พบผลลัพธ์ทั้งหมด 15 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5477/2550 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เขตอำนาจศาล: สถานที่ปฏิเสธการจ่ายเช็คเป็นสถานที่เกิดมูลคดี แม้จำเลยไม่มีภูมิลำเนาในเขตศาล
ป.วิ.พ. มาตรา 4 (1) บัญญัติว่า คำฟ้อง ให้เสนอต่อศาลที่จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล หรือต่อศาลที่มูลคดีเกิดขึ้นในเขตศาลไม่ว่าจำเลยจะมีภูมิลำเนาอยู่ในราชอาญาจักรหรือไม่ ตามบทบัญญัติดังกล่าว คำว่า มูลคดี หมายถึง ต้นเหตุอันเป็นที่มาแห่งการโต้แย้งสิทธิอันจะทำให้โจทก์เกิดอำนาจฟ้อง ตามคำฟ้องของโจทก์ระบุว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทระบุชื่อ อ. เป็นผู้รับเงินเพื่อคืนเงินที่ อ. ได้ร่วมลงทุนซื้อที่ดินกับจำเลยจำนวน 140,000 บาท ให้แก่ อ. เมื่อเช็คดังกล่าวถึงกำหนดวันสั่งจ่าย อ. นำไปเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน แม้จะถือว่า อ. เป็นผู้เสียหายในขณะที่เช็คพิพาทถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายก็ตาม แต่เมื่อได้ความว่า อ. ได้โอนเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ โดยสลักหลังเช็คพิพาทและส่งมอบแก่โจทก์ โจทก์ย่อมเป็นผู้ทรงและมีสิทธิเช่นเดียวกับ อ. ในอันที่จะบังคับเอาแก่จำเลยซึ่งมีความผูกพันอยู่แล้วก่อนตนตาม ป.พ.พ. มาตรา 967 วรรคสาม ประกอบมาตรา 989 วรรคแรก โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายให้ชำระเงินตามเช็คแก่โจทก์ได้ ความรับผิดของจำเลยเกิดขึ้นเมื่อเช็คพิพาทถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ดังนั้น สถานที่ที่เช็คถูกปฏิเสธการจ่ายเงินย่อมเป็นสถานที่ที่มูลคดีเกิดด้วย เมื่อธนาคารตามเช็คที่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงินตั้งอยู่ในเขตอำนาจของศาลชั้นต้น ย่อมถือได้ว่ามูลคดีนี้เกิดขึ้นในเขตศาลชั้นต้น โจทก์จึงมีอำนาจเสนอคำฟ้องต่อศาลชั้นต้นได้ตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังกล่าว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6339/2539 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเช็คและการขาดอายุความฟ้องไล่เบี้ย
เช็คพิพาทเป็นเช็คระบุชื่อ จึงย่อมโอนให้กันได้ด้วยสลักหลังและส่งมอบ การที่โจทก์สลักหลังเช็คพิพาทแล้วส่งมอบให้ธนาคาร ก.เพื่อขายลดเช็คนั้น ย่อมโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่เช็คนั้นตาม ป.พ.พ.มาตรา 920, 989ธนาคาร ก.จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย การที่ธนาคาร ก.นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงินจึงมิใช่การเรียกเก็บเงินในฐานะที่โจทก์ยังเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทแต่อย่างใด ครั้นต่อมาเมื่อธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ได้ชำระเงินตามเช็คให้แก่ธนาคาร ก.และรับเช็คพิพาทคืนมา โจทก์จึงอยู่ในฐานะผู้สลักหลังหาใช่ผู้ทรงเช็คขณะนั้นไม่ โจทก์มีสิทธิฟ้องไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายได้ภายในเวลา 6 เดือน นับแต่วันที่โจทก์เข้าถือเอาเช็คพิพาทและใช้เงินตามป.พ.พ.มาตรา 1003 แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อล่วงเลยระยะเวลา 6 เดือนนับแต่วันดังกล่าว ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6339/2539
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องไล่เบี้ยเช็ค: สิทธิของผู้สลักหลังหลังรับเช็คคืนจากธนาคาร
