คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 368

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 854 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างก่อสร้าง: การคืนเงินค่าจ้างงวดที่ 1 เมื่อผู้รับจ้างผิดสัญญาในงวดที่ 2 และขอบเขตการบังคับใช้หนังสือค้ำประกัน
ตามสัญญาจ้างผู้ว่าจ้างจะแบ่งจ่ายเงินให้เป็นงวด ๆ คือ งวดที่ 1 เงิน 56,900 บาท จะจ่ายให้เมื่อผู้รับจ้างได้ทำงานงวดนั้นเสร็จ โดยผู้รับจ้างต้องนำหนังสือค้ำประกันของธนาคารภายในวงเงิน 56,900 บาทมามอบให้กับผู้ว่าจ้างเพื่อเป็นประกันเงินที่ได้รับไป หากปฏิบัติงานไม่แล้วเสร็จตามสัญญาให้เรียกเงินค้ำประกันจำนวน 56,900 บาท จากธนาคารได้ทันที จะคืนหนังสือค้ำประกันให้เมื่อคณะกรรมการฯ ได้ตรวจรับงานงวดที่สองแล้ว ข้อความในสัญญาที่ว่า หากปฏิบัติงานไม่แล้วเสร็จตามสัญญาให้เรียกเงินค้ำประกันจำนวน 56,900 บาท คืนจากธนาคารได้ทันทีนั้นต้องหมายความถึงการที่ผู้รับจ้างผิดสัญญาตั้งแต่งานงวดที่ 2 เป็นต้นไป ธนาคารจะหมดความรับผิดคืนเงินจำนวนดังกล่าวต่อเมื่อมีการตรวจรับงานงวดที่ 2 โดยผู้ว่าจ้างคืนหนังสือค้ำประกันให้แล้ว เมื่อผู้รับจ้างผิดสัญญาทำงานงวดที่สองไม่เสร็จ ก็ต้องร่วมกับธนาคารคืนเงินค่าจ้างงวดที่ 1 ให้แก่ผู้ว่าจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1514/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจ้างเหมางาน การเรียกคืนเงินค่าจ้างงวดที่ 1 เมื่อผู้รับจ้างผิดสัญญาในงวดที่ 2 และขอบเขตการรับผิดของธนาคารผู้ค้ำประกัน
ตามสัญญาจ้างผู้ว่าจ้างจะแบ่งจ่ายเงินให้เป็นงวด ๆ คือ งวดที่ 1 เงิน 56,900 บาท จะจ่ายให้เมื่อผู้รับจ้างได้ทำงานนั้นเสร็จ โดยผู้รับจ้างต้องทำหนังสือค้ำประกันของธนาคารภายในวงเงิน 56,900 บาท มามอบให้กับผู้ว่าจ้างเพื่อเป็นประกันเงินที่ได้รับไป หากปฏิบัติงานไม่แล้วเสร็จตามสัญญาให้เรียกเงินค้ำประกันจำนวน 56,900 บาท จากธนาคารได้ทันที จะคืนหนังสือค้ำประกันให้เมื่อคณะกรรมการฯ ได้ตรวจรับงานงวดที่สองแล้ว ข้อความในสัญญาที่ว่า หากปฏิบัติงานไม่แล้วเสร็จตามสัญญาให้เรียกเงินค้ำประกันจำนวน 56,900 บาท คืนจากธนาคารได้ทันทีนั้นต้องหมายความถึงการที่ผู้รับจ้างผิดสัญญาตั้งแต่งานงวดที่ 2 เป็นต้นไป ธนาคารจะหมดความรับผิดคืนเงินจำนวนดังกล่าวต่อเมื่อมีการตรวจรับงานงวดที่ 2 โดยผู้ว่าจ้างคืนหนังสือค้ำประกันให้แล้ว เมื่อผู้รับจ้างผิดสัญญาทำงานงวดที่สองไม่เสร็จ ก็ต้องร่วมกับธนาคารคืนเงินค่าจ้างวดที่ 1 ให้แก่ผู้ว่าจ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1393/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายระหว่างประเทศ: สิทธิปรับราคาตามอัตราแลกเปลี่ยน และผลของการไม่ยินยอมปรับราคา
โจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายสินค้ากัน โดยมีข้อกำหนดในสัญญาว่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ จำเลยผู้ขายมีสิทธิแก้ไขและปรับราคาสินค้าใหม่ได้ ข้อตกลงเช่นนี้เห็นได้ว่าเพื่อประโยชน์ของผู้ขาย ในกรณีที่สินค้าราคาสูงขึ้นเพราะการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ แม้ตามข้อตกลงดังกล่าวจะมิได้กำหนดให้ถืออัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศใดเป็นหลัก แต่ก็ย่อมหมายถึงเงินตราต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้านี้เท่านั้น เมื่อปรากฏว่ามีเงินตราต่างประเทศที่เกี่ยวข้องอยู่ 2 สกุล คือเงินดอลล่าร์ของอเมริกาที่จำเลยใช้ชำระราคาสินค้า กับเงินมาร์คของเยอรมันเจ้าของสินค้าที่ซื้อขายกันและอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลล่าร์เปลี่ยนแปลงอันมีผลทำให้เงินมาร์คมีราคาสูงขึ้น จำเลยจึงมีสิทธิปรับราคาสินค้าที่ตกลงขายให้โจทก์สูงขึ้นได้ตามข้อกำหนดในสัญญาดังกล่าว แต่เมื่อโจทก์ไม่ยินยอม จำเลยก็ย่อมมีสิทธิที่จะไม่ส่งสินค้าให้โจทก์ และจะว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1393/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาซื้อขายต่างประเทศ การปรับราคาเนื่องจากอัตราแลกเปลี่ยน และสิทธิของผู้ขาย
โจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายสินค้ากัน โดยมีข้อกำหนดในสัญญาว่า ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศจำเลยผู้ขายมีสิทธิแก้ไขและปรับราคาสินค้าใหม่ได้ข้อตกลงเช่นนี้เห็นได้ว่าเพื่อประโยชน์ของผู้ขาย ในกรณีที่สินค้าราคาสูงขึ้นเพราะการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศแม้ตามข้อตกลงดังกล่าวจะมิได้กำหนดให้ถืออัตราแลกเปลี่ยนเงินตราของประเทศใดเป็นหลัก แต่ก็ย่อมหมายถึงเงินตราต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายสินค้านี้เท่านั้น เมื่อปรากฏว่ามีเงินตราต่างประเทศที่เกี่ยวข้องอยู่ 2สกุล คือเงินดอลล่าร์ของอเมริกาที่จำเลยใช้ชำระราคาสินค้ากับเงินมาร์คของเยอรมันเจ้าของสินค้าที่ซื้อขายกัน และอัตราแลกเปลี่ยนเงินดอลล่าร์เปลี่ยนแปลงอันมีผลทำให้เงินมาร์คมีราคาสูงขึ้น จำเลยจึงมีสิทธิปรับราคาสินค้าที่ตกลงขายให้โจทก์สูงขึ้นได้ตามข้อกำหนดในสัญญาดังกล่าว แต่เมื่อโจทก์ไม่ยินยอม จำเลยก็ย่อมมีสิทธิที่จะไม่ส่งสินค้าให้โจทก์ และจะว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกวดราคา: ผู้เสนอราคาที่ประมูลได้มีหน้าที่ผูกพันตามสัญญา และต้องรับผิดชอบค่าเสียหายหากไม่ทำสัญญา
จำเลยทราบข้อสัญญาการประกวดราคาตามประกาศเรียกประกวดราคาของโจทก์แล้ว จึงยื่นซองประกวดราคา เมื่อจำเลยประมูลได้ ก็ต้องผูกพันตามสัญญานั้น โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเนื่องจากจำเลยประมูลได้แล้วไม่มาทำสัญญาก่อสร้าง จำเลยรับว่าได้ยื่นซองเสนอราคาจริง แต่อ้างว่าจำเลยไม่ผูกพันตามสัญญาดังนี้ ประเด็นที่ว่าคำเสนอของจำเลยยังคงผูกพันจำเลยหรือไม่ จำเลยต้องมีหน้าที่นำสืบก่อน
จำเลยประมูลทำการก่อสร้างได้แล้วไม่ยอมทำสัญญาก่อสร้างเมื่อกรณีนี้ตามสัญญาประกวดราคาระบุให้จำเลยผู้ประกวดราคาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในการที่โจทก์ต้องจ้างผู้อื่นทำงานนี้ในราคาสูงกว่าที่จำเลยเสนอราคา จำเลยจึงต้องรับผิดตามสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1131/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกวดราคา: การยื่นซองเสนอราคาถือเป็นการผูกพันตามสัญญา แม้จะอ้างความผิดพลาดในการเสนอราคา
