พบผลลัพธ์ทั้งหมด 306 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1644/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่าไม่จำเป็นต้องทำเป็นหนังสือ การบอกกล่าวด้วยวาจาใช้ได้
การบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่า ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องทำเป็นหนังสือ เมื่อฟังได้ว่าจำเลยได้รับคำบอกกล่าวด้วยวาจาแล้ว ก็ย่อมใช้ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 543/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่า: การแจ้งล่วงหน้าก่อนหรือหลังครบกำหนดสัญญา
สัญญาเช่าที่มีข้อความว่า "เมื่อสัญญานี้ได้มีอายุอยู่จนครบกำหนด....ต่อแต่นั้นไปฝ่ายใดจะเลิกสัญญาต้องบอกกล่าวล่วงหน้า..1 เดือนนั้น การบอกเลิกสัญญานี้จะบอกล่วงหน้าก่อนถึงกำหนดอายุสัญญาก็ได้ ไม่จำต้องบอกเมื่อครบกำหนดอายุสัญญาแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีศาสนสมบัติ, การแต่งตั้งทนายของผู้พ้นตำแหน่ง, และการบอกเลิกสัญญาเช่า
กรมการศาสนามีอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับศาสนสมบัติของวัดได้เพราะมีระเบียบตราไว้ให้มีอำนาจจัดการผลประโยชน์ของวัด
อธิบดีผู้ซึ่งมีกระแสพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่งแล้วแต่ยังไม่ได้รับทราบคำสั่งและยังไม่ได้ส่งมอบงาน ย่อมยังมีอำนาจตั้งทนายแทนกรมได้
เมื่อตำแหน่งอธิบดีว่างลง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงย่อมมีอำนาจตั้งข้าราชการชั้นใดๆ ก็ได้เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งอธิบดี ในเมื่อเห็นเป็นการสมควรผู้รักษาการผู้ได้รับคำสั่งนั้นย่อมมีอำนาจตั้งทนายแทนกรมนั้นได้
อธิบดีผู้ซึ่งมีกระแสพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่งแล้วแต่ยังไม่ได้รับทราบคำสั่งและยังไม่ได้ส่งมอบงาน ย่อมยังมีอำนาจตั้งทนายแทนกรมได้
เมื่อตำแหน่งอธิบดีว่างลง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงย่อมมีอำนาจตั้งข้าราชการชั้นใดๆ ก็ได้เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งอธิบดี ในเมื่อเห็นเป็นการสมควรผู้รักษาการผู้ได้รับคำสั่งนั้นย่อมมีอำนาจตั้งทนายแทนกรมนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1385/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีศาสนสมบัติ, การแต่งตั้งทนาย, และการบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินวัด
กรมการศาสนามีอำนาจฟ้องคดีเกี่ยวกับศาสนสมบัติของวัดได้เพราะมีระเบียบตราไว้ให้มีอำนาจจัดการผลประโยชน์ของวัด
อธิบดีผู้ซึ่งมีกระแสพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ยังไม่ได้รับทราบคำสั่งและยังไม่ได้ส่งมอบงานย่อมยังมีอำนาจตั้งทนายแทนกรมได้
เมื่อตำแหน่งอธิบดีว่างลง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงย่อมมีอำนาจตั้งข้าราชการชั้นใด ๆ ก็ได้เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งอธิบดี ในเมื่อเห็นเป็นการสมควรผู้รักษาการผู้ได้รับคำสั่งนั้นย่อมมีอำนาจตั้งทนายแทนกรมนั้นได้.
อธิบดีผู้ซึ่งมีกระแสพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ยังไม่ได้รับทราบคำสั่งและยังไม่ได้ส่งมอบงานย่อมยังมีอำนาจตั้งทนายแทนกรมได้
เมื่อตำแหน่งอธิบดีว่างลง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงย่อมมีอำนาจตั้งข้าราชการชั้นใด ๆ ก็ได้เป็นผู้รักษาการในตำแหน่งอธิบดี ในเมื่อเห็นเป็นการสมควรผู้รักษาการผู้ได้รับคำสั่งนั้นย่อมมีอำนาจตั้งทนายแทนกรมนั้นได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับสัญญาเช่าและการบอกเลิกสัญญาเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา ผู้เช่าต้องอ้างสิทธิ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าฯ เอง
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินโจทก์โฉนดเลขที่ 525 ตำบลบางยี่เรือ อำเภอธนบุรี เพื่อปลูกเรือนอาศัยอยู่ จำเลยผิดสัญญาค้างค่าเช่า 10 เดือน และให้เช่าช่วงโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว ขอให้บังคับ
จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ค้างค่าเช่าไม่ได้ให้เช่าช่วง และชั้นฎีกาจำเลยอ้างว่าแม้จำเลยจะมิได้ยก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ขึ้นต่อสู้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ก็ยังคุ้มครองจำเลยอยู่ ฉนั้นเมื่อจำเลยไม่ได้ทำผิดสัญญาเช่าโจทก์จะบอกเลิกสัญญาไม่ได้
ดังนี้เมื่อจำเลยมิได้อ้างเอา พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ขึ้นต่อสู้คดีจำเลยก็ไม่มีทางจะได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.นั้น เพราะ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ นั้น เพียงแต่ให้สิทธิแก่ผู้เช่าเป็นพิเศษที่จะอ้างเอาบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าวขึ้นมาต่อสู้ตัดสิทธิมูลฐานของผู้ให้เช่าในกรณีเช่นนี้ได้เท่านั้น
ดังนั้น คดีตกเป็นกรณีเช่าสามัญตาม ป.พ.พ.และตกเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา โจทก์มีสิทธิบอกกล่าวล่วงหน้าเลิกสัญญากับจำเลยได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยจะได้ทำผิดสัญญาหรือไม่
จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ค้างค่าเช่าไม่ได้ให้เช่าช่วง และชั้นฎีกาจำเลยอ้างว่าแม้จำเลยจะมิได้ยก พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ขึ้นต่อสู้ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ก็ยังคุ้มครองจำเลยอยู่ ฉนั้นเมื่อจำเลยไม่ได้ทำผิดสัญญาเช่าโจทก์จะบอกเลิกสัญญาไม่ได้
ดังนี้เมื่อจำเลยมิได้อ้างเอา พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ขึ้นต่อสู้คดีจำเลยก็ไม่มีทางจะได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.นั้น เพราะ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ นั้น เพียงแต่ให้สิทธิแก่ผู้เช่าเป็นพิเศษที่จะอ้างเอาบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.ดังกล่าวขึ้นมาต่อสู้ตัดสิทธิมูลฐานของผู้ให้เช่าในกรณีเช่นนี้ได้เท่านั้น
ดังนั้น คดีตกเป็นกรณีเช่าสามัญตาม ป.พ.พ.และตกเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา โจทก์มีสิทธิบอกกล่าวล่วงหน้าเลิกสัญญากับจำเลยได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยจะได้ทำผิดสัญญาหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1276/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบอกเลิกสัญญาเช่า: สิทธิของผู้ให้เช่าเมื่อผู้เช่าไม่ปฏิบัติตามสัญญา และผลของการไม่ยกเว้นข้อกฎหมาย
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาเช่าที่ดินโจทก์โฉนดเลขที่ 525ตำบลบางยี่เรืออำเภอธนบุรี เพื่อปลูกเรือนอาศัยอยู่ จำเลยผิดสัญญาค้างค่าเช่า 10 เดือนและให้เช่าช่วง โจทก์ได้บอกเลิกสัญญาแล้ว ขอให้บังคับ
จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ค้างค่าเช่าไม่ได้ให้เช่าช่วง และชั้นฎีกาจำเลยอ้างว่าแม้จำเลยจะมิได้ยก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ขึ้นต่อสู้พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ก็ยังคุ้มครองจำเลยอยู่ ฉะนั้นเมื่อจำเลยไม่ได้ทำผิดสัญญาเช่าโจทก์จะบอกเลิกสัญญาไม่ได้
ดังนี้เมื่อจำเลยมิได้อ้างเอา พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯขึ้นต่อสู้คดีจำเลยก็ไม่มีทางจะได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัตินั้น เพราะ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ นั้นเพียงแต่ให้สิทธิแก่ผู้เช่าเป็นพิเศษที่จะอ้างเอาบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวขึ้นมาต่อสู้ตัดสิทธิมูลฐานของผู้ให้เช่าในกรณีเช่นนี้ได้เท่านั้น
ดังนั้นคดีตกเป็นกรณีเช่าสามัญตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และตกเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา โจทก์มีสิทธิบอกกล่าวล่วงหน้าเลิกสัญญากับจำเลยได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยจะได้ทำผิดสัญญาหรือไม่
จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ค้างค่าเช่าไม่ได้ให้เช่าช่วง และชั้นฎีกาจำเลยอ้างว่าแม้จำเลยจะมิได้ยก พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ขึ้นต่อสู้พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ก็ยังคุ้มครองจำเลยอยู่ ฉะนั้นเมื่อจำเลยไม่ได้ทำผิดสัญญาเช่าโจทก์จะบอกเลิกสัญญาไม่ได้
ดังนี้เมื่อจำเลยมิได้อ้างเอา พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯขึ้นต่อสู้คดีจำเลยก็ไม่มีทางจะได้รับความคุ้มครองจากพระราชบัญญัตินั้น เพราะ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ นั้นเพียงแต่ให้สิทธิแก่ผู้เช่าเป็นพิเศษที่จะอ้างเอาบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวขึ้นมาต่อสู้ตัดสิทธิมูลฐานของผู้ให้เช่าในกรณีเช่นนี้ได้เท่านั้น
ดังนั้นคดีตกเป็นกรณีเช่าสามัญตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และตกเป็นการเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา โจทก์มีสิทธิบอกกล่าวล่วงหน้าเลิกสัญญากับจำเลยได้โดยไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยจะได้ทำผิดสัญญาหรือไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1264/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกข้อต่อสู้ใหม่ในชั้นฎีกาที่ไม่เคยยกขึ้นว่ากล่าวในศาลชั้นต้นถือเป็นข้อห้ามตามกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
จำเลยฎีกาว่าโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกจากห้องพิพาทยังไม่ถึง 1 เดือนก็มาฟ้องจำเลยเช่นนี้ไม่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566 โจทก์จึงฟ้องจำเลยไม่ได้
แต่เมื่อปรากฏว่าฎีกาของจำเลยข้อนี้มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแต่ศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
แต่เมื่อปรากฏว่าฎีกาของจำเลยข้อนี้มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาแต่ศาลชั้นต้น จึงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1264/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องขับไล่ผู้เช่า: เหตุฟ้องไม่ชอบและข้อต่อสู้ใหม่ที่ศาลชั้นต้นไม่ได้พิจารณา
จำเลยฎีกาว่าโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยออกจากห้องพิพาทยังไม่ถึง 1 เดือนก็มาฟ้องจำเลยเช่นนี้ไม่ชอบด้วย ป.พ.พ.ม.566 โจทก์จึงฟ้องจำเลยไม่ได้
แต่เมื่อปรากฎว่าฎีกาของจำเลยข้อนี้มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแต่ศาลชั้นต้นจึงต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.225
แต่เมื่อปรากฎว่าฎีกาของจำเลยข้อนี้มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแต่ศาลชั้นต้นจึงต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.225
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 835/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การสิ้นสุดสิทธิเช่าเมื่อผู้เช่าขายฝากทรัพย์สินบนที่ดินเช่า และสิทธิของผู้รับโอนที่ดินในการบอกเลิกสัญญา
ที่ดินที่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ นั้นต้องเป็นที่ดินเช่าสำหรับปลูกสร้างเคหะและที่ซึ่งต่อเนื่องเป็นบริเวรของเคหะ เมื่อผู้เช่าที่ดินได้ขายฝากเรือนที่ปลูกสร้างใช้เป็นที่อยู่อาศัยในที่ดินที่เช่านี้และปล่อยให้หลุดตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อฝากไปแล้ว ผู้เช่าก็ไม่ใช่ผู้เช่าซึ่งได้รับหรือรับประโยชน์ในที่ดินเช่าตามความหมายของ พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ พ.ศ.2489 ม.16 การเช่าที่ดินรายนี้จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ผุ้รับโอนที่ดิน (ที่เช่า) รายนี้ย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินกับผู้เช่าได้ตาม ป.พ.พ. ม.566,569.570.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 835/2499
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเช่าที่ดินเพื่อปลูกสร้างเคหะ หากผู้เช่าขายฝากแล้วไม่ไถ่คืน สิทธิเช่าจะสิ้นสุดลง ผู้รับโอนมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและขับไล่ได้
ที่ดินที่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่า ฯลฯนั้นต้องเป็นที่ดินเช่าสำหรับปลูกสร้างเคหะและที่ซึ่งต่อเนื่องเป็นบริเวณของเคหะเมื่อผู้เช่าที่ดินได้ขายฝากเรือนที่ปลูกสร้างใช้เป็นที่อยู่อาศัยในที่ดินที่เช่านี้และปล่อยให้หลุดตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ซื้อฝากไปแล้วผู้เช่าก็ไม่ใช่ผู้เช่าซึ่งได้รับหรือรับประโยชน์ในที่ดินที่เช่าตามความหมายของ พระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ พ.ศ.2489 มาตรา16 การเช่าที่ดินรายนี้จึงไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าผู้รับโอนที่ดิน(ที่เช่า) รายนี้ย่อมมีสิทธิบอกเลิกสัญญาเช่าที่ดินกับผู้เช่าได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 566,569,570