พบผลลัพธ์ทั้งหมด 854 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2022/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การประกันภัยรถบรรทุกรวมสาลี่: สาลี่ถือเป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์ที่ได้รับประกัน
รถยนต์บรรทุกที่จำเป็นต้องพ่วงสาลี่ เพื่อความสะดวกในการบรรทุกของ เมื่อสาลี่ พ่วงอยู่กับรถยนต์บรรทุกย่อมถือได้ว่าสาลี่เป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์บรรทุก การที่สาลี่ ของรถยนต์บรรทุกคันที่จำเลยรับประกันภัยค้ำจุนไว้เลื่อนหลุดไปทำความเสียหายให้รถยนต์คันอื่น จำเลยจะอ้างว่าไม่ได้รับประกันภัยสาลี่ ด้วยเพื่อให้หลุดพ้นจากความรับผิดหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อพิพาทสัญญาซื้อขายรถเกรดเดอร์ การรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และค่าเช่าโกดังตามสัญญา
เดิมจำเลยสั่งซื้อรถเกรดเดอร์ 11 คันจากโจทก์และจะต้องขนส่งทางเรือมาจากประเทศอังกฤษ แต่ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงกันว่าให้โจทก์ซื้อรถทั้งหมดกลับคืนจากจำเลยโดยจำเลยขอรับผิดชอบสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการส่งคืนรถทั้ง 11 คันแก่โจทก์ และโจทก์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและภาษีใด ๆ จนสินค้าลงเรือในกรุงเทพ ฯ ดังนี้ เมื่อค่าระวางขนส่งทางเรือจากประเทศอังกฤษมายังประเทศไทยไม่ได้รวมอยู่ในราคารถที่ขายคืนจึงเป็นค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่งซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญา
ค่าขนส่งทางรถไฟจากกรุงเทพ ฯ ไปกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซียเป็นค่าระวางขนส่งต่อไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศ ตามข้อตกลงดังกล่าวโจทก์ผู้ซื้อรถคืนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ จนกระทั่งรถได้บรรทุกลงเรือ ดังนั้น เมื่อโจทก์เปลี่ยนมาเป็นการขนส่งทางบกโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยตกลงด้วย โจทก์จะเรียกค่าขนส่งดังกล่าวจากจำเลยโดยอาศัยข้อสัญญาดังกล่าวหาได้ไม่
สำหรับค่าเช่าโกดังสินค้าหลังจากมีข้อตกลงดังกล่าวแล้วนั้นการที่โจทก์จะนำรถบรรทุกลงเรือก็จำเป็นจะต้องออกของจากโกดังสินค้าซึ่งจะต้องเสียค่าเช่าโกดัง และตามสัญญาก็ได้ระบุให้ค่าเช่าโกดังเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเลยจะต้องรับผิดด้วยเช่นนี้ แม้การออกของจากโกดังสินค้าจะเนิ่นช้าไปบ้าง แต่ก็ไม่ปรากฏว่าความล่าช้าเกิดจากเจตนาอันไม่สุจริตของโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเช่าโกดังสินค้าหลังจากวันทำสัญญาจนถึงวันออกของด้วย
ค่าขนส่งทางรถไฟจากกรุงเทพ ฯ ไปกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซียเป็นค่าระวางขนส่งต่อไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศ ตามข้อตกลงดังกล่าวโจทก์ผู้ซื้อรถคืนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ จนกระทั่งรถได้บรรทุกลงเรือ ดังนั้น เมื่อโจทก์เปลี่ยนมาเป็นการขนส่งทางบกโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยตกลงด้วย โจทก์จะเรียกค่าขนส่งดังกล่าวจากจำเลยโดยอาศัยข้อสัญญาดังกล่าวหาได้ไม่