เช็คพิพาทเป็นเช็คระบุชื่อย่อมโอนให้กันได้ด้วยสลักหลังและส่งมอบ โจทก์สลักหลังเช็คพิพาทแล้วส่งมอบให้ธนาคารก.เพื่อขายลดเช็ค ย่อมโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่เช็คนั้นธนาคารก. จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยชอบ และเมื่อนำเช็คไปเรียกเก็บเงินจึงมิใช่การเรียกเก็บเงินในฐานะที่โจทก์ยังเป็นผู้ทรงเช็คอยู่ครั้นเมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินโจทก์ได้ชำระเงินตามเช็คให้ธนาคารก.และรับเช็คพิพาทคืนมาโจทก์จึงอยู่ในฐานะผู้สลักหลังหาใช่ผู้ทรงเช็ค ขณะนั้นไม่จึงต้องฟ้องไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยซึ่งเป็นผู้สั่งจ่ายภายในเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่โจทก์เข้าถือเอาเช็คพิพาทและใช้เงิน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2807/2536
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความฟ้องไล่เบี้ยเช็ค: ผู้รับอาวัลมีสิทธิฟ้องได้ภายใน 10 ปี มิใช่ 6 เดือน
โจทก์บรรยายฟ้องส่วนที่เกี่ยวกับเช็คพิพาทฉบับที่ 1 และที่ 2ว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทฉบับที่ 1 และที่ 2 ตามสำเนาท้ายฟ้อง(แก่ผู้ถือ) แล้วมอบแก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ โจทก์สลักหลังเช็คดังกล่าวชำระหนี้แก่ผู้มีชื่อ ผู้มีชื่อนำเช็คเข้าบัญชีเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้มีชื่อได้ใช้สิทธิไล่เบี้ยให้โจทก์ชำระเงินตามเช็คดังกล่าวในฐานะที่โจทก์สลักหลังเป็นอาวัลผู้สั่งจ่าย โจทก์ชำระเงินตามเช็คแก่ผู้มีชื่อแล้วรับเช็คดังกล่าวคืนมา โจทก์จึงเป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมายขอให้บังคับจำเลยชำระเงินตามเช็คพิพาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คจนถึงวันฟ้องและต่อไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จ ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์เป็นการแสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาและข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาว่าจำเลยสั่งจ่ายเช็ค เมื่อเช็คดังกล่าวธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ทรง และโจทก์ได้มีคำขอบังคับไว้ในคำฟ้องให้จำเลยชำระเงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินจนถึงวันฟ้องและต่อไปจนกว่าจำเลยจะชำระเสร็จครบถ้วนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 วรรคสอง แล้วจึงเป็นคำฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมาย แม้โจทก์จะไม่ได้บรรยายโดยชัดแจ้งว่าถูกใครใช้สิทธิไล่เบี้ยเมื่อใด ก็ไม่ทำให้คำฟ้องของโจทก์กลายเป็นคำฟ้องที่เคลือบคลุม เพราะข้อเท็จจริงดังกล่าวมิใช่สภาพแห่งข้อหาที่กฎหมายบังคับให้ต้องแสดงไว้ในคำฟ้อง การสลักหลังเช็คซึ่งสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือนั้นประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 921 ซึ่งมาตรา 989 วรรคแรกบัญญัติให้นำมาใช้บังคับในเรื่องเช็คด้วยนั้น บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะแล้วว่า เป็นเพียงการประกัน (อาวัล) สำหรับผู้สั่งจ่ายหาได้ถือว่าเป็นการสลักหลังโอนหรือสลักหลังลอยไม่ เมื่อโจทก์สลักหลังเช็คพิพาทฉบับที่ 1 และที่ 2 ซึ่งจำเลยสั่งให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ โจทก์ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้รับอาวัลจำเลยตามบทมาตราดังกล่าวจึงต้องผูกพันเป็นอย่างเดียวกับจำเลยซึ่งโจทก์ประกัน เมื่อโจทก์ผู้รับอาวัลได้ใช้เงินไปตามเช็คให้แก่ผู้ทรงเช็คแล้ว ย่อมได้สิทธิในอันจะไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยซึ่งโจทก์ได้ประกันไว้การที่โจทก์ใช้สิทธิฟ้องจำเลยเกี่ยวกับเช็คพิพาทฉบับที่ 1 และที่ 2 จึงเป็นการใช้สิทธิของผู้รับอาวัลที่ได้ใช้เงินไปตามเช็คแล้วใช้สิทธิไล่เบี้ยเอาแก่ผู้สั่งจ่ายซึ่งตนได้ประกันไว้ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 