คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษา
ปัญญา สุทธิบดี

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 2,050 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3360-3410/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขายทอดตลาดที่ดิน: ผู้ประมูลต้องตรวจสอบความถูกต้องเอง ความสำคัญผิดไม่เป็นเหตุเพิกถอน
การขายทอดตลาดที่ดินพิพาทโดยเจ้าพนักงานบังคับคดีแตกต่างจากการซื้อขายที่ดินตามปกติทั่ว ๆ ไป เพราะประกาศขายทอดตลาดจะระบุรายละเอียดต่าง ๆ ของที่ดินพิพาทไว้ชัดแจ้ง และเปิดเผยต่อประชาชนทั่วไป ผู้เข้าประมูลมีโอกาสตรวจสอบ ความถูกต้องได้ ที่ผู้ร้องอ้างว่าสำคัญผิดว่าที่ดินพิพาทอยู่ติดกับ ที่ดินของผู้ร้อง โดยผู้ร้องมิได้ทำการตรวจสอบความถูกต้องในที่ตั้งของที่ดินพิพาทก่อนที่จะเข้าประมูลสู้ราคาทั้ง ๆ ที่สามารถ จะกระทำได้ จึงเป็นความบกพร่องของผู้ร้องเองและถือได้ว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ผู้ร้องไม่อาจอ้างความสำคัญผิดในที่ตั้งของที่ดินแปลงพิพาทมาเป็นประโยชน์แก่ตนได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 158 เมื่อไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ขายทอดตลาดที่ดินแปลงพิพาทโดยฝ่าฝืนต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง และระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยการบังคับคดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีฯ จึงไม่มีเหตุที่จะ เพิกถอนการขายทอดตลาดที่ดินแปลงพิพาท

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3337/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย ลดโทษจากความพยายามช่วยเหลือและบรรเทาผลร้าย ไม่ริบของกลาง
จำเลยให้ผู้ตายดื่มสารพิษที่บ้านพักของผู้ตาย ความผิดอาญาที่จำเลยกระทำเกิดขึ้นที่บ้านพักของผู้ตาย ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจของสถานีตำรวจนครบาลดอนเมือง ส่วนที่ผู้ตายถึงแก่ความตายที่โรงพยาบาล พ. เป็นผลของการกระทำผิดความผิดอาญาได้เกิดในเขตอำนาจพนักงานสอบสวนคนใด โดยปกติให้เป็นหน้าที่พนักงานสอบสวนผู้นั้นเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนความผิดนั้น ๆ เพื่อดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 18 วรรคสาม พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดอนเมืองมีอำนาจสอบสวน
ถ้วยกาแฟและช้อนกาแฟของกลางเป็นของใช้ประจำบ้านผู้ตายส่วนสารพิษของกลางเป็นทรัพย์สินของโรงพยาบาล ร. มิใช่ทรัพย์ที่กฎหมายบัญญัติไว้ว่าทำหรือมีไว้เป็นความผิด จึงมิใช่ทรัพย์ที่ต้องริบเสียทั้งสิ้นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32
จำเลยเป็นผู้นำผู้ตายไปส่งโรงพยาบาลและพยายามบอกความจริงให้แพทย์ผู้รักษาทราบว่าผู้ตายกินสารพิษโคลชิซินเพื่อแพทย์จะได้รักษาผู้ตายได้ถูกต้องทั้งจำเลยให้ผู้ตายรับประทานเม็ดคาร์บอนเพื่อช่วยดูดซึมสารพิษในร่างกายของผู้ตายให้หมดไป แสดงว่าจำเลยได้พยายามช่วยชีวิตผู้ตายอย่างเต็มความสามารถประกอบกับจำเลยได้ออกค่ารักษาพยาบาลผู้ตายตลอดมาโดยมุ่งหมายให้ผู้ตายรอดชีวิตอันเป็นการพยายามบรรเทาผลร้าย จึงมีเหตุอันควรปรานีลงโทษสถานเบา
จำเลยรับราชการที่โรงพยาบาล ร. ตั้งแต่ 2525 ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นเจ้าพนักงานวิทยาศาสตร์การแพทย์ 5 แสดงว่าจำเลยมีคุณงามความดีมาก่อน จำเลยกระทำผิดเนื่องจากความหึงหวงผู้ตายที่ไปมีหญิงอื่น หลังจากเกิดเหตุจำเลยพยายามบรรเทาผลร้ายอย่างสุดความสามารถเท่าที่จะทำได้นอกจากนี้ไม่ปรากฏว่าเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงสมควรให้โอกาสจำเลยได้กลับตัวเป็นคนดีโดยรอการลงโทษจำคุก

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3227/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การพยายามฆ่าและพยายามชิงทรัพย์: การรับฟังพยานหลักฐานและการพิจารณาความผิดสำเร็จ
แม้คืนวันเกิดเหตุจะเป็นคืนข้างแรมเดือนมืด แต่โจทก์ร่วมก็รู้จักกับจำเลยมาตั้งแต่ยังเด็ก อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ประกอบกับจำเลยมีลักษณะพิเศษคือศีรษะมีผมขาวและรูปร่างล่ำไม่สูงขณะเกิดเหตุโจทก์ร่วมยืนยันว่าจำเลยยืนอยู่ที่มุมบ่อเลี้ยงปลาห่างจากโจทก์ร่วมเพียง 8 เมตร และไฟฉายที่ใช้ส่องไปยังจำเลยกับพวกเป็นไฟฉายขนาดถ่านไฟฉาย 3 ก้อน และถ่านที่ใช้ยังใหม่ โจทก์ร่วมสามารถเห็นจำเลยได้อย่างชัดเจนจากแสงไฟฉายที่ส่องกราดไปยังจำเลย นอกจากนี้คำเบิกความของโจทก์ร่วมก็ยังสอดคล้องกับคำเบิกความของพยานโจทก์และโจทก์ร่วม ซึ่งแม้ส่วนใหญ่จะเกี่ยวพันเป็นญาติใกล้ชิดกับโจทก์ร่วมก็ตามแต่ทั้งโจทก์ร่วมและพยานโจทก์คนอื่น ๆ ต่างก็รู้จักคุ้นเคยกับจำเลยมาก่อน และต่างก็ยืนยันว่าไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน เชื่อว่าพยานดังกล่าวได้เบิกความไปตามความเป็นจริงจึงรับฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายที่ร่วมกับพวกลักปลาในบ่อเลี้ยงปลาของโจทก์ร่วมและใช้อาวุธปืนยิงโจทก์ร่วมจริง การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานพยายามฆ่าโจทก์ร่วม และร่วมกันพยายามชิงทรัพย์เป็นเหตุให้โจทก์ร่วมรับอันตรายสาหัสโดยมีและใช้อาวุธปืน
ก่อนที่จะได้ยินเสียงทอดแหในบ่อเลี้ยงปลา โจทก์ร่วมซุ่มอยู่ที่โคนต้นขนุนมุมบ่อ เมื่อได้ยินเสียงทอดแหในบ่อเลี้ยงปลานั้นโจทก์ร่วมก็ยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด เมื่อคนร้ายเพิ่งจะทอดแหในบ่อเลี้ยงปลาของโจทก์ร่วมเพียงครั้งเดียว และนอกจากปลาจำนวน 6 ตัว ซึ่งติดอยู่ในแหของคนร้ายที่จมอยู่ในบ่อเลี้ยงปลาแล้วจำเลยกับพวกยังไม่ได้ปลาอื่น ๆ ไปจากบ่อเลี้ยงปลาของโจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานร่วมกันพยายามชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัสโดยมีและใช้อาวุธปืน มิใช่เป็นความผิดฐานชิงทรัพย์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3006/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฉ้อโกงซื้อขายที่ดิน: แม้มีสัญญาซื้อคืนแต่ไม่ลบล้างการหลอกลวง โจทก์ไม่ต้องรอความเสียหายจากการซื้อคืน
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ร่วมกันหลอกลวงให้โจทก์ร่วมซื้อที่ดินที่ติดลำคลองมิใช่ติดถนนสาธารณะในราคาที่สูงมาก ทั้งที่ราคาควรจะต่ำกว่าที่โจทก์ร่วมได้ชำระไป เพราะเป็นที่ดินไม่มีทางออก การสัญจรต้องข้ามคลองเท่านั้น เมื่อโจทก์ร่วมชำระค่าที่ดินไปเพราะถูกหลอกลวง ความเสียหายย่อมเกิดขึ้นนับแต่วันชำระราคาที่ดิน จึงร้องทุกข์ได้แต่บัดนั้นเป็นต้นไป ไม่ต้องรอให้ครบ 1 ปี เพื่อดูว่ามีการซื้อขายที่ดินคืน และโจทก์ร่วมขาดทุนจากการขายที่ดินคืนเสียก่อน ข้อที่จำเลยที่ 2 โอนบ้าน 1 หลังให้โจทก์ร่วมก็เป็นเพียงการบรรเทาผลร้ายบางส่วนจากการกระทำผิดทางอาญาฐานฉ้อโกง มิใช่การประนีประนอมยอมความที่มีผลทำให้สิทธิในการดำเนินคดีแพ่งและคดีอาญาของโจทก์และโจทก์ร่วมระงับไป
