พบผลลัพธ์ทั้งหมด 22 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5649/2550
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและดุลพินิจศาลอุทธรณ์ในการอนุญาตแถลงการณ์ด้วยปาก
การขอแถลงการณ์ด้วยปาก คู่ความอาจขอมาในคำฟ้องอุทธรณ์โดยไม่จำต้องทำเป็นคำร้องติดมากับฟ้องอุทธรณ์ ถ้าศาลอุทธรณ์เห็นสมควรอนุญาตให้คู่ความแถลงการณ์ด้วยปากก็ให้พิจารณาคดีโดยเปิดเผยต่อหน้าคู่ความทั้งสองฝ่าย การอนุญาตให้คู่ความแถลงการณ์ด้วยปากหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาลอุทธรณ์โดยเฉพาะ คู่ความไม่มีสิทธิยกขึ้นฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาในการทำร้ายร่างกายและการร่วมกระทำผิด กรณีแทงทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่า
คดีที่โจทก์ฟ้องว่ารถชนกันเกิดจากการกระทำโดยประมาทของทั้งฝ่ายจำเลยที่ 1 และที่ 2 นั้น ข้อเท็จจริงที่ว่า เหตุเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลยคนใดบ้างหรือว่าทั้งสองคนเป็นข้อเท็จจริงอันหนึ่งอันเดียวกัน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏแก่ศาลอุทธรณ์ว่า เหตุเกิดจากการกระทำโดยประมาทของจำเลยที่ 2 ฝ่ายเดียว จำเลยที่ 1 มิได้กระทำโดยประมาทด้วย ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้อุทธรณ์ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 267-268/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำกัดสิทธิการแถลงด้วยวาจาต่อศาลอุทธรณ์ และข้อจำกัดในการฎีกาเมื่อศาลชั้นต้นลงโทษจำกัด
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุก 6 เดือน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 203 ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาโดยเปิดเผยเฉพาะแต่ในกรณีที่นัดหรืออนุญาตให้คู่ความมาพร้อมกันหรือมีการสืบพยานไม่มีข้อความแสดงว่าให้ศาลต้องนัดหรือฟังคู่ความมาแถลงด้วยวาจา แต่มีข้อความแสดงว่าศาลจะนัดให้คู่ความมาแถลงด้วยวาจาหรือไม่ก็ได้ ซึ่งเป็นกรณีที่แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรเป็นเรื่องๆ ไป ฉะนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ไม่นัดให้คู่ความมาแถลงด้วยวาจา จึงไม่ผิดกฎหมาย
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 203 ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาโดยเปิดเผยเฉพาะแต่ในกรณีที่นัดหรืออนุญาตให้คู่ความมาพร้อมกันหรือมีการสืบพยานไม่มีข้อความแสดงว่าให้ศาลต้องนัดหรือฟังคู่ความมาแถลงด้วยวาจา แต่มีข้อความแสดงว่าศาลจะนัดให้คู่ความมาแถลงด้วยวาจาหรือไม่ก็ได้ ซึ่งเป็นกรณีที่แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรเป็นเรื่องๆ ไป ฉะนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ไม่นัดให้คู่ความมาแถลงด้วยวาจา จึงไม่ผิดกฎหมาย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2502 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาเมื่อจำเลยหลบหนี และทนายยื่นฎีกาแทน การมีอำนาจพิจารณาของศาลฎีกา
ในคดีอาญา จำเลยหลบหนีไปก่อน ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังแล้ว ทนายจำเลยยื่นฎีกาแทนจำเลย ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปได้
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2502)
(ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 739/2502
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาโดยจำเลยหลบหนี: ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาพิพากษาต่อไปได้ แม้จำเลยไม่ได้รับทราบคำพิพากษา
ในคดีอาญา จำเลยหลบหนีไปก่อนฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังแล้วทนายจำเลยยื่นฎีกาแทนจำเลย ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีต่อไปได้ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 12/2502)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2495
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลกระทบการหลบหนีต่อการพิจารณาคดีของจำเลยอื่น และอำนาจศาลในการแก้ไขคำพิพากษา
เมื่อคดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์จำเลยคนหนึ่งหลบหนีแต่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีเกี่ยวแก่จำเลยทุกคนตลอดจนจำเลยที่หลบหนีด้วยให้ปล่อยบางคน คงลงโทษบางคน โจทก์ฎีกาแม้จำเลยคนที่หลบหนีจะถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษและมิได้ฎีกาขึ้นมาก็ดี ศาลฎีกาก็พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวแก่จำเลยที่หลบหนี ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่เฉพาะคดีที่เกี่ยวแก่จำเลยที่หลบหนี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 464/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีจำเลยหลบหนี: ศาลฎีกายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ และให้พิจารณาใหม่เฉพาะคดีจำเลยผู้นั้น
เมื่อคดีอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ จำเลยคนหนึ่งหลบหนี แต่ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาคดีเกี่ยวแก่จำเลยทุกคนตลอดจนจำเลยทีหลบหนีด้วยให้ปล่อยบางคน คงลงโทษบางคน โจทก์ฎีกา แม้จำเลยคนที่หลบหนีจะถูกศาลอุทธรณ์ พิพากษาลงโทษและมิได้ฎีกาขึ้นมาก็ดี ศาลฎีกาก็พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวแก่จำเลยที่หลบหนี ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่เฉพาะคดีที่เกี่ยวแก่จำเลยที่หลบหนี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาเฉพาะจำเลยที่ได้รับสำเนาอุทธรณ์ กรณีจำเลยบางส่วนไม่ได้รับ
ในคดีอาญา เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ปล่อยตัวจำเลยไปโจทก์อุทธรณ์ แต่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยได้คนเดียว จำเลยอีกคนหนึ่งส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ไม่ได้นั้น ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะพิจารณาคดีเฉพาะตัวจำเลยที่รับอุทธรณ์แล้วต่อไป ไม่ควรจะสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว เสียทั้งหมด ถ้าศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดีเสียทั้งสองคน ศาลฎีกามีอำนาจที่จะพิพากษาให้ศาลอุทธรณ์รับพิจารณาคดีเฉพาะตัวจำเลยที่รับอุทธรณ์แล้วต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1040/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิจารณาคดีอาญาเฉพาะตัวจำเลยที่ได้รับสำเนาอุทธรณ์ แม้จำเลยอื่นไม่ได้รับ
ในคดีอาญาเมื่อศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ปล่อยตัวจำเลยไป โจทก์อุทธรณ์แต่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยได้คนเดียว จำเลยอีกคนหนึ่งส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ไม่ได้นั้น ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะพิจารณาคดีฉะเพาะตัวจำเลยที่รับอุทธรณ์แล้วต่อไป ไม่ควรจะสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราวเสียทั้งหมด ถ้าศาลอุทธรณ์สั่งจำหน่ายคดีเสียทั้งสองคน ศาลฎีกามีอำนาจที่จะพิพากษาให้ศาลอุทธรณ์รับพิจารณาคดีฉะเพาะตัวจำเลยที่รับอุทธรณ์แล้วต่อไปได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1249-1250/2492 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีอาญาเมื่อจำเลยไม่สามารถอยู่ในอำนาจศาลได้ แม้ทนายจำเลยจะได้รับสำเนาคำอุทธรณ์
คดีอาญา เมื่อศาลส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ทนายจำเลยรับไป ภายหลังทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่าตัวจำเลยไม่ได้รับทราบสำเนาอุทธรณ์เพราะหาตัวไม่พบ ศาลขอให้ทางอำเภอส่งหมายให้จำเลยก็ส่งไม่ได้ ดังนี้ ศาลอุทธรณ์ก็ต้องจำหน่ายคดีเพราะในการพิจารณาคดีทั้งปวง หลักสำคัญมีอยู่ว่า จำเลยต้องมีตัวอยู่ให้ศาลเรียกมาได้ เมื่อต้องการไม่ว่าเวลาใด ๆ.
(อ้างฎีกาที่ 410/2488)
(อ้างฎีกาที่ 410/2488)