940 วรรคสาม ประกอบมาตรา989 วรรคแรก บัญญัติให้สิทธิไว้ สิทธิเรียกร้องของโจทก์ในกรณีนี้ไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้โดยเฉพาะให้ต้องบังคับเสียภายในระยะเวลาเท่าใด ฉะนั้นจึงต้องมีกำหนด 10 ปี ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164(เดิม) บัญญัติไว้ คดีตามคำฟ้องโจทก์เกี่ยวกับเช็คพิพาทฉบับที่ 1 และที่ 2 หาใช่กรณีโจทก์ผู้สลักหลังโอนเช็คแก่ผู้ทรง หรือผู้สลักหลังลอยโอนเช็คแก่ผู้ทรงใช้สิทธิฟ้องไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยผู้สั่งจ่ายเช็คอันมีอายุความ6 เดือน ตามที่ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1003บัญญัติไว้ไม่ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3338/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินฝากและผลของการมอบตั๋วเงินโดยไม่สลักหลัง
หนี้ที่เจ้าหนี้มีต่อลูกหนี้เป็นหนี้เงินฝาก โดยมีตั๋วเงินเป็นหลักฐานแห่งหนี้ สิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้โอนให้แก่ ธนาคาร ก. จึงเป็นสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินฝากดังกล่าว แม้เจ้าหนี้จะได้มอบตั๋วเงินซึ่งเป็นหลักฐานแห่งหนี้ให้แก่ธนาคาร ก. ไปพร้อมกับการทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง ก็ไม่เป็นการโอนตั๋วเงินอันจะต้องมีการสลักหลังตั๋วเงิน นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3338/2527
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินฝากและการส่งมอบตั๋วเงินเป็นหลักฐาน ไม่ถือเป็นการโอนตั๋วเงินต้องสลักหลัง
หนี้ที่เจ้าหนี้มีต่อลูกหนี้เป็นหนี้เงินฝาก โดยมีตั๋วเงิน เป็นหลักฐานแห่งหนี้ สิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้โอนให้แก่ ธนาคาร ก. จึงเป็นสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินฝากดังกล่าว แม้เจ้าหนี้จะได้มอบตั๋วเงินซึ่งเป็นหลักฐานแห่งหนี้ให้ แก่ธนาคาร ก. ไปพร้อมกับการทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง ก็ไม่เป็นการโอนตั๋วเงินอันจะต้องมีการสลักหลังตั๋วเงิน นั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2818/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งมอบตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อประกันหนี้ ทำให้ผู้ส่งมอบเสียสิทธิเรียกร้องเงินจากตั๋ว
จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินชนิดเปลี่ยนมือไม่ได้ให้แก่โจทก์เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2520 สัญญาจะจ่ายเงินพร้อมทั้งดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ในวันที่ 17 ตุลาคม 2521 วันรุ่งขึ้นโจทก์ ได้สลักหลังตั๋วนั้นให้แก่ ก. เพื่อ ประกันหนี้ที่โจทก์กู้เงินมา และในวันเดียวกันนั้นเอง ก. ได้เอาตั๋วดังกล่าวค้ำประกันหนี้ ที่ ก. เป็นหนี้ จำเลยอยู่ ดังนั้น แม้ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นจะเป็นตั๋วชนิดเปลี่ยนมือไม่ได้ แต่เมื่อโจทก์ตกลงส่งมอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้ ก. เพื่อประกันหนี้ที่โจทก์กู้มาโจทก์ต้องผูกพันตามสัญญานั้น ต่อมา ก. มอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้จำเลยเพื่อค้ำประกันหนี้ จำเลยย่อมมีสิทธิยึดตั๋วเงินนั้นไว้ได้ เหตุนี้โจทก์ไม่มีตั๋วเงินไว้ในครอบครองจึงมิได้อยู่ในฐานะผู้ทรงตั๋วนั้นแล้ว ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามตั๋วนั้นจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2818/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การส่งมอบตั๋วสัญญาใช้เงินเพื่อประกันหนี้ ทำให้ผู้ส่งมอบสิ้นสิทธิเรียกร้องเงินจากตั๋ว
