คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 4

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 136 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6155/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลและสถานที่เกิดมูลคดีในคดีเพิกถอนอำนาจปกครองบุตรหลังการหย่า
การที่จำเลยได้เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองนั้น เป็นการได้มาโดยความยินยอมในกรณีหย่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1520 และมาตรา 1566(6)อันเป็นการได้อำนาจปกครองมาโดยข้อสัญญาโจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองของจำเลย โดยอ้างว่าจำเลยปล่อยปละละเลยไม่ทำหน้าที่ของผู้ใช้อำนาจปกครอง จึงเป็นกรณีที่โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยประพฤติผิดสัญญาหรือ ข้อตกลงในการจดทะเบียนหย่า ดังนั้นสถานที่ที่ได้มีการ จดทะเบียนหย่าและทำบันทึกข้อตกลงในเรื่องการใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ทั้งสองของจำเลย จึงถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่ มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาล เมื่อโจทก์และจำเลยได้จดทะเบียนการหย่าและทำบันทึกข้อตกลงหลังทะเบียนการหย่าที่สำนักงานเขตดุสิตกรุงเทพมหานคร จึงต้องถือว่ามูลคดีนี้เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5483/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: สัญญาซื้อขายเกิดขึ้นที่ใดมีอำนาจพิจารณาคดี
จำเลยตกลงซื้อปลาจากแพปลาของโจทก์ในจังหวัดสงขลา เพื่อให้ส่งปลาไปให้จำเลยที่จังหวัดภูเก็ต สัญญาซื้อขายเกิดขึ้นที่จังหวัดสงขลา ส่วนจังหวัดภูเก็ตเป็นสถานที่ส่งและรับมอบสินค้า เมื่อจำเลยผิดสัญญา มูลความแห่งคดีจึงเกิดขึ้นเนื่องจากสัญญาซื้อขายดังกล่าว ศาลจังหวัดสงขลาจึงเป็นศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลย่อมมีอำนาจรับฟ้องคดีนี้ไว้พิจารณาพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 4(1)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2786/2540

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: สถานที่ทำสัญญาซื้อขายรถยนต์เป็นสถานที่มูลคดีเกิดขึ้น ทำให้โจทก์มีอำนาจฟ้องที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่
มูลคดีที่เกิดขึ้นหมายถึงต้นเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้เกิดอำนาจฟ้องร้องตามสิทธินั้น โจทก์ฟ้องโดยอาศัยเหตุที่จำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์เนื่องจากจำเลยขายรถยนต์ซึ่งเป็นสินสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยให้แก่ผู้อื่นไปโดยโจทก์ไม่ยินยอม ได้ความว่า สัญญาซื้อขายรถยนต์เขียนที่ตำบลหนองหอย จังหวัดเชียงใหม่ แม้จะฟังว่าเป็นสถานที่ซึ่งมูลคดีระหว่างจำเลยกับผู้ซื้อได้เกิดขึ้น แต่ด้วยเหตุเดียวกันนี้หากจำเลยได้ทำสัญญาขายรถยนต์ให้แก่บุคคลภายนอกดังที่โจทก์กล่าวอ้าง ก็เป็นต้นเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิในมูลละเมิดเช่นกัน ทำให้โจทก์เกิดอำนาจฟ้องร้องตามสิทธินั้นขึ้น จังหวัดเชียงใหม่จึงเป็นสถานที่ทีมูลคดีเกิดขึ้น โจทก์ย่อมฟ้องคดีเรียกเงินอันได้จากการขายรถยนต์ที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาได้ ส่วนการซื้อขายรถยนต์อีกคันหนึ่งสัญญาจะซื้อขายหรือสัญญาวางมัดจำทำที่ตำบลหนองหลวง จังหวัดตาก โดยผู้จะซื้อเป็นคนละคนกับที่ซื้อคันแรก สัญญาทำกันคนละปี หากจะฟังว่าได้ทำสัญญาจะซื้อขายไว้ ก็เป็นเรื่องการซื้อขายที่จังหวัดตาก มูลคดีอันเป็นต้นเหตุแห่งการโต้แย้งสิทธิมิใช่เกิดที่เขตอำนาจของศาลจังหวัดเชียงใหม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2437/2540 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: มูลคดีคือต้นเหตุการโต้แย้งสิทธิ ไม่ใช่การจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้น
ที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา4บัญญัติให้เสนอคำฟ้องต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลหรือต่อศาลที่มีมูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลไม่ว่าจำเลยจะมีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาณาจักรหรือไม่นั้นคำว่ามูลคดีหมายถึงต้นเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้โจทก์เกิดอำนาจฟ้องแต่ตามคำฟ้องของโจทก์ที่ว่าโจทก์ได้จ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ป. ที่สำนักงานคุ้มครองผู้เอาประกันภัยซึ่งตั้งอยู่ในเขตอำนาจศาลแขวงพระโขนง เป็นเรื่องที่โจทก์ใช้สิทธิไล่เบี้ยตามมาตรา31วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถพ.ศ.2535อันเนื่องมาแต่มูลเหตุละเมิดที่จำเลยได้ก่อขึ้นการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นดังกล่าวมิใช่ต้นเหตุพิพาทอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิแห่งโจทก์คงเป็นเพียงสิทธิที่โจทก์จะใช้สิทธิไล่เบี้ยตามที่กฎหมายกำหนดไว้เท่านั้นมูลคดีนี้จึงมิได้เกิดขึ้นในเขตอำนาจของศาลแขวงพระโขนง โจทก์จึงเสนอคำฟ้องต่อศาลแขวงพระโขนงหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 951/2539 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีหนี้เหนือบุคคล: ข้อตกลงเลือกศาลต่างประเทศขัดต่อกฎหมายไทย
