พบผลลัพธ์ทั้งหมด 54 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6063/2537
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดี, การเลื่อนคดี, คำสั่งศาล, การบังคับคดี, การชำระหนี้
ก่อนที่จะมีการแต่งตั้งทนายจำเลยคนใหม่ จำเลยขอเลื่อนคดีมาแล้ว 4 นัด นอกจากนี้ระหว่างสืบพยานโจทก์ จำเลยก็ขอเลื่อนคดีหลายครั้งโดยอ้างเหตุว่ากำลังเจรจาจะชำระหนี้โจทก์และอยู่ระหว่างขายทรัพย์จำนอง พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยมีเจตนาหน่วงเหนี่ยวให้คดีชักช้าโดยปราศจากเหตุอันสมควร ทั้ง ๆ ที่ศาลชั้นต้นได้สั่งกำชับว่าจะไม่ให้เลื่อนคดีอีกไม่ว่าด้วยเหตุผลใด จำเลยก็หาได้ตระหนักถึงคำสั่งกำชับของศาลดังกล่าวไม่ แม้จำเลยจะแต่งตั้งทนายคนใหม่ ก็ชอบที่จะให้ทนายคนใหม่เตรียมคดีให้พร้อมก่อนวันนัดหาใช่นำเอาเหตุแห่งการแต่งตั้งทนายคนใหม่มาเป็นข้ออ้างเพื่อไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีเช่นนี้ไม่ จึงเป็นการประวิงคดี ที่ศาลชั้นต้นให้งดสืบพยานจำเลยโดยไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีต่อไปอีกจึงชอบแล้ว การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์จำนองและตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการทรัพย์ที่ยึด โดยให้จำเลยนำเงินมาวางเพื่อชำระหนี้โจทก์เดือนละไม่ต่ำกว่า 100,000 บาททุกวันที่ 1 ของเดือน หากเดือนใดผิดนัดให้ดำเนินการขายทอดตลาดทันทีเป็นกรณีที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 307 จำเลยจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลดังกล่าว ทรัพย์สินของจำเลยจึงจะไม่ถูกขายทอดตลาด จำเลยจะมาขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระหนี้หาได้ไม่ เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลโจทก์ก็ชอบที่จะบังคับคดีได้ทันที จำนวนเงินที่จำเลยต้องชำระรวมทั้งดอกเบี้ยย่อมเป็นไปตามคำพิพากษาของศาล ดังนั้น ในชั้นบังคับคดีจำเลยจึงหามีสิทธิโต้แย้งว่าโจทก์มีสิทธิคิดดอกเบี้ยได้เพียง 5 ปีเท่านั้นไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1534/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการตรวจอาการป่วยของจำเลยเพื่อพิจารณาการเลื่อนคดี และการพิจารณาการเลื่อนคดีโดยชอบด้วยกฎหมาย
ในการขอเลื่อนคดี หากศาลมีความสงสัยว่าจำเลยป่วยเจ็บจริงหรือไม่ และอาการที่อ้างว่าป่วยเจ็บนั้นจะร้ายแรงถึงกับจะไม่สามารถมาศาลได้หรือไม่ ศาลมีอำนาจสั่งตั้งเจ้าพนักงานศาลไปทำการตรวจดูว่าจำเลยมีอาการป่วยเจ็บหรือไม่เพียงใด โดยไม่จำต้องตั้งแพทย์ไปตรวจด้วย ศาลชั้นต้นรับฎีกาของจำเลยเฉพาะข้อกฎหมาย เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ต้องเสียค่าขึ้นศาลฎีกาเพียง 200 บาท
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2163/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้ดุลพินิจอนุญาตเลื่อนคดีเนื่องจากเจ็บป่วย ต้องพิจารณาเหตุผลและสามารถตรวจสอบความจริงได้