จำเลยออกตั๋วสัญญาใช้เงินชนิดเปลี่ยนมือไม่ได้ให้แก่โจทก์เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2520 สัญญาจะจ่ายเงินพร้อมทั้งดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ในวันที่ 17 ตุลาคม 2521 วันรุ่งขึ้นโจทก์ได้สลักหลังตั๋วนั้นให้แก่ ก.เพื่อประกันหนี้ที่โจทก์กู้เงินมา และในวันเดียวกันนั้นเอง ก.ได้เอาตั๋วดังกล่าวค้ำประกันหนี้ที่ ก.เป็นหนี้จำเลยอยู่ ดังนั้ แม้ตั๋วสัญญาใช้เงินนั้นจะเป็นตั๋วชนิดเปลี่ยนมือไม่ได้ แต่เมื่อโจทก์ตกลงส่งมอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้ ก.เพื่อประกันหนี้ที่โจทก์กู้มา โจทก์ต้องผูกพันตามสัญญานั้น ต่อมา ก.มอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้จำเลยเพื่อประกันหนี้ที่โจทก์กู้มาโจทก์ต้องผูกพันตามสัญญานั้น ต่อมา ก. มอบตั๋วสัญญาใช้เงินให้จำเลยเพื่อค้ำประกันหนี้ จำเลยย่อมมีสิทธิยึดตั๋วเงินนั้นไว้ได้ เหตุนี้โจทก์ไม่มีตั๋วเงินไว้ในครอบครอง จึงมิได้อยู่ในฐานะผู้ทรงตั๋วนั้นแล้ว ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามตั๋วนั้นจากจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1505/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในเช็คและผู้เสียหายในคดีเช็ค ผู้รับสลักหลังเป็นผู้เสียหายโดยตรง
จำเลยออกเช็คจำนวนเงิน 30,000 บาทให้โจทก์ เช็คดังกล่าวเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ต่อมาโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คและส่งมอบเช็คให้ ช.ช.นำเช็คไปเข้าบัญชีของตนแต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินช.คืนเช็คให้โจทก์ดังนี้ การที่โจทก์สลักหลังเช็คและส่งมอบเช็คให้แก่ช.ย่อมมีผลเป็นการโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแต่เช็คนั้นแก่ ช.แล้วช.จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยตรงหาใช่เป็นตัวแทนในการเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ เมื่อช.เป็นผู้ทรงเช็คในวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอันเป็นวันเกิดเหตุตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ช.จึงเป็นผู้เสียหายการที่ช.คืนเช็คให้โจทก์แม้จะเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ก็หามีผลให้โจทก์กลับเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาไม่โจทก์ไม่มีอำนาจนำเช็คมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1505/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนสิทธิในเช็คและการเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาเช็ค การสลักหลังเช็คทำให้ผู้รับสลักหลังเป็นผู้ทรงเช็คและเป็นผู้เสียหาย
จำเลยออกเช็คจำนวนเงิน 30,000 บาทให้โจทก์ เช็คดังกล่าวเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ต่อมาโจทก์ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็ค และส่งมอบเช็คให้ ช. ช. นำเช็คไปเข้าบัญชีของตน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ช. คืนเช็คให้โจทก์ ดังนี้ การที่โจทก์สลักหลังเช็คและส่งมองเช็คให้แก่ ช. ย่อมมีผลเป็นการโอนไปซึ่งบรรดาสิทธิอันเกิดแก่เช็คนั้นแก่ ช. แล้ว ช. จึงเป็นผู้ทรงเช็คโดยตรงหาใช่เป็นตัวแทนในการเรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ เมื่อ ช. เป็นผู้ทรงเช็คในวันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินอันเป็นวันเกิดเหตุตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ช. จึงเป็นผู้เสียหาย การที่ ช. คือเช็คให้โจทก์แม้จะเป็นเช็คให้ใช้เงินแก่ผู้ถือ ก็หามีผลให้โจทก์กลับเป็นผู้เสียหายในคดีอาญาไม่ โจทก์ไม่มีอำนาจนำเช็คมาฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย