คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.พ.พ. ม. 368

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 854 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2097/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเช่าซื้อที่ดินและข้อตกลงการคืนเงินเมื่อราคาขายต่ำกว่าที่ตกลง การปฏิเสธทำสัญญาใหม่ทำให้สิทธิเรียกร้องเงินคืนสิ้นสุด
โจทก์เช่าที่ดินของ น. เพื่อปลูกสร้างอาคารเก็บผลประโยชน์ โดยได้ชำระค่าตอบแทนให้ 180,000 บาท ต่อมาโจทก์และ น. ตกลงกันใหม่ให้ น. ขายที่ดินนั้นได้ โดยมีข้อสัญญาว่า ถ้า น. ขายที่ดินได้ตารางวาละ 5,000 บาท หรือกว่านั้น น. จะคืนเงินให้โจทก์ 150,000 บาท แต่ถ้าขายได้ต่ำกว่าตารางวาละ 5,000 บาท โจทก์กับ น. จะมาตกลงกันใหม่ ปรากฏว่า น. ขายที่ดินได้ต่ำกว่าตารางวาละ 5,000 บาท ครั้นโจทก์ไปพบ น. น. ปฏิเสธที่จะทำความตกลงใหม่กับโจทก์และท้าให้โจทก์ฟ้อง ดังนี้ถือว่า น. ไม่ยอมทำความตกลงกับโจทก์ใหม่และไม่ยอมคืนเงินให้โจทก์แล้ว โจทก์จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะเรียกเงินคืน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1971/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดต่ออายุใบอนุญาตขับขี่ไม่ถือว่าไม่มีใบอนุญาตตามกรมธรรม์ประกันภัย หากเคยมีใบอนุญาตมาก่อน
กรมธรรม์ประกันภัยซึ่งมีเงื่อนไขว่า ห้ามมิให้ขับรถยนต์คันที่เอาประกันโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาตขับขี่หรือตามกฎหมายนั้น ก็เพื่อไม่ให้ผู้ที่ขับรถยนต์ไม่เป็นหรือไม่ได้รับอนุญาตขับรถยนต์จากเจ้าพนักงานมาขับรถยนต์คันที่เอาประกันภัย ฉะนั้น การที่ผู้ขับได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์จากเจ้าพนักงานแล้ว แต่ขาดต่ออายุใบอนุญาตในระหว่างที่รถยนต์เกิดอุบัติเหตุนั้น จึงถือไม่ได้ว่าไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์จากเจ้าพนักงานตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัย อันจะทำให้ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิด

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1491/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาล: แม้มีข้อตกลงฟ้องร้องที่ศาลแพ่ง แต่หากฟ้องละเมิดเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ศาลจังหวัดก็มีอำนาจพิจารณาได้
บริษัทโจทก์โดยคณะกรรมการขุดเดิมได้นำโรงงานและกิจการผลิตไม้อัดของโจทก์ ไปให้จำเลยเช่าดำเนินกิจการแทนโดยได้ทำสัญญาเช่าและจดทะเบียนกันมีกำหนด 15 ปี สัญญาเช่ามีข้อความข้อหนึ่งว่า "คู่สัญญาตกลงกันว่า หากมีข้อพิพาทใด ๆ เกิดขึ้นเกี่ยวกับข้อสัญญานี้แล้ว ให้คู่กรณีนำคดีฟ้องร้อง ณ ที่ศาลแพ่ง" ต่อมาบริษัทโจทก์จดทะเบียนกรรมการผู้บริหารงานใหม่ กรรมการชุดใหม่เข้าไปดำเนินกิจการไม่ได้ จึงฟ้องขับไล่จำเลยต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการซึ่งโรงงานพิพาทตั้งอยู่ในเขต อ้างว่า จำเลยเข้าไปดำเนินกิจการผลิตไม้อัดในโรงงานพิพาทปราศจากมูลเหตุที่จะอ้างได้โดยชอบด้วยกฎหมาย สัญญาเช่าที่จำเลยทำกับกรรมการบริษัทโจทก์ชุดเก่าขัดต่อวัตถุประสงค์ของโจทก์ ทั้งเป็นสัญญาที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามโดยชัดแจ้งตามกฎหมาย ตกเป็นโมฆะ ดังนี้ คู่ความมิได้พิพาทกันเกี่ยวด้วยสัญญาเช่าที่ทำกันไว้ เพราะมิได้ฟ้องร้องหาว่าคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งประพฤติผิดเงื่อนไขแห่งสัญญาเช่าหรือไม่ยอมปฏิบัติตามข้อกำหนดแห่งสัญญาเช่า แต่เป็นการฟ้องร้องในมูลละเมิด โจทก์จึงหาตกอยู่ในบังคับแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 7(4) ที่จะต้องยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งดังที่ตกลงกันไว้ในหนังสือสัญญาเช่าไม่ คำฟ้องคดีนี้เกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดสมุทรปราการที่ทรัพย์พิพาทตั้งอยู่ในเขตศาล จึงเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4(1) แล้ว