ความรับผิดของจำเลยอันเนื่องมาจากสัญญารับขนสินค้าทางทะเลเป็นหนี้เหนือบุคคล เมื่อจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลในประเทศไทยคือศาลแพ่งได้ ข้อตกลงในใบตราส่งระหว่างผู้ส่งและผู้ขนส่งที่ให้ฟ้องคดีที่ศาลในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(2) เดิมซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะที่โจทก์ฟ้องและเป็นกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนจึงไม่อาจใช้บังคับได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5684/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงภูมิลำเนาและการมีอำนาจศาล กรณีจำเลยแจ้งย้ายออกแต่ไม่แจ้งย้ายเข้า
การที่จำเลยแจ้งย้ายออกจากบ้านเดิมแต่ยังไม่แจ้งย้ายเข้าที่ใดจึงไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยไปอยู่ณที่ใดแสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาย้ายถิ่นที่อยู่และจงใจจะเปลี่ยนภูมิลำเนาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา41ที่จำเลยแจ้งย้ายออกจากบ้านเดิมมีพฤติการณ์ส่อว่าจะหลบหนีหนี้จึงต้องถือว่าจำเลยยังมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเดิมตามฟ้องโจทก์โจทก์จึงมีสิทธิเสนอคำฟ้องต่อศาลชั้นต้นซึ่งจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5684/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงภูมิลำเนาและเขตอำนาจศาล: การหลบหนี้และผลต่อการฟ้องร้อง
การที่จำเลยแจ้งย้ายออกจากบ้านเดิมแต่ยังไม่แจ้งย้ายเข้าที่ใดจึงไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยไปอยู่ณที่ใดแสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาย้ายถิ่นที่อยู่และจงใจจะเปลี่ยนภูมิลำเนาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา41ที่จำเลยแจ้งย้ายออกจากบ้านเดิมมีพฤติการณ์ส่อว่าจะหลบหนีหนี้จึงต้องถือว่าจำเลยยังมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเดิมตามฟ้องโจทก์โจทก์จึงมีสิทธิเสนอคำฟ้องต่อศาลชั้นต้นซึ่งจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5684/2538 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เจตนาย้ายถิ่นที่อยู่และภูมิลำเนา: การหลบหนีหนี้และการเสนอคำฟ้อง
การที่จำเลยแจ้งย้ายออกจากบ้านเดิม แต่ยังไม่แจ้งย้ายเข้าที่ใด จึงไม่อาจทราบได้ว่าจำเลยไปอยู่ ณ ที่ใด แสดงว่าจำเลยไม่มีเจตนาย้ายถิ่นที่อยู่และจงใจจะเปลี่ยนภูมิลำเนาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 41ที่จำเลยแจ้งย้ายออกจากบ้านเดิมมีพฤติการณ์ส่อว่าจะหลบหนีหนี้ จึงต้องถือว่าจำเลยยังมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเดิมตามฟ้องโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิเสนอคำฟ้องต่อศาลชั้นต้นซึ่งจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: มูลคดีต้องเกิดในเขตอำนาจศาลเพื่อฟ้องร้องได้
การที่สลากกินแบ่งรัฐบาลของโจทก์ถูกลักไปในท้องที่อำเภอ-พระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ในเขตศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา และโจทก์ได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอพระนครศรีอยุธยาไว้ด้วย แต่มูลคดีคือเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิ อันจะทำให้เกิดอำนาจฟ้องเอาคืนสลากกินแบ่งรัฐบาลจากจำเลย ซึ่งโจทก์อ้างว่าจำเลยรับไว้โดยทุจริต แต่ตามคำฟ้องโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือได้กระทำการโดยทุจริต ในอำเภอ-พระนครศรีอยุธยา หรือท้องที่ในเขตอำนาจศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา มูลคดีจึงมิได้เกิดในเขตศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา โจทก์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลแขวง-พระนครศรีอยุธยาไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เขตอำนาจศาล: มูลคดีสำคัญกว่าสถานที่เกิดเหตุในการฟ้องเรียกคืนสลาก
การที่สลากกินแบ่งรัฐบาลของโจทก์ถูกลักไปในท้องที่อำเภอพระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ในเขตศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา และโจทก์ได้ร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอพระนครศรีอยุธยาไว้ด้วย แต่มูลคดีคือเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิ อันจะทำให้เกิดอำนาจฟ้องเอาคืนสลากกินแบ่งรัฐบาลจากจำเลย ซึ่งโจทก์อ้างว่าจำเลยรับไว้โดยทุจริต แต่ตามคำฟ้องโจทก์ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือได้กระทำการโดยทุจริต ในอำเภอพระนครศรีอยุธยา หรือท้องที่ในเขตอำนาจศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา มูลคดีจึงมิได้เกิดในเขตศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา โจทก์จะเสนอคำฟ้องต่อศาลแขวงพระนครศรีอยุธยาไม่ได้
of 14