ศาลล่างทั้งสองบังคับให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันคืนเงินที่ฉ้อโกงไปแก่โจทก์ร่วมตามคำขอท้ายฟ้องของโจทก์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 43 โดยได้หักกับราคาทรัพย์สินที่โจทก์ร่วมได้รับการชดใช้มาบ้าง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งแห่งคำพิพากษาคดีอาญาตามมาตรา 44 วรรคสอง แม้เป็นคดีส่วนแพ่งและศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้เข้าร่วมเป็นโจทก์เฉพาะส่วนคดีอาญาก็ตาม ศาลก็บังคับให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันรับผิดได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2898/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนมติที่ประชุมเจ้าของร่วมอาคารชุด: การใช้บทบัญญัติกฎหมายใกล้เคียงเมื่อกฎหมายเฉพาะไม่มีกำหนดเวลา
พระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 มิได้กำหนดเวลาร้องขอให้ศาลเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วมอันผิดระเบียบไว้ จึงต้องวินิจฉัยคดีโดยอาศัยเทียบบทกฎหมายใกล้เคียงอย่างยิ่ง อันได้แก่วิธีการเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่อันผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1195 ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้การจัดการนิติบุคคลอาคารชุดเป็นไปโดยรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพตรงตามความประสงค์ของเจ้าของร่วมทั้งหลาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2898/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วมอาคารชุด: การเทียบเคียงกฎหมายและกำหนดระยะเวลา
ตาม พ.ร.บ. อาคารชุด พ.ศ. 2522 มิได้กำหนดเวลาร้องขอให้ศาลเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่เจ้าของร่วม อันผิดระเบียบไว้ เหตุนี้จำต้องวินิจฉัยคดีอาศัยเทียบเคียงกฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง ตาม ป.พ.พ. มาตรา 4 ในกรณีนี้ได้แก่ ป.พ.พ. มาตรา 1195 ที่ให้การร้องขอให้ศาลเพิกถอนมติของที่ประชุมใหญ่อันผิดระเบียบนั้นต้องร้องขอภายในกำหนดเดือนหนึ่งนับแต่วันลงมตินั้น ซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้การจัดการนิติบุคคลอาคารชุดเป็นไปได้โดยรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพตรงตามความประสงค์ของเจ้าของร่วมทั้งหลาย ทั้งกำหนดเวลาดังกล่าวมิใช่กำหนดอายุความที่ใช้บังคับแก่สิทธิเรียกร้อง จะนำกำหนดอายุความทั่วไปสิบปีมาใช้แก่คดีนี้มิได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2844/2543 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแรงงานในการอนุญาตถอนฟ้อง และข้อจำกัดในการอุทธรณ์คำสั่ง
แม้จำเลยคัดค้านการขอถอนฟ้องของโจทก์ก็ตาม แต่ศาลแรงงานจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่อนุญาต หรือจะอนุญาตภายในเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรก็ได้ ตาม ป.วิ.พ.มาตรา 175 วรรคสอง ประกอบ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 การที่ศาลแรงงานอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องย่อมเป็นดุลพินิจของศาลแรงงาน อุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวของศาลแรงงานจึงเป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลแรงงานเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2844/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดุลพินิจศาลแรงงานในการอนุญาตถอนฟ้อง: อุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจเป็นอุทธรณ์ต้องห้าม
แม้จำเลยจะคัดค้านการขอถอนฟ้องของโจทก์ก็ตามแต่ศาลแรงงานจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่อนุญาต หรือจะอนุญาตภายในเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 31 การที่ศาลแรงงานอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องย่อมเป็นดุลพินิจของศาลแรงงาน อุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวของศาลแรงงาน จึงเป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลแรงงานที่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง เป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2844/2543 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลแรงงานในการอนุญาตถอนฟ้องและการไม่อุทธรณ์ดุลพินิจ
แม้จำเลยคัดค้านการขอถอนฟ้องของโจทก์ก็ตาม แต่ศาลแรงงานจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องหรือไม่อนุญาต หรือจะอนุญาตภายในเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรก็ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 175 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 31 การที่ศาลแรงงานอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องย่อมเป็นดุลพินิจของศาลแรงงาน อุทธรณ์ของจำเลยที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวของศาลแรงงานจึงเป็นการโต้แย้งดุลพินิจของศาลแรงงานเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานพ.ศ. 2522 มาตรา 54 วรรคหนึ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2816/2543

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำนองประกันหนี้เดิม-สัญญาใหม่: เจตนาที่แท้จริงผูกพันจำเลยที่ 3-4 แม้ระบุสัญญาจ้างผิด
หนังสือรับสภาพหนี้ระบุว่าจำเลยที่ 1 ขอนำหลักทรัพย์ที่ดิน น.ส.3 ของจำเลยที่ 3 มาประกันหนี้ที่จำเลยที่ 1 ยอมทำหนังสือรับสภาพหนี้ ต่อมาจำเลยที่ 3 และที่ 4 จดทะเบียนจำนองที่ดินให้แก่โจทก์ในวงเงินจำนวนสูงมาก โดยมิได้โต้แย้งแสดงว่า จำเลยที่ 3 และที่ 4 ทราบแล้วว่า จำเลยที่ 1 ทำเงินขาดบัญชีและมีเจตนาจำนองที่ดินเป็นประกันความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อโจทก์ เมื่อพิจารณาสัญญาจำนองที่ระบุว่า จำเลยที่ 3 และที่ 4 ยอมรับผิดในหนี้สินใด ๆ ที่จำเลยที่ 1 ได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์ในเวลานี้หรือในเวลาหนึ่งเวลาใดต่อไปในภายหน้าไม่ว่าเพราะเหตุใด ๆ ตามที่กำหนดไว้ในหนังสือสัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ทุกประการ และหนังสือรับสภาพหนี้ได้ทำขึ้นก่อนที่จะทำสัญญาจำนองดังกล่าว ดังนี้ เมื่อฟังได้ว่าจำเลยที่ 3 และที่ 4 ตกลงจำนองที่ดินเพื่อเป็นประกันหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ จำเลยที่ 3 และที่ 4 ผู้จำนองจึงต้องผูกพันรับผิดต่อโจทก์
แม้สัญญาจำนองจะระบุความรับผิดของจำเลยที่ 3 และที่ 4 ตามสัญญาจ้างระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ฉบับที่สิ้นสุดไปแล้ว และได้มีการทำสัญญาจ้างกันใหม่ ทั้งจำเลยที่ 3 และที่ 4 ก็ให้การยอมรับว่าจำเลยทั้งสองจำนอง ที่ดินเพื่อเป็นประกันหนี้จำเลยที่ 1 ในขณะที่ทำสัญญาจำนอง จึงเป็นกรณีที่ระบุสัญญาจ้างผิดฉบับคลาดเคลื่อนไป โดยผิดหลง โดยมีเจตนาที่แท้จริงจะผูกพันกันตามสัญญาจ้างฉบับใหม่ จำเลยที่ 3 และที่ 4 ย่อมไม่อาจยกข้อผิดหลง ดังกล่าวขึ้นอ้างเพื่อปฏิเสธความรับผิดของตนตามสัญญาจำนองที่มีต่อโจทก์ได้
of 205