สำหรับค่าเช่าโกดังสินค้าหลังจากมีข้อตกลงดังกล่าวแล้วนั้นการที่โจทก์จะนำรถบรรทุกลงเรือก็จำเป็นจะต้องออกของจากโกดังสินค้าซึ่งจะต้องเสียค่าเช่าโกดัง และตามสัญญาก็ได้ระบุให้ค่าเช่าโกดังเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเลยจะต้องรับผิดด้วยเช่นนี้ แม้การออกของจากโกดังสินค้าจะเนิ่นช้าไปบ้าง แต่ก็ไม่ปรากฏว่าความล่าช้าเกิดจากเจตนาอันไม่สุจริตของโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเช่าโกดังสินค้าหลังจากวันทำสัญญาจนถึงวันออกของด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1867/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายรถเกรดเดอร์: ความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายขนส่งและโกดังหลังซื้อคืน
เดิมจำเลยสั่งซื้อรถเกรดเดอร์ 11 คันจากโจทก์และจะต้องขนส่งทางเรือมาจากประเทศอังกฤษ แต่ต่อมาโจทก์จำเลยตกลงกันว่าให้โจทก์ซื้อรถทั้งหมดกลับคืนจากจำเลยโดยจำเลยขอรับผิดชอบสำหรับค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากการส่งคืนรถทั้ง 11 คันแก่โจทก์ และโจทก์ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและภาษีใด ๆ จนสินค้าลงเรือในกรุงเทพ ฯ ดังนี้ เมื่อค่าระวางขนส่งทางเรือจากประเทศอังกฤษมายังประเทศไทยไม่ได้รวมอยู่ในราคารถที่ขายคืนจึงเป็นค่าใช้จ่ายอย่างหนึ่งซึ่งจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญา
ค่าขนส่งทางรถไฟจากกรุงเทพ ฯ ไปกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซียเป็นค่าระวางขนส่งต่อไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศ ตามข้อตกลงดังกล่าวโจทก์ผู้ซื้อรถคืนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ จนกระทั่งรถได้บรรทุกลงเรือ ดังนั้น เมื่อโจทก์เปลี่ยนมาเป็นการขนส่งทางบกโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยตกลงด้วย โจทก์จะเรียกค่าขนส่งดังกล่าวจากจำเลยโดยอาศัยข้อสัญญาดังกล่าวหาได้ไม่
สำหรับค่าเช่าโกดังสินค้าหลังจากมีข้อตกลงดังกล่าวแล้วนั้นการที่โจทก์จะนำรถบรรทุกลงเรือก็จำเป็นจะต้องออกของจากโกดังสินค้าซึ่งจะต้องเสียค่าเช่าโกดัง และตามสัญญาก็ได้ระบุให้ค่าเช่าโกดังเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเลยจะต้องรับผิดด้วยเช่นนี้ แม้การออกของจากโกดังสินค้าจะเนิ่นช้าไปบ้างแต่ก็ไม่ปรากฏว่าความล่าช้าเกิดจากเจตนาอันไม่สุจริตของโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเช่าโกดังสินค้าหลังจากวันทำสัญญาจนถึงวันออกของด้วย.
ค่าขนส่งทางรถไฟจากกรุงเทพ ฯ ไปกัวลาลัมเปอร์ประเทศมาเลเซียเป็นค่าระวางขนส่งต่อไปยังผู้ซื้อในต่างประเทศ ตามข้อตกลงดังกล่าวโจทก์ผู้ซื้อรถคืนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ จนกระทั่งรถได้บรรทุกลงเรือ ดังนั้น เมื่อโจทก์เปลี่ยนมาเป็นการขนส่งทางบกโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยตกลงด้วย โจทก์จะเรียกค่าขนส่งดังกล่าวจากจำเลยโดยอาศัยข้อสัญญาดังกล่าวหาได้ไม่
สำหรับค่าเช่าโกดังสินค้าหลังจากมีข้อตกลงดังกล่าวแล้วนั้นการที่โจทก์จะนำรถบรรทุกลงเรือก็จำเป็นจะต้องออกของจากโกดังสินค้าซึ่งจะต้องเสียค่าเช่าโกดัง และตามสัญญาก็ได้ระบุให้ค่าเช่าโกดังเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเลยจะต้องรับผิดด้วยเช่นนี้ แม้การออกของจากโกดังสินค้าจะเนิ่นช้าไปบ้างแต่ก็ไม่ปรากฏว่าความล่าช้าเกิดจากเจตนาอันไม่สุจริตของโจทก์ จำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเช่าโกดังสินค้าหลังจากวันทำสัญญาจนถึงวันออกของด้วย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1217/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องสัญญาซื้อขาย, การตีราคารถเก่าเป็นส่วนหนึ่งของราคา, สัญญาซื้อขายสิ้นสุดลง
โจทก์ลงชื่อในใบสั่งซื้อรถยนต์จากจำเลยในนามส่วนตัวโดยมิได้ระบุว่าทำแทนผู้ใด แม้โจทก์จะใช้ข้อความในหนังสือบอกเลิกสัญญาว่าบริษัท ม. จำกัด ได้จองรถไว้ก็เป็นเพราะความเข้าใจผิดของโจทก์เอง เนื่องจากโจทก์มีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าวจึงอาจใช้ตำแหน่งปะปนกับกิจการส่วนตัว ดังนั้น ถือว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลยในนามส่วนตัว โจทก์ซื้อรถจากจำเลยโดยนำรถเก่าของโจทก์ให้จำเลยตีราคาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของราคารถใหม่ที่จะซื้อ เมื่อปรากฏว่าจำเลยตีราคารถเก่า 330,000 บาท และรับรถไปแล้ว การที่โจทก์ขอเปลี่ยนรถคันที่ซื้อใหม่และจำเลยยอมคืนเงินให้โจทก์ 300,000 บาท โดยนำเงินส่วนที่เหลือ 30,000 บาท รวมกับเช็คเงินสดจำนวน 50,000บาทที่โจทก์มอบแก่จำเลยแล้วเป็นการวางมัดจำรถคันใหม่ที่ขอเปลี่ยนดังนี้ การตีราคารถเก่าเพื่อขายรถใหม่จึงสิ้นสุดไปแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ในสิ่งต่าง ๆ ที่จำเลยทำลงในรถเก่าที่โจทก์นำมาตีราคา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1217/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องสัญญาซื้อขาย และการสิ้นสุดสัญญาซื้อขายรถยนต์ โดยการตีราคารถเก่าเป็นส่วนหนึ่งของราคา
โจทก์ลงชื่อในใบสั่งซื้อรถยนต์จากจำเลยในนามส่วนตัวโดยมิได้ระบุว่าทำแทนผู้ใด แม้โจทก์จะใช้ข้อความในหนังสือบอกเลิกสัญญาว่าบริษัท ม. จำกัดได้จองรถไว้ก็เป็นเพราะความเข้าใจผิดของโจทก์เอง เนื่องจากโจทก์มีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าวจึงอาจใช้ตำแหน่งปะปนกับกิจการส่วนตัว ดังนั้นถือว่าโจทก์เป็นคู่สัญญากับจำเลยในนามส่วนตัว
โจทก์ซื้อรถจากจำเลยโดยนำรถเก่าของโจทก์ให้จำเลยตีราคาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของราคารถใหม่ที่จะซื้อ เมื่อปรากฏว่าจำเลยตีราคารถเก่า 330,000 บาท และรับรถไปแล้ว การที่โจทก์ขอเปลี่ยนรถคันที่ซื้อใหม่และจำเลยยอมคืนเงินให้โจทก์300,000 บาท โดยนำเงินส่วนที่เหลือ 30,000 บาท รวมกับเช็คเงินสดจำนวน 50,000 บาทที่โจทก์มอบแก่จำเลยแล้วเป็นการวางมัดจำรถคันใหม่ที่ขอเปลี่ยน ดังนี้ การตีราคารถเก่าเพื่อขายรถใหม่จึงสิ้นสุดไปแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ในสิ่งต่าง ๆ ที่จำเลยทำลงในรถเก่าที่โจทก์นำมาตีราคา.