การอนุญาตให้เลื่อนคดีหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล แต่ศาลก็ต้องใช้ดุลพินิจอย่างมีเหตุผล ในวันนัดไต่สวนคำร้องนัดที่ 2 ทนายผู้ร้องยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่า ว. กรรมการผู้จัดการของผู้ร้องป่วยปรากฏตามใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้องการขอเลื่อนคดีนัดที่ 2 จึงเป็นการอ้างเหตุขอเลื่อนคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 41 หากศาลชั้นต้นมีความสงสัยว่า ว. จะป่วยจริงตามใบรับรองแพทย์หรือไม่ ก็มีอำนาจไต่สวนคำร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อนได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21(4) หรือจะตั้งเจ้าพนักงานศาลไปตรวจก็ได้ ที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเลื่อนคดีโดยเห็นว่าผู้ร้องไม่เตรียมพยานปากอื่นมาศาลโดยมิได้แถลงว่าพยานที่เหลือมีข้อขัดข้องอย่างไรถึงไม่มาศาล ก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับพยานปากอื่นของผู้ร้องมาหรือไม่มาศาลเท่านั้นหาใช่เหตุที่จะนำมาพิจารณาไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีเพราะคู่ความอ้างว่าเจ็บป่วยตามมาตรา 40 ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3566/2535
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายติดว่าความอื่น ศาลควรพิจารณาเหตุสมควรและประโยชน์แห่งความยุติธรรม
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อน อ้างว่าป่วย ศาลชั้นต้นอนุญาต ก่อนถึงวันนัดที่เลื่อนไป ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอีก อ้างเหตุว่าในนัดที่แล้วให้เสมียนทนายขอ เลื่อนคดีโดยให้นัดเกิน 1 เดือนวันนัดที่เลื่อนไปมิใช่เป็นวันนัดที่มอบให้เสมียนทนายไว้เพราะทนายโจทก์ติดว่าความที่ศาลแขวงสุพรรณบุรีซึ่งได้นัดไว้ก่อนเป็นคำร้องที่แสดงเหตุจำเป็นอันมิอาจก้าวล่วงได้ และมีข้อความว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ย่อมเป็นที่เข้าใจว่าหากศาลไม่อนุญาตจะทำให้เสียความยุติธรรมเมื่อปรากฏว่าในนัดที่แล้วศาลชั้นต้นเพียงกำชับโจทก์ว่า ให้เตรียมพยานมาให้พร้อมและทนายโจทก์ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีก่อนวันนัดถึง 10 วันอีกทั้งทนายจำเลยมิได้คัดค้านว่าข้ออ้างของโจทก์ไม่เป็นความจริงแม้ศาลชั้นต้นจะสั่งให้เสมียนทนายไปแจ้งให้ทนายโจทก์นำพยานมาสืบตอนบ่าย ก็ย่อมเห็นได้ว่าทนายโจทก์ไม่อาจมาว่าความในวันนั้นได้ ถือว่ามีเหตุสมควร ชอบที่ศาลชั้นต้นจะอนุญาตให้เลื่อนคดีไป.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5987/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายจำเลยป่วย: ศาลต้องพิจารณาจากข้อเท็จจริง ไม่จำเป็นต้องมีใบรับรองแพทย์
การร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุว่าป่วยเจ็บนั้น ป.วิ.พ.มาตรา 40 และ 41 มิได้บังคับว่าผู้ที่อ้างว่าป่วยเจ็บนั้นจะต้องมีใบรับรองแพทย์มาแสดงด้วย จึงอยู่ที่ข้อเท็จจริงว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บจริงหรือไม่ หากศาลมีความสงสัยว่าทนายจำเลยจะป่วยเจ็บจริงหรือไม่ และอาการที่อ้างว่าป่วยเจ็บนั้นจะร้ายแรงถึงกับไม่สามารถจะมาศาลได้หรือไม่ ศาลก็มีอำนาจไต่สวนคำร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อนได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 21(4) หรือจะตั้งเจ้าพนักงานศาลไปทำการตรวจดู ว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บหรือไม่เพียงใดแล้วจึงวินิจฉัยและมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับคำร้องนั้น ตามมาตรา 41.