โจทก์ฎีกาขอให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาพิพากษาใหม่ ดังนี้ เป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ แต่ศาลชั้นต้นเรียกเก็บค่าธรรมเนียมชั้นฎีกาเกินมาอย่างคดีมีทุนทรัพย์ศาลฎีกาจึงให้คืนค่าธรรมเนียมส่วนที่เกินแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 525/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมซื้อขายที่ดิน: กำหนดเวลาชำระราคาเป็นสาระสำคัญ หากผิดนัดสิทธิซื้อขายสิ้นสุด
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความต่อหน้าศาลว่าจำเลยยอมซื้อที่ดินส่วนของโจทก์ โดยมีกำหนดระยะเวลาชำระค่าที่ดินแน่นอน การที่โจทก์ได้เงินค่าที่ดินช้ากว่าเวลาที่ตกลงกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นการเสียหายแก่โจทก์ โจทก์จึงย่อมประสงค์ที่จะได้เงินค่าที่ดินในระยะเวลาที่กำหนด และในการตกลงกับโจทก์จำเลยก็ย่อมคำนึงถึงความประสงค์ดังกล่าวนี้แล้ว เมื่อเจตนาของโจทก์จำเลยมีอยู่เช่นนี้ จะถือกำหนดเวลาตามที่ตกลงกันไว้นั้นไม่เป็นข้อสาระสำคัญย่อมไม่ถูกต้อง จำเลยจะอ้างว่าจำเลยมีสิทธิจะซื้อที่ดินโจทก์ได้ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่มีคำพิพากษาตามยอม จึงไม่ชอบด้วยเหตุผลและเจตนาของโจทก์จำเลย
ในสัญญาประนีประนอมยอมความมีข้อความว่า จำเลยยอมซื้อที่ดินส่วนของโจทก์ตามฟ้อง โดยมีกำหนดระยะเวลาชำระราคาค่าที่ดินแน่นอน หากจำเลยผิดนัดโจทก์บังคับคดีได้ทันที เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายผิดนัดมิได้ชำระราคาที่ดินภายในกำหนดเวลา จึงไม่มีสิทธิที่จะขอให้บังคับคดีแก่โจทก์ ให้ขายที่ดินแก่ตนได้ ที่สัญญายอมกำหนดว่า หากจำเลยผิดนัด ยอมให้โจทก์บังคับคดีได้นั้น เป็นสิทธิของโจทก์ฝ่ายเดียวที่จะเลือกในทางร้องขอให้บังคับจำเลยชำระราคาและรับซื้อที่ดินต่อไปอีกก็ได้เท่านั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2519

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพ การมีผลสมบูรณ์ของคำร้อง และสิทธิในการรับเงินตามระเบียบฌาปนกิจ
กรมการปกครองได้จัดตั้งสำนักงานฌาปนกิจกำนัน ผู้ใหญ่บ้านแพทย์ประจำตำบล และสารวัตรกำนันขึ้น โดยวางระเบียบการฌาปนกิจไว้ให้จ่ายเงินค่าอุปการะศพสมาชิกที่ถึงแก่กรรมแก่ทายาทผู้ซึ่งสมาชิกระบุไว้ในใบสมัครหรือแจ้งการเปลี่ยนแปลงเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ครั้งหลังที่สุด ดังนี้ การขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพจะสมบูรณ์ตั้งแต่เมื่อใด ต้องเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการฌาปนกิจดังกล่าว เมื่อระเบียบดังกล่าวระบุว่าความเป็นสมาชิกเริ่มแต่วันที่คณะกรรมการดำเนินงานได้มีมติรับเข้าเป็นสมาชิก และสมาชิกภาพย่อมสิ้นสุดลงเมื่อสมาชิกลาออกและได้รับอนุญาตจากประธานกรรมการดำเนินงานแล้วหาได้ระบุว่าการขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพจะสมบูรณ์ต่อเมื่อคณะกรรมการดำเนินงานฌาปนกิจมีมติหรือเมื่อประธานกรรมการดำเนินงานอนุมัติแล้วด้วยไม่ การขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพจึงมีผลสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่สมาชิกยื่นคำร้องขอเปลี่ยนแปลงทายาทต่อนายอำเภอ แม้ประธานดำเนินงานฌาปนกิจได้มีหนังสือแจ้งว่าการขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพจะสมบูรณ์ต่อเมื่อประธานกรรมการดำเนินงานฌาปนกิจอนุมัติแล้ว แต่อำนาจในการออกและแก้ไขเปลี่ยนแปลงระเบียบฌาปนกิจเป็นของกรมการปกครองหนังสือนี้จึงไม่มีผลบังคับ เมื่อสมาชิกได้ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพ ให้บุคคลใดเป็นทายาทรับเงินค่าอุปการะศพไว้แล้ว แต่ประธานกรรมการดำเนินงานฌาปนกิจได้อนุมัติให้เปลี่ยนได้เมื่อหลังจากสมาชิกถึงแก่กรรม ก็ถือว่าการขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่สมาชิกยื่นคำร้องแล้ว
เมื่อระเบียบการฌาปนกิจระบุว่า ผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินค่าอุปการะศพได้แก่ทายาทซึ่งสมาชิกระบุไว้ในใบสมัครหรือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งหลังที่สุด โดยระบุเพียงว่าทายาท มิได้ระบุว่าทายาทโดยธรรมดังนั้นทายาทซึ่งสมาชิกระบุไว้ในใบสมัครหรือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งหลังที่สุดย่อมมีสิทธิรับเงินค่าอุปการะศพ โดยหาจำเป็นต้องเป็นทายาทโดยธรรมของสมาชิกไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 372/2519 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินฌาปนกิจมีผลเมื่อยื่นคำร้อง แม้ประธานฯ ยังไม่อนุมัติ และทายาทไม่ต้องเป็นทายาทโดยธรรม
กรรมการปกครองได้จัดตั้งสำนักงานฌาปนกิจกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล และสารวัตรกำนันขึ้น โดยวางระเบียบการฌาปนกิจไว้ให้จ่ายเงินค่าอุปการะศพสมาชิกที่ถึงแก่กรรมแก่ทายาทผู้ซึ่งสมาชิกระบุไว้ ในใบสมัครหรือแจ้งการเปลี่ยนแปลงเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ครั้งหลังที่สุด ดังนี้ การขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพจะสมบูรณ์ตั้งแต่เมื่อใดต้องเป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการ ฌาปนกิจดังกล่าว เมื่อระเบียบดังกล่าวระบุว่าความเป็นสมาชิกเริ่มแต่วันที่คณะกรรมการดำเนินงานได้มีมติรับเข้าเป็นสมาชิก และสมาชิกภาพย่อมสิ้นสุดลงเมื่อสมาชิกลาออกและได้รับอนุญาตจากประธานกรรมการดำเนินงานแล้ว หาได้ระบุว่าการขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพจะสมบูรณ์ต่อเมื่อคณะกรรมการดำเนินงานฌาปนกิจมีมติ หรือเมื่อประธานกรรมการดำเนินงานอนุมัติแล้วด้วยไม่ การขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพจึงมีผลสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่สมาชิกยื่นคำร้องขอเปลี่ยนแปลงทายาทต่อนายอำเภอ แม้ประธานดำเนินงานฌาปนกิจได้มีหนังสือแจ้งว่าการขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพจะสมบูรณ์ต่อเมื่อประธานกรรมการดำเนินงานฌาปนกิจอนุมัติแล้วแต่อำนาจในการออกและแก้ไขเปลี่ยนแปลงระเบียบฌาปนกิจเป็นของกรมการปกครอง หนังสือนี้จึงไม่มีผลบังคับ เมื่อสมาชิกได้ยื่นคำร้องขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพ ให้บุคคลใดเป็นทายาทรับเงินค่าอุปการะศพไว้แล้ว แต่ประธานกรรมการดำเนินงานฌาปนกิจได้อนุมัติให้เปลี่ยนได้เมื่อหลังจากสมาชิกถึงแก่กรรม ก็ถือว่าการขอเปลี่ยนแปลงทายาทรับเงินค่าอุปการะศพสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่สมาชิกยื่นคำร้องแล้ว
