืบแล้วอาจจะทำให้รูปคดีเปลี่ยนแปลงไปได้หรือไม่ ถ้าไม่เป็นการแน่นอนว่าไม่อาจทำให้เปลี่ยนแปลงได้แล้ว ก็ชอบที่จะได้ให้โอกาสคู่ความนำพยานนั้นเข้าสืบต่อไปจนสิ้นกระแสความ
พฤติการณ์ที่ยังถือไม่ได้ว่าคู่ความประวิงคดีและเป็นความผิดของคู่ความเองที่ไม่ดำเนินการให้ได้พยานมาสืบ
พฤติการณ์ที่ยังถือไม่ได้ว่าคู่ความประวิงคดีและเป็นความผิดของคู่ความเองที่ไม่ดำเนินการให้ได้พยานมาสืบ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1947/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดี: เหตุผลสมควรและการประวิงคดี ศาลพิจารณาจากเจตนาและความจำเป็นของโจทก์
คดีแพ่ง นัดสืบพยานครั้งแรกซึ่งโจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน ทนายโจทก์ขอถอนตัว โจทก์ขอเลื่อนศาลอนุญาต ก่อนวันนัดครั้งสอง ผู้ซึ่งต่อมาโจทก์ตั้งเป็นทนาย โทรเลขขอเลื่อนอ้างว่าติดว่าความศาลอื่น ครั้นถึงวันนัด ตัวโจทก์มาศาลและแถลงขอเลื่อนด้วยตนเองอ้างเหตุดังกล่าวอีก เช่นนี้ รูปคดีมีเหตุอันสมควรที่จะให้โจทก์เลื่อนคดีได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1559/2505
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การไม่อนุญาตเลื่อนคดีเนื่องจากทนายโจทก์อ้างป่วยโดยไม่มีหลักฐาน และจำเลยคัดค้าน
ในคดีอาญา เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วได้นัดสืบพยานจำเลย ครั้นถึงวันนัดทนายโจทก์ขอเลื่อนอ้างว่าป่วยมีใบรับรองแพทย์มาด้วย จำเลยไม่คัดค้านศาลอนุญาตให้เลื่อนไป ครั้นถึงวันนัด ทนายโจทก์อ้างลอย ๆ ว่าป่วยอีก โดยไม่มีหลักฐานอันใดกำกับมาและขอเลื่อนในวันนัดนั้นเอง เมื่อพยานจำเลยก็มาศาลพร้อมที่จะสื่อ และจำเลยก็คัดค้านการขอเลื่อนดังนี้ ที่ศาลไม่อนุญาตให้เลื่อนจึงชอบด้วยเหตุผล และไม่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแต่ประการใด
การสั่งให้เจ้าพนักงานพร้อมด้วยแพทย์ไปตรวจคู่ความหรือบุคคลที่อ้างว่าป่วยนั้น ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของศาลที่จะสั่งไปเองโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดขอร้อง
การสั่งให้เจ้าพนักงานพร้อมด้วยแพทย์ไปตรวจคู่ความหรือบุคคลที่อ้างว่าป่วยนั้น ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของศาลที่จะสั่งไปเองโดยไม่มีคู่ความฝ่ายใดขอร้อง