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5987/2533 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากป่วยไข้ การใช้ดุลพินิจของศาล และการไม่จำกัดการแสดงใบรับรองแพทย์
คู่ความจะร้องขอเลื่อนคดีได้จะต้องเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นตามที่บัญญัติไว้ในประมวล-กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 และการอนุญาตให้เลื่อนคดีหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล ซึ่งศาลจะให้เลื่อนคดีหรือไม่ก็ได้ แต่ศาลก็ต้องใช้ดุลพินิจอย่างมีเหตุผลด้วย ในวันนัดสืบพยานนัดแรกซึ่งเป็นการนัดสืบพยานโจทก์ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่า ไม่สามารถมาศาลเพื่อซักค้านพยานโจทก์ได้เนื่องจากมีอาการปวดศีรษะ เจ็บคออันเนื่องมาจากไข้หวัด ซึ่งเป็นการอ้างเหตุขอเลื่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 41 หากข้ออ้างเป็นความจริง ก็ถือได้ว่าเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นและมีเหตุสมควรที่ศาลชั้นต้นควรให้เลื่อนคดีตามมาตรา 40 ดังกล่าว เมื่อโจทก์รับสำเนาคำร้องขอเลื่อนคดีแล้วแถลงคัดค้านว่าจำเลยประวิงคดี โจทก์มิได้คัดค้านโดยตรงว่าจำเลยมิได้ป่วยเจ็บตามที่อ้างมา และมิได้คัดค้านว่าคำร้องของทนายจำเลยไม่เป็นความจริง จึงเท่ากับโจทก์ยอมรับว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บตามที่อ้างในคำร้อง การร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุเจ็บป่วยนั้น ตามประมวล-กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 และ 41 มิได้บังคับว่าผู้ที่อ้างว่าป่วยเจ็บนั้นจะต้องมีใบรับรองแพทย์มาแสดงด้วย จึงอยู่ที่ข้อเท็จจริงว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บจริงหรือไม่ หากศาลมีความสงสัยว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บจริงหรือไม่ และอาการที่อ้างว่าป่วยเจ็บนั้นจะร้ายแรงถึงกับไม่สามารถจะมาศาลได้หรือไม่ ศาลก็มีอำนาจไต่สวนคำร้องขอเลื่อนคดีก่อนได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 21 (4) หรือจะตั้งเจ้าพนักงานของศาลไปทำการตรวจดูว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บหรือไม่เพียงใดแล้วจึงวินิจฉัยและมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับคำร้องขอเลื่อนคดีนั้น ตามมาตรา 41การที่ศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าวย่อมแสดงว่าศาลชั้นต้นมิได้มีความสงสัยในเรื่องที่จำเลยอ้างว่าป่วยเจ็บตามคำร้องดังกล่าว จึงรับฟังได้ว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บและไม่สามารถมาศาลได้ เป็นกรณีมีเหตุจำเป็นสมควรให้เลื่อนคดีตามคำร้องของทนายจำเลย ส่วนข้อที่ว่าจำเลยยังมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้นั้น ไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมาพิจารณาว่าสมควรให้เลื่อนคดี เพราะคู่ความอ้างว่าเจ็บป่วยตามมาตรา 40 หรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4574/2533