เมื่อระเบียบการฌาปนกิจระบุว่า ผู้ที่มีสิทธิได้รับเงินค่าอุปการะศพได้แก่ทายาทซึ่งสมาชิกระบุไว้ในใบสมัคร หรือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งหลังที่สุด โดยระบุเพียงว่าทายาท มิได้ระบุว่าทายาทโดยธรรม ดังนั้น ทายาทซึ่งสมาชิกระบุไว้ในใบสมัครหรือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งหลังที่สุดย่อมมีสิทธิรับเงินค่าอุปการะศพ โดยหาจำเป็นต้องเป็นทายาทโดยธรรมของสมาชิกไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2479/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความรับผิดของผู้ค้ำประกันจากความประมาทของผู้ขับรถ การยินยอมให้ผู้ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ถือเป็นความประมาท
จำเลยที่ 4 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานขับรถยนต์ของโจทก์ไว้ต่อโจทก์ว่า ในระหว่างที่จำเลยที่ 2 เป็นพนักงานของโจทก์ หากปฏิบัติงานด้วยความประมาทหรือเจตนาทุจริต หรือทุจริตต่อหน้าที่ ยักยอก ฉ้อโกง อันเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย จำเลยที่ 4 ยินยอมใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ดังนี้ การที่ผู้จัดการโจทก์ได้มีคำสั่งให้จำเลยที่ 2 ขับรถยนต์พาจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นพนักงานของโจทก์ทำหน้าที่เคลีย์ริ่งไปแลกเงินที่กระทรวงการคลัง เมื่อขับรถไประหว่างทาง จำเลยที่ 2 ได้แวะไปถ่ายอุจจาระเสีย แล้วยินยอมให้จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่มีหน้าที่ขับรถยนต์และไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์นั้นไปตามลำพัง เป็นเหตุให้ชนรถผู้อื่นที่จอดอยู่ข้างทางโดยประมาทและทำให้โจทก์เสียหาย ย่อมถือว่าจำเลยที่ 2 ขาดความระมัดระวังตามวิสัยของปกติชน จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์โดยตรง จำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2422/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลบังคับใช้สัญญาขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ในอนาคต: สัญญาเป็นโมฆะหากเหตุการณ์ไม่เกิดขึ้น
จำเลยทำสัญญากู้ 3,000 บาท กับว่าจะจ่ายเงินสดอีก 2,000 บาท ในวันที่ศาลพิพากษาคดีที่บุตรจำเลยถูกฟ้องฐานขับรถโดยประมาททำให้บุตรโจทก์ตาย โจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ศาลปราณีแก่จำเลยในคดีอาญา ศาลพิพากษาจำคุกบุตรจำเลย จำเลยไม่จ่ายเงิน ดังนี้ เป็นสัญญาที่มีผลบังคับได้ แต่ต้องเป็นเรื่องบุตรจำเลยไม่ถูกจำคุกด้วย จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายเงิน 5,000 บาทตามสัญญา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2208/2518 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประกันภัย: การทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และการยกเว้นความรับผิดจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการฝ่าฝืนกฎจราจร