จำเลยทราบข้อสัญญาการประกวดราคาตามประกาศเรียกประกวดราคาของโจทก์แล้ว จึงยื่นซองประกวดราคา เมื่อจำเลยประมูลได้ ก็ต้องผูกพันตามสัญญานั้น โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายเนื่องจากจำเลยประมูลได้แล้วไม่มาทำสัญญาก่อสร้าง จำเลยรับว่าได้ยื่นซองเสนอราคาจริง แต่อ้างว่าจำเลยไม่ผูกพันตามสัญญา ดังนี้ ประเด็นที่ว่าคำเสนอของจำเลยยังคงผูกพันจำเลยหรือไม่ จำเลยต้องมีหน้าที่นำสืบก่อน
จำเลยประมูลทำการก่อสร้างได้แล้วไม่ยอมทำสัญญาก่อสร้าง เมื่อกรณีนี้ตามสัญญาประกวดราคาระบุให้จำเลยผู้ประกวดราคาต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายในการที่โจทก์ต้องจ้างผู้อื่นทำงานนี้ในราคาสูงกว่าที่จำเลยเสนอราคา จำเลยจึงต้องรับผิดตามสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: การตีความข้อตกลงการขายที่ดิน และขอบเขตการฟ้องเรียกคืน
สัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 ทำไว้ต่อศาลมีว่า โจทก์ให้ที่พิพาทแก่จำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 จะนำไปขายโดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบก่อนไม่ได้ดังนี้ แม้ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ขายที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบ ก็ไม่มีข้อสัญญาว่าจะต้องคืนที่ดินให้โจทก์ตามเดิม โจทก์จึงฟ้องเรียกคืนที่พิพาทกลับมาเป็นของตนอันเป็นข้อนอกเหนือไปจากสัญญาประนีประนอมยอมความหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 856/2520 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: การขายที่ดินโดยไม่แจ้งตามสัญญา ไม่ถึงขั้นต้องคืนที่ดิน
สัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์กับจำเลยที่ 1 ทำไว้ต่อศาลมีว่า โจทก์ให้ที่พิพาทแก่จำเลยที่ 1 แต่จำเลยที่ 1 จะนำไปขายโดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบก่อนไม่ได้ ดังนี้ แม้ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ขายที่พิพาทให้จำเลยที่ 2 โดยไม่แจ้งให้โจทก์ทราบ ก็ไม่มีข้อสัญญาว่าจะต้องคืนที่ดินให้โจทก์ตามเดิม โจทก์จึงฟ้องเรียกคืนที่พิพาทกลับมาเป็นของตนอันเป็นข้อนอกเหนือไปจากสัญญาประนีประนอมยอมความหาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 762/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การตีความระเบียบการบัญชีหนี้สูญ: สิทธิและความรับผิดของพนักงานขาย
ระเบียบของบริษัทโจทก์กำหนดว่า ให้นำหนี้สูญครึ่งหนึ่งมาเข้าบัญชีเงินประกันของพนักงานขายมิได้กำหนดว่าถ้าหักบัญชีกันแล้วเงินไม่พอชำระหนี้สูญได้หมดพนักงานขายจะต้องรับผิดชอบชดใช้ส่วนที่ขาดเป็นส่วนตัว จึงนำเอาวิธีปฏิบัติหรือการแปลความหมายทางการบัญชีมาใช้บังคับให้จำเลยรับผิดในหนี้สูญไม่ได้ เพราะจะเป็นการตีความในทางเป็นผลร้ายแก่จำเลยผู้ต้องเสียในมูลหนี้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 684/2520

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ดอกเบี้ยเบิกเกินบัญชี: ประเพณีธนาคารและการคิดดอกเบี้ย
ฝากเงินและเบิกเงินเกินบัญชีจากธนาคาร เป็นประเพณีของธนาคารคิดดอกเบี้ยเงินเบิกเกินบัญชีร้อยละ 14 ต่อปี
of 86