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การขาดนัดยื่นคำให้การและการประวิงคดี ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยาน
การส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 1 ณ ภูมิลำเนาตามฟ้องมี ว. อายุประมาณ 23 ปี เต็มใจรับหมายไว้แทนเพราะอยู่บ้านเดียวกัน จำเลยที่ 1 กับ ว. นามสกุลเดียวกัน และไม่ปรากฎว่า ว. ได้แจ้งต่อเจ้าพนักงานผู้ส่งหมายเรียกให้บันทึกเหตุผลที่รับหมายเรียกสำเนาคำฟ้องแทนว่าเพราะจำเลยที่ 1 ได้เดินทางไปติดต่อธุรกิจกับลูกค้าที่ต่างจังหวัดจึงถือว่าได้มีการส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้องให้จำเลยที่ 1ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว และไม่มีเหตุผลที่จะให้เชื่อว่าจำเลยที่ 1เดินทางไปติดต่อธุรกิจกับลูกค้าที่ต่างจังหวัดในวันที่มีการส่งหมายเรียกสำเนาคำฟ้อง จำเลยที่ 1 อ้างว่า ไปต่างจังหวัดระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์ถึง 10 มีนาคม 2528 เมื่อกลับมาถึงบ้านจึงทราบว่าถูกฟ้องแต่จำเลยที่ 1 หาได้ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การในเวลาอันสมควรไม่ เพิ่งมายื่นเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2528 อันเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้เลื่อนการสืบพยานจำเลยที่ 1ไปครั้งหนึ่งแล้ว ทั้ง ๆ ที่จำเลยที่ 1 อ้างว่าป่วยและไม่มีใบรับรองแพทย์มาแสดงต่อศาล ครั้นถึงวันนัดถัดมาจำเลยที่ 1ขอเลื่อนอีกอ้างว่าได้เดินทางไปประเทศอินเดียยังไม่กลับทั้งทนายโจทก์ก็คัดค้านว่าไม่ควรให้เลื่อน ดังนี้ พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 เป็นการไม่นำพาต่อกำหนดนัดของศาลและเป็นการประวิงคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3646/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประวิงคดีของจำเลยและการตัดพยานเนื่องจากไม่นำสืบพยานตามที่ศาลกำหนด
ในวันนัดสืบพยานจำเลยนัดแรกซึ่งศาลให้จำเลยนำพยานมาสืบให้เสร็จจำเลยไม่มีพยานมาศาลเลย การที่ทนายจำเลยอ้างว่าจำเลยป่วยก็ไม่มีใบรับรองแพทย์มาแสดงให้น่าเชื่อ ที่ทนายจำเลยจะนำสืบพยานจำเลยปากหนึ่งในข้อที่ว่าดอกเบี้ยมีการลดลงตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยก็ไม่จำเป็นแก่คดี เพราะโจทก์ได้นำสืบไว้แล้วทั้งทนายจำเลยน่าจะออกหมายเรียกพยานปากนี้มาเบิกความ แต่ก็มิได้ดำเนินการพยานจำเลยอีกคนหนึ่งก็ได้ความว่าเป็นเลขานุการของจำเลยเองซึ่งทนายจำเลยน่าจะนำมาเบิกความในวันนัดได้ และที่ทนายจำเลยขอให้ศาลชั้นต้นส่งลายมือชื่อของจำเลยไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์นั้น ศาลชั้นต้นก็เห็นว่าไม่เป็นการจำเป็นจึงไม่อนุญาตตามพฤติการณ์ดังกล่าวเห็นได้ว่าจำเลยประวิงคดี คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนสืบพยานจำเลยไปและให้ตัดพยานจำเลยโดยถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบจึงชอบด้วยรูปคดีแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 870/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลื่อนคดีเนื่องจากทนายป่วยและการประวิงคดี ศาลต้องพิจารณาเหตุผลสมควรและพฤติการณ์ประกอบ