โจทก์ซื้อรถจากจำเลยโดยนำรถเก่าของโจทก์ให้จำเลยตีราคาเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของราคารถใหม่ที่จะซื้อ เมื่อปรากฏว่าจำเลยตีราคารถเก่า 330,000 บาท และรับรถไปแล้ว การที่โจทก์ขอเปลี่ยนรถคันที่ซื้อใหม่และจำเลยยอมคืนเงินให้โจทก์300,000 บาท โดยนำเงินส่วนที่เหลือ 30,000 บาท รวมกับเช็คเงินสดจำนวน 50,000 บาทที่โจทก์มอบแก่จำเลยแล้วเป็นการวางมัดจำรถคันใหม่ที่ขอเปลี่ยน ดังนี้ การตีราคารถเก่าเพื่อขายรถใหม่จึงสิ้นสุดไปแล้ว จำเลยไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ในสิ่งต่าง ๆ ที่จำเลยทำลงในรถเก่าที่โจทก์นำมาตีราคา.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 925/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อายุความภาษีอากร: การเจรจาระงับคดีและการละเสียซึ่งสิทธิเรียกร้อง
เมื่อพ้นกำหนด 10 ปี นับจากวันที่จำเลยนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรแล้ว แต่อยู่ในระหว่างที่จำเลยถูกดำเนินคดีอาญาข้อหาสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงอากร บริษัทจำเลยมีหนังสือถึงกรมศุลกากรโจทก์ ความว่า '...บริษัท ฯ มีความประสงค์จะขอทำความตกลงเพื่อให้กรม ฯ ระงับคดีในชั้นศุลกากรโดยยอมชำระภาษีอากรที่ขาด ...' ข้อความดังกล่าวมีความหมายเป็นเงื่อนไขบังคับก่อนว่าหากโจทก์ยอมระงับคดีในชั้นศุลกากรแล้วจำเลยก็จะยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดให้โจทก์ เมื่อโจทก์ยืนยันให้ดำเนินคดีกับจำเลย เงื่อนไขบังคับก่อนจึงยังไม่สำเร็จ ความยินยอมชำระค่าภาษีอากรที่ขาดยังไม่เกิดขึ้น จำเลยจึงยังมิได้ละเสียซึ่งประโยชน์แห่งอายุความ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 192 คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายซองกระสุนชำรุด: สิทธิบอกเลิกสัญญา, ค่าเสียหาย, และการคืนหลักประกัน
สัญญาซื้อขายของกระสุนปืน เอ็ม .16 ซึ่งผลิตโดยโรงงานในประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ตามสัญญาเรื่องการจัดการแก้ไขในกรณีที่ซองกระสุนปืนดังกล่าวไม่ถูกต้องจะมิได้ระบุให้ส่งไปให้ผู้ผลิตทำการแก้ไขก็ตาม แต่การแก้ไขชิ้นส่วนของซองกระสุนปืนเอ็ม .16 อันเป็นเครื่องกระสุนปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ซึ่งใช้ในราชการสงคราม จึงพึงเป็นที่เข้าใจว่าผู้ที่จะจัดการแก้ไขซ่อมแซมได้ จะต้องเป็นผู้ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ดังนี้การที่จำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินการให้โรงงานผู้ผลิตรับเอาซองกระสุนปืนไปแก้ไขให้ถูกต้องตามสัญญาจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ และมีสิทธิเรียกค่าปรับจากจำเลยนับแต่วันครบกำหนดส่งของตามสัญญาถึงวันครบกำหนดที่โจทก์ให้โอกาสจำเลยปฏิบัติตามสัญญา
เบี้ยปรับเป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหาย เมื่อโจทก์เรียกร้องเอาเบี้ยปรับแล้วและจำนวนเบี้ยปรับสูงกว่าค่าเสียหายที่โจทก์ต้องซื้อของในราคาที่แพงกว่าราคาเดิม โจทก์จึงจะเรียกเอาค่าเสียหายดังกล่าวอีกไม่ได้ เพราะเป็นการเรียกร้องค่าเสียหายนอกเหนือไปจากความเสียหายที่โจทก์ได้รับ ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 วรรคสอง
ตามสัญญากำหนดให้ธนาคารวางหนังสือค้ำประกันต่อโจทก์เพื่อค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญา และจะคืนให้แก่ผู้ค้ำประกันเมื่อผู้ขายพ้นจากข้อผูกพันตามสัญญา ดังนี้ถือได้ว่าหลักประกันดังกล่าวเป็นการวางไว้ล่วงหน้าเพื่อความเสียหายในกรณีที่มีการผิดสัญญา เมื่อโจทก์ได้เรียกร้องให้จำเลยชำระค่าเสียหายเต็มจำนวนแล้ว จึงต้องคืนหลักประกันดังกล่าวให้จำเลย.
เบี้ยปรับเป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหาย เมื่อโจทก์เรียกร้องเอาเบี้ยปรับแล้วและจำนวนเบี้ยปรับสูงกว่าค่าเสียหายที่โจทก์ต้องซื้อของในราคาที่แพงกว่าราคาเดิม โจทก์จึงจะเรียกเอาค่าเสียหายดังกล่าวอีกไม่ได้ เพราะเป็นการเรียกร้องค่าเสียหายนอกเหนือไปจากความเสียหายที่โจทก์ได้รับ ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 วรรคสอง
ตามสัญญากำหนดให้ธนาคารวางหนังสือค้ำประกันต่อโจทก์เพื่อค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญา และจะคืนให้แก่ผู้ค้ำประกันเมื่อผู้ขายพ้นจากข้อผูกพันตามสัญญา ดังนี้ถือได้ว่าหลักประกันดังกล่าวเป็นการวางไว้ล่วงหน้าเพื่อความเสียหายในกรณีที่มีการผิดสัญญา เมื่อโจทก์ได้เรียกร้องให้จำเลยชำระค่าเสียหายเต็มจำนวนแล้ว จึงต้องคืนหลักประกันดังกล่าวให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 664/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายซองกระสุน: การผิดสัญญา, ค่าเสียหาย, และการคืนหลักประกัน
สัญญาซื้อขายของกระสุนปืน เอ็ม .16 ซึ่งผลิตโดยโรงงานในประเทศสหรัฐอเมริกา แม้ตามสัญญาเรื่องการจัดการแก้ไขในกรณีที่ซองกระสุนปืนดังกล่าวไม่ถูกต้องจะมิได้ระบุให้ส่งไปให้ผู้ผลิตทำการแก้ไขก็ตาม แต่การแก้ไขชิ้นส่วนของซองกระสุนปืนเอ็ม .16 อันเป็นเครื่องกระสุนปืนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ ซึ่งใช้ในราชการสงคราม จึงพึงเป็นที่เข้าใจว่าผู้ที่จะจัดการแก้ไขซ่อมแซมได้ จะต้องเป็นผู้ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ดังนี้การที่จำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินการให้โรงงานผู้ผลิตรับเอาซองกระสุนปืนไปแก้ไขให้ถูกต้องตามสัญญาจำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา โจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้ และมีสิทธิเรียกค่าปรับจากจำเลยนับแต่วันครบกำหนดส่งของตามสัญญาถึงวันครบกำหนดที่โจทก์ให้โอกาสจำเลยปฏิบัติตามสัญญา
เบี้ยปรับเป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหาย เมื่อโจทก์เรียกร้องเอาเบี้ยปรับแล้วและจำนวนเบี้ยปรับสูงกว่าค่าเสียหายที่โจทก์ต้องซื้อของในราคาที่แพงกว่าราคาเดิม โจทก์จึงจะเรียกเอาค่าเสียหายดังกล่าวอีกไม่ได้ เพราะเป็นการเรียกร้องค่าเสียหายนอกเหนือไปจากความเสียหายที่โจทก์ได้รับ ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 วรรคสอง
ตามสัญญากำหนดให้ธนาคารวางหนังสือค้ำประกันต่อโจทก์เพื่อค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญา และจะคืนให้แก่ผู้ค้ำประกันเมื่อผู้ขายพ้นจากข้อผูกพันตามสัญญา ดังนี้ถือได้ว่าหลักประกันดังกล่าวเป็นการวางไว้ล่วงหน้าเพื่อความเสียหายในกรณีที่มีการผิดสัญญา เมื่อโจทก์ได้เรียกร้องให้จำเลยชำระค่าเสียหายเต็มจำนวนแล้ว จึงต้องคืนหลักประกันดังกล่าวให้จำเลย.
เบี้ยปรับเป็นส่วนหนึ่งของค่าเสียหาย เมื่อโจทก์เรียกร้องเอาเบี้ยปรับแล้วและจำนวนเบี้ยปรับสูงกว่าค่าเสียหายที่โจทก์ต้องซื้อของในราคาที่แพงกว่าราคาเดิม โจทก์จึงจะเรียกเอาค่าเสียหายดังกล่าวอีกไม่ได้ เพราะเป็นการเรียกร้องค่าเสียหายนอกเหนือไปจากความเสียหายที่โจทก์ได้รับ ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 วรรคสอง
ตามสัญญากำหนดให้ธนาคารวางหนังสือค้ำประกันต่อโจทก์เพื่อค้ำประกันการปฏิบัติตามสัญญา และจะคืนให้แก่ผู้ค้ำประกันเมื่อผู้ขายพ้นจากข้อผูกพันตามสัญญา ดังนี้ถือได้ว่าหลักประกันดังกล่าวเป็นการวางไว้ล่วงหน้าเพื่อความเสียหายในกรณีที่มีการผิดสัญญา เมื่อโจทก์ได้เรียกร้องให้จำเลยชำระค่าเสียหายเต็มจำนวนแล้ว จึงต้องคืนหลักประกันดังกล่าวให้จำเลย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 567/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ่ายเงินบำเหน็จพิเศษจากกองทุนบำรุงความสุขของนายจ้าง การพิจารณาและการจ่ายตามระเบียบที่ถูกต้อง
การจ่ายเงินบำรุงความสุขเป็นเงินบำเหน็จพิเศษแก่ลูกจ้างตามระเบียบการขนส่งของการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2499 นั้นจะต้องมีคณะกรรมการของจำเลยเป็นผู้พิจารณาและกำหนดจำนวนเงิน แต่การจ่ายเงินบำรุงความสุขเป็นเงินบำเหน็จพิเศษนี้ กฎหมายไม่ได้บังคับให้จำเลยผู้เป็นนายจ้างจะต้องจ่าย จำเลยจะออกระเบียบกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการจ่ายอย่างไรก็ชอบที่จะทำได้ เมื่อคณะกรรมการของจำเลยได้พิจารณาแล้วกำหนดจำนวนเงินบำเหน็จพิเศษให้แก่โจทก์แต่ละคนรับไปแล้ว จึงถือได้ว่าจำเลยได้จ่ายเงินบำเหน็จพิเศษให้แก่โจทก์ตามระเบียบการขนส่งของจำเลยโดยชอบ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องเงินบำเหน็จพิเศษจากจำเลยอีก.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 567/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจ่ายเงินบำเหน็จพิเศษจากกองทุนเงินบำรุงความสุขของลูกจ้าง จำเลยมีสิทธิกำหนดหลักเกณฑ์และจ่ายตามระเบียบ หากได้จ่ายแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเพิ่มเติม
การจ่ายเงินบำรุงความสุขเป็นเงินบำเหน็จพิเศษแก่ลูกจ้างตามระเบียบการขนส่งของการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2499 นั้น จะต้องมีคณะกรรมการของจำเลยเป็นผู้พิจารณาและกำหนดจำนวนเงิน แต่การจ่ายเงินบำรุงความสุขเป็นเงินบำเหน็จพิเศษนี้ กฎหมายไม่ได้บังคับให้จำเลยผู้เป็นนายจ้างจะต้องจ่าย จำเลยจะออกระเบียบกำหนดหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขในการจ่ายอย่างไรก็ชอบที่จะทำได้ เมื่อคณะกรรมการของจำเลยได้พิจารณาแล้วกำหนดจำนวนเงินบำเหน็จพิเศษให้แก่โจทก์แต่ละคนรับไปแล้ว จึงถือได้ว่าจำเลยได้จ่ายเงินบำเหน็จพิเศษให้แก่โจทก์ตามระเบียบการขนส่งของจำเลยโดยชอบ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องเงินบำเหน็จพิเศษจากจำเลยอีก.