ข้อกำหนดตามธรรมธรรม์ประกันภัยที่ว่า "การตกลงยินยอมหรือการเสนอหรือการให้สัญญาว่าจะชดใช้เงินหรือชดใช้ค่าเสียหายประการใดก็ตามแก่บุคคลอื่น ผู้เอาประกันภัยหรือตัวแทนผู้เอาประกันภัยจะกระทำมิได้ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากบริษัทเป็นลายลักษณ์อักษร" นั้น เป็นการห้ามมิให้ผู้เอาประกันภัยทำความตกลงหรือทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับบุคคลภายนอก ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้รับประกันภัยเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัยไม่ เมื่อผู้เอาประกันฟ้องเรียกร้องค่าซ่อมรถของตนที่เอาประกันภัยไว้ อันได้รับความเสียหายเนื่องจากชนกับรถของบุคคลอื่น มิได้เกี่ยวกับค่าเสียหายที่ผู้เอาประกันภัยได้ทำสัญญาชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บุคคลอื่น ผู้เอาประกันภัยจึงมีสิทธิเรียกร้องจากผู้รับประกันภัยได้
กรมธรรม์ประกันภัยกำหนดว่า ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดเมื่อ "อุบัติเหตุหรือวินาศภัย อันเกิดขึ้นโดยผู้ขับขี่ยานยนต์คับเอาประกันภัยเจตนาจงใจฝ่าฝืนในข้อกำหนดกฎหมายหรือคำสั่งหรือเครื่องหมายจราจร" ย่อมหมายความว่า วินาศภัยที่ผู้รับประกันภัยจะต้องรับผิดในความเสียหายก็เฉพาะแต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเพราะเหตุที่ผู้ขับขี่จงใจฝ่าฝืนกฎหมายหรือคำสั่งหรือเครื่องหมายจราจรเท่านั้น การที่คนขับรถของผู้เอาประกันภัยขับรถคันที่เอาประกันภัยไปในทางที่ยังไม่เปิดใช้เป็นทางจราจรแม้จะมีเครื่องหมายของพนักงานจราจรห้ามมิให้รถเข้าไปแล่นก็ตามแต่เมื่อการขับรถเข้าไปใจทางนั้นไม่ใช่เหตุที่เกิดรถชนกันเพราะรถชนกันบนถนนส่วนที่เปิดใช้แล้วผู้รับประกันภัยก็จะยกเหตุดังกล่าวมามัดความรับผิดไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2208/2518

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้รับประกันภัย และการยกเว้นความรับผิดจากอุบัติเหตุที่เกิดจากการฝ่าฝืนกฎจราจร
ข้อกำหนดตามกรมธรรม์ประะกันภัยที่ว่า "การตกลงยินยอมหรือการเสนอหรือการให้สัญญาว่าจะชดใช้เงินหรือชดใช้ค่าเสียหายประการใดก็ตามแก่บุคคลอื่น ผู้เอาประกันภัยหรือตัวแทนผู้เอาประกันภัยจะกระทำมิได้เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากบริษัทเป็นลายลักษณ์อักษร" นั้น เป็นการห้ามมิให้ผู้เอาประกันภัยทำความตกลงหรือทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับบุคคลภายนอก ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้รับประกันภัยไม่ให้ผู้เอาประกันภัยทำสัญญาให้เป็นที่เสียหายแก่ผู้รับประกันภัยเท่านั้น หาใช่เป็นข้อยกเว้นความรับผิดของผู้รับประกันภัยไม่เมื่อผู้เอาประกันภัยฟ้องเรียกร้องค่าซ่อมรถของตนที่เอาประกันภัยไว้ อันได้รับความเสียหายเนื่องจากชนกับรถของบุคคลอื่น มิได้เกี่ยวกับค่าเสียหายที่ผู้เอาประกันภัยได้ทำสัญญาชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บุคคลอื่น ผู้เอาประกันภัยจึงมีสิทธิเรียกร้องจากผู้รับประะกันภัยได้
กรมธรรม์ประกันภัยกำหนดว่า ผู้รับประกันภัยไม่ต้องรับผิดเมื่อ"อุบัติเหตุหรือวินาศภัย อันเกิดขึ้นโดยผู้ขับขี่ยานยนต์คันเอาประกันภัยเจตนาจงใจฝ่าฝืนข้อกำหนดกฎหมายหรือคำสั่งหรือเครื่องหมายจราจร"ย่อมหมายความว่า วินาศภัยที่ผู้รับประกันภัยจะไม่ต้องรับผิดในความเสียหาย ก็เฉพาะแต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเพราะเหตุที่ผู้ขับขี่จงใจฝ่าฝืนกฎหมายหรือคำสั่งหรือเครื่องหมายจราจรเท่านั้น การที่คนขับรถของผู้เอาประกันภัยขับรถคันที่เอาประกันภัยไปในทางที่ยังไม่เปิดใช้เป็นทางจราจร แม้จะมีเครื่องหมายของพนักงานจราจรห้ามมิให้รถเข้าไปแล่นก็ตาม แต่เมื่อการขับรถเข้าไปในทางนั้นไม่ใช่เหตุให้เกิดรถชนกัน เพราะรถชนกันบนถนนส่วนที่เปิดใช้แล้ว ผูรับประกันภัยก็จะยกเหตุดังกล่าวมาปัดความรับผิดไม่ได้
of 86