ทนายจำเลยป่วยขอเลื่อนคดีและมีใบรับรองแพทย์มาแสดง เมื่อโจทก์ไม่ค้านหรือโต้เถียงว่าทนายจำเลยไม่ป่วยจริง จึงต้องฟังว่าทนายจำเลยป่วย และความเจ็บป่วยเป็นความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงได้ เหตุของเลื่อนคดีของทนายจำเลยจึงมีเหตุสมควรที่จะให้เลื่อนได้
จำเลยมาศาลทุกนัดเพิ่งไม่มาศาลตามคำสั่งนัดแรกเพราะอาจเห็นว่าทนายจำเลยป่วยและทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนแล้ว และหากจำเลยมาศาลโจทก์จำเลยไม่อาจตกลงกันได้ศาลก็ไม่อาจสืบพยานไปได้ ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยประวิงคดีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงไม่ชอบ.(ที่มา-ส่งเสริม)
จำเลยมาศาลทุกนัดเพิ่งไม่มาศาลตามคำสั่งนัดแรกเพราะอาจเห็นว่าทนายจำเลยป่วยและทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนแล้ว และหากจำเลยมาศาลโจทก์จำเลยไม่อาจตกลงกันได้ศาลก็ไม่อาจสืบพยานไปได้ ดังนี้ ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยประวิงคดีคำสั่งให้งดสืบพยานจำเลยจึงไม่ชอบ.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2509/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลไม่ต้องผูกพันข้อเท็จจริงในคดีอาญาหากผู้เสียหายในคดีอาญาไม่ใช่คู่ความในคดีแพ่ง และการเลื่อนคดีซ้ำๆ ถือเป็นการประวิงคดี
ข้อเท็จจริงในคด๊อาญาตามคำพิพากษาถึงที่สุดที่จำเลยที่ 2ถูกฟ้องในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถผู้อื่นเสียหายตาม พระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 43,157 ฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ไม่ใช่ผู้ขับรถบรรทุกของจำเลยที่ 1ไปเฉี่ยวชนรถเก๋งของ ส. ได้รับความเสียหาย โจทก์ซึ่งเป็นบริษัทประกันภัยมาฟ้องเป็นคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายจากจำเลยทั้งสองโดยอ้างว่าจำเลยที่ 2 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1ขับรถบรรทุกดังกล่าวโดยประมาทเฉี่ยวชนรถของ ส. เสียหายและโจทก์ได้ซ่อมแซมรถของ ส. ไปแล้ว จึงได้รับช่วงสิทธิมาฟ้องเช่นนี้ตามที่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจาราณาความอาญา มาตรา 46 บัญญัติให้ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญานั้น ย่อมใช้บังคับกับผู้ที่เป็นคู่ความในคดีอาญาเท่านั้นหรือในกรณีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ก็ใช้บังคับกับผู้ที่เป็นผู้เสียหายในคดีอาญานั้นด้วย แต่ข้อหาในคดีอาญาที่จำเลยที่ 2 ถูกฟ้องดังกล่าวเป็นความผิดซึ่งรัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย เอกชนหรือ ส. เจ้าของรถที่ถูกเฉี่ยวชนมิใช่ผู้เสียหายในความผิดดังกล่าว จึงมิได้เป็นคู่ความในคดีนั้น หาก ส. ฟ้องคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 2 ในมูลกรณีเดียวกันนี้ ก็ไม่ผูกพันที่จะต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญาที่จำเลยที่ 2 ถูกฟ้อง ฉะนั้น โจทก์ซึ่งอ้างว่ารับช่วงสิทธิของ ส. ย่อมจะไม่ต้องผูกพันให้ถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีอาญาดังกล่าวด้วย เป็นเรื่องที่จะต้องฟังข้อเท็จจริงในคดีแพ่งกันใหม่
โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน และเริ่มสืบพยานโจทก์ด้วยการส่งประเด็นไปสืบที่ศาลอื่น และเมื่อสืบพยานประเด็นโจทก์ได้ 2 ปาก โจทก์ขอเลื่อนคดีนัดนั้นและ 3 นัดต่อมา แล้วโจทก์ขอให้ส่งประเด็นคืนศาลเดิม ศาลเดิมนัดสืบพยานโจทก์แต่โจทก์ขอเลื่อนคดี 2 ครั้ง ครั้งแรกอ้างเหตุทนายความป่วย ครั้งที่สองอ้างเหตุผลว่าเอกสารที่ส่งมาไม่ใช่เอกสารที่ประสงค์ขออ้าง ครั้นถึงครั้งที่สาม ผู้รับมอบฉันทะโจทก์มาศาลยื่นคำร้องของโจทก์ขอเลื่อนคดีอ้างว่าโจทก์ถอนทนายคนเดิม และไม่สามารถตั้งทนายใหม่ได้ทัน ทนายจำเลยที่ 2 คัดค้าน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตปรากฏว่าก่อนที่ศาลจะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีในนัดที่สาม ศาลได้กำชับว่าในนัดหน้าหากไม่มีพยานมาศาลให้ถือว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยาน และในวันที่ศาลนัดเป็นนัดที่สามโจทก์มีพยานบุคคลที่จะสืบอีก 2 ปาก เป็นพยานหมาย แต่โจทก์มิได้ขอให้ศาลหมายเรียพพยานดังกล่าว ทั้งมิได้ขอให้ศาลออกคำสั่งเรียกเอกสารจากบุคคลภายนอกมาประกอบการสืบพยานบุคคลอีกด้วย ประกอบกับปรกกฏจากคำฟ้องและใบแต่งทนายความว่า ทนายความที่โจทก์อ้างว่าได้ถอนจากการเป็นทนายมีสำนักงานอยู่ที่ที่สำนักงานโจทก์ จึงไม่น่าเชื่อว่าจะมีการถอนทนายจริงพฤติการณ์โจทกืเป็นการไม่ใส่ใจในการดำเนินคดีและประวิงคดี ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี.
โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน และเริ่มสืบพยานโจทก์ด้วยการส่งประเด็นไปสืบที่ศาลอื่น และเมื่อสืบพยานประเด็นโจทก์ได้ 2 ปาก โจทก์ขอเลื่อนคดีนัดนั้นและ 3 นัดต่อมา แล้วโจทก์ขอให้ส่งประเด็นคืนศาลเดิม ศาลเดิมนัดสืบพยานโจทก์แต่โจทก์ขอเลื่อนคดี 2 ครั้ง ครั้งแรกอ้างเหตุทนายความป่วย ครั้งที่สองอ้างเหตุผลว่าเอกสารที่ส่งมาไม่ใช่เอกสารที่ประสงค์ขออ้าง ครั้นถึงครั้งที่สาม ผู้รับมอบฉันทะโจทก์มาศาลยื่นคำร้องของโจทก์ขอเลื่อนคดีอ้างว่าโจทก์ถอนทนายคนเดิม และไม่สามารถตั้งทนายใหม่ได้ทัน ทนายจำเลยที่ 2 คัดค้าน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตปรากฏว่าก่อนที่ศาลจะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีในนัดที่สาม ศาลได้กำชับว่าในนัดหน้าหากไม่มีพยานมาศาลให้ถือว่าโจทก์ไม่ติดใจสืบพยาน และในวันที่ศาลนัดเป็นนัดที่สามโจทก์มีพยานบุคคลที่จะสืบอีก 2 ปาก เป็นพยานหมาย แต่โจทก์มิได้ขอให้ศาลหมายเรียพพยานดังกล่าว ทั้งมิได้ขอให้ศาลออกคำสั่งเรียกเอกสารจากบุคคลภายนอกมาประกอบการสืบพยานบุคคลอีกด้วย ประกอบกับปรกกฏจากคำฟ้องและใบแต่งทนายความว่า ทนายความที่โจทก์อ้างว่าได้ถอนจากการเป็นทนายมีสำนักงานอยู่ที่ที่สำนักงานโจทก์ จึงไม่น่าเชื่อว่าจะมีการถอนทนายจริงพฤติการณ์โจทกืเป็นการไม่ใส่ใจในการดำเนินคดีและประวิงคดี ศาลชอบที่จะไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี.