พบผลลัพธ์ทั้งหมด 854 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1145/2510
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเอาที่ดินใช้หนี้เงินกู้ที่จำนองเป็นประกัน ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งฯ มาตรา 656 วรรคสอง โจทก์ไม่อาจบังคับให้โอนกรรมสิทธิ์ได้
หนังสือสัญญามีข้อความกล่าวเท้าถึงการจำนองที่โจทก์จำเลยทำกันไว้แต่เดิม จึงเห็นได้ว่า คู่กรณียังรับรองสัญญาจำนองที่ทำไว้เดิมแม้สัญญาจำนองจะมีกำหนดไถ่ถอนคืนกันภายใน 3 ปี เมื่อครบกำหนดโจทก์ยังมิได้ใช้สิทธิบังคับจำนอง ข้อความตามสัญญาฉบับหลังมีความว่าข้าพเจ้านายเวสขอทำสัญญารับเงินเพิ่มให้นายขาวซึ่งเป็นผู้รับจำนองที่ดินนาและสวนไว้ และมีข้อความยืนยันเพิ่มต่อไปในข้อ 1 แห่งสัญญาว่า'ขอรับเงินเพิ่มอีก 3,768 บาท' และยังมีข้อสัญญาต่อไปอีกว่า ยอมให้จำเลยนำเงินที่จำนองเดิมกับเงินที่รับเพิ่มไปใหม่อีก 3,768 บาท มาใช้คืนแก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้รับจำนองได้ต่อไปอีกภายใน 2 ปี แสดงว่าโจทก์ยินยอมให้จำเลยซึ่งเป็นผู้จำนองเอาเงินมาไถ่คืนไปได้ หาใช่ว่าจำเลยยอมตกลงจะขายที่ดินที่จำนองให้แก่โจทก์แต่อย่างเดียวไม่และข้อ 2 แห่งสัญญายังมีข้อความอีกว่า ให้ท่าน(โจทก์) เข้าครอบครองเก็บผลไม้ในสวนและทำนาแทนดอกเบี้ยและเงินเพิ่มต่อไป อันเห็นได้ว่าเป็นเรื่องที่จำเลยมอบที่ดินให้ไว้เพื่อเป็นประกันเงิน ที่รับไปโดยการจำนอง
การเอาที่ดินใช้หนี้เงินกู้ที่จำนองเป็นประกัน ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 วรรคสอง ผู้รับจำนองจึงไม่อาจขอให้บังคับผู้จำนองให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่จำนองไว้นั้นได้
การเอาที่ดินใช้หนี้เงินกู้ที่จำนองเป็นประกัน ขัดต่อประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 656 วรรคสอง ผู้รับจำนองจึงไม่อาจขอให้บังคับผู้จำนองให้โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินที่จำนองไว้นั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วนของเจ้าของร่วม สัญญาชัดเจนถึงส่วนที่จะขาย แม้มีการเช่าปลูกอาคารไว้ก่อน
สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีความว่า "ผู้ขายเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดที่ 9017 ร่วมกับผู้อื่นรวม 6 คน บัดนี้ ผู้ขายตกลงขายกรรมสิทธิ์ที่ดินเฉพาะส่วนของผู้ขายซึ่งมีอยู่ในโฉนดดังกล่าวแล้วแก่ผู้ซื้อในราคา 50,000 บาท การโอนที่ดินเฉพาะส่วนทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะทำการโอนและรับโอนภายในเวลา 2 ปี ที่ดินส่วนของผู้ขายที่จะขายนั้น ผู้ซื้อได้เช่าปลูกอาคารลงไว้แล้วก่อนวันทำสัญญานี้" ดังนี้ สัญญามีความหมายชัดเจนว่า โจทก์ซื้อเฉพาะส่วนของจำเลยที่มีอยู่ในโฉนดรวมกับผู้อื่นอีก 5 คน ส่วนของจำเลยนี้ก็คือหนึ่งในหกของที่ดินทั้งหมด ไม่มีข้อความตอนใดที่แสดงว่าหนึ่งในหกของที่ดินตอนที่โจทก์เช่าปลูกอาคารไว้แล้ว.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 558/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดินเฉพาะส่วนในโฉนดร่วม: การตีความสัญญาและการโอนกรรมสิทธิ์
สัญญาระหว่างโจทก์จำเลยมีความว่า 'ผู้ขายเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดที่ 9017 ร่วมกับผู้อื่นรวม 6 คนบัดนี้ ผู้ขายตกลงขายกรรมสิทธิ์ที่ดินเฉพาะส่วนของผู้ขายซึ่งมีอยู่ในโฉนดดังกล่าวแล้วแก่ผู้ซื้อในราคา 50,000 บาท การโอนที่ดินเฉพาะส่วนทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะทำการโอนและรับโอนภายในเวลา 2 ปีที่ดินส่วนของผู้ขายที่จะขายนั้น ผู้ซื้อได้เช่าปลูกอาคารลงไว้แล้วก่อนวันทำสัญญานี้' ดังนี้ สัญญามีความหมายชัดเจนว่าโจทก์ซื้อเฉพาะส่วนของจำเลยที่มีอยู่ในโฉนดรวมกับผู้อื่นอีก 5 คน ส่วนของจำเลยนี้ก็คือหนึ่งในหกของที่ดินทั้งหมด ไม่มีข้อความตอนใดที่แสดงว่าหนึ่งในหกของที่ดินตอนที่โจทก์เช่าปลูกอาคารไว้แล้ว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511-512/2509 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัคคีภัยทำให้ตึกสิ้นสภาพ สัญญาเช่าระงับตามข้อตกลง
ในสัญญาเช่ามีข้อความว่า "ถ้าห้องเช่าเกิดอัคคีภัยขึ้น สัญญาเช่าเป็นอันระงับสิ้นสุดลง"
ปรากฏว่าห้องพิพาทสองห้องเป็นตึก 3 ชั้น ห้องแรกชั้น 3 ไฟไหม้หมด ชั้น 2 ผนังอิฐเหลืออยู่ 2 ด้าน มีรอยร้าวบ้าง กะเทาะบ้าง ผนังตึกอีก 2 ด้านเป็นไม้ไหม้หมด เพดานไหม้หมด ผู้เช่าเอาสังกะสีมุงไว้แทน พื้นห้องเป็นไม้ไหม้เกรียมบางส่วนมีรอยไฟไหม้ทะลุกว้าง 1 ศอก ยาว 1 วา ชั้นล่าง ขณะนี้ยังเปิดทำการค้าอยู่ ตู้โชว์สินค้าอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้ตลอดแต่เดิม เดิมมีครัว 2 ชั้น ครัวชั้นบนไหม้หมด ทางเดินไปครัวจากพื้นชั้นสองก็ไหม้เกรียม รอดรองรับไม้ก็ไหม้เกรียม บันไดทางขึ้นจากชั้นล่างไปชั้น 2 ไหม้หมด ประตูครัวชั้นล่างที่เปิดออกไปด้านหลังไหม้หมด เหลือแต่ลูกกรงเหล็กด้านข้างของทางเดินไปห้องครัวซึ่งเป็นฝาไม้ ตรงช่องลมไหม้ครึ่งหนึ่ง ฝาไม้ชั้นล่างไม่ไหม้
ห้องพิพาทอีกห้องหนึ่งชั้น 2-3 ไฟไหม้หมด เหลือแต่พื้นไม้ชั้น 2 ไหม้เกรียม 50 % และมีช่องโหว่กว้าง 3 นิ้วฟุต ยาว 2 ฟุต ที่พื้นมีสังกะสีตีตะปูปิดไว้ กันน้ำฝนรั่วไหล โดยผู้เช่าทำไว้ ผนังด้านหน้าเป็นอิฐยังเหลืออยู่ มีรอยร้าวบ้าง ชั้นล่างอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้แต่เดิมตลอดบันไดชั้นล่างขึ้นไปชั้น 2 ไหม้หมด ครัวเดิมมี 2 ชั้น ครัวชั้นบนไหม้หมด ประตูห้องครัวชั้นล่างที่ออกไปด้านหลังไหม้หมด และไม่มีประตูลูกกรงเหล็ก ผนังครัวที่เป็นอิฐมีรอยร้าว ดังนี้ ถือว่าตึกพิพาทเกิดอัคคีภัยจนสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้เป็นที่อยู่อาศัย และสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้ประกอบการค้าแล้ว สัญญาเช่าจึงเป็นอันระงับไปตามสัญญาเช่า
ปรากฏว่าห้องพิพาทสองห้องเป็นตึก 3 ชั้น ห้องแรกชั้น 3 ไฟไหม้หมด ชั้น 2 ผนังอิฐเหลืออยู่ 2 ด้าน มีรอยร้าวบ้าง กะเทาะบ้าง ผนังตึกอีก 2 ด้านเป็นไม้ไหม้หมด เพดานไหม้หมด ผู้เช่าเอาสังกะสีมุงไว้แทน พื้นห้องเป็นไม้ไหม้เกรียมบางส่วนมีรอยไฟไหม้ทะลุกว้าง 1 ศอก ยาว 1 วา ชั้นล่าง ขณะนี้ยังเปิดทำการค้าอยู่ ตู้โชว์สินค้าอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้ตลอดแต่เดิม เดิมมีครัว 2 ชั้น ครัวชั้นบนไหม้หมด ทางเดินไปครัวจากพื้นชั้นสองก็ไหม้เกรียม รอดรองรับไม้ก็ไหม้เกรียม บันไดทางขึ้นจากชั้นล่างไปชั้น 2 ไหม้หมด ประตูครัวชั้นล่างที่เปิดออกไปด้านหลังไหม้หมด เหลือแต่ลูกกรงเหล็กด้านข้างของทางเดินไปห้องครัวซึ่งเป็นฝาไม้ ตรงช่องลมไหม้ครึ่งหนึ่ง ฝาไม้ชั้นล่างไม่ไหม้
ห้องพิพาทอีกห้องหนึ่งชั้น 2-3 ไฟไหม้หมด เหลือแต่พื้นไม้ชั้น 2 ไหม้เกรียม 50 % และมีช่องโหว่กว้าง 3 นิ้วฟุต ยาว 2 ฟุต ที่พื้นมีสังกะสีตีตะปูปิดไว้ กันน้ำฝนรั่วไหล โดยผู้เช่าทำไว้ ผนังด้านหน้าเป็นอิฐยังเหลืออยู่ มีรอยร้าวบ้าง ชั้นล่างอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้แต่เดิมตลอดบันไดชั้นล่างขึ้นไปชั้น 2 ไหม้หมด ครัวเดิมมี 2 ชั้น ครัวชั้นบนไหม้หมด ประตูห้องครัวชั้นล่างที่ออกไปด้านหลังไหม้หมด และไม่มีประตูลูกกรงเหล็ก ผนังครัวที่เป็นอิฐมีรอยร้าว ดังนี้ ถือว่าตึกพิพาทเกิดอัคคีภัยจนสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้เป็นที่อยู่อาศัย และสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้ประกอบการค้าแล้ว สัญญาเช่าจึงเป็นอันระงับไปตามสัญญาเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 511-512/2509
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อัคคีภัยทำให้ตึกสิ้นสภาพ สัญญาเช่าระงับตามข้อตกลง
ในสัญญาเช่ามีข้อความว่า 'ถ้าห้องเช่าเกิดอัคคีภัยขึ้นสัญญาเช่าเป็นอันระงับสิ้นสุดลง'
ปรากฏว่าห้องพิพาทสองห้องเป็นตึก 3 ชั้น ห้องแรกชั้น 3 ไฟไหม้หมด ชั้น 2 ผนังอิฐเหลืออยู่ 2 ด้านมีรอยร้าวบ้าง กระเทาะบ้าง ผนังตึกอีก 2 ด้านเป็นไม้ไหม้หมดเพดานไหม้หมดผู้เช่าเอาสังกะสีมุงไว้แทนพื้นห้องเป็นไม้ไหม้เกรียมบางส่วนมีรอยไฟไหม้ทะลุกว้าง 1 ศอก ยาว 1 วา ชั้นล่างขณะนี้ยังเปิดทำการค้าอยู่ตู้โชว์สินค้าอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้ตลอดแต่เดิม เดิมมีครัว 2 ชั้น ครัวชั้นบนไหม้หมดทางเดินไปครัวจากพื้นชั้นสองก็ไหม้เกรียมรอดรองรับไว้ก็ไหม้เกรียม บันไดทางขึ้นจากชั้นล่างไปชั้น 2ไหม้หมด ประตูครัวชั้นล่างที่เปิดออกไปด้านหลังไหม้หมด เหลือแต่ลูกกรงเหล็กด้านข้างของทางเดินไปห้องครัวซึ่งเป็นฝาไม้ตรงช่องลมไหม้ครึ่งหนึ่ง ฝาไม้ชั้นล่างไม่ไหม้
ห้องพิพาทอีกห้องหนึ่งชั้น 2-3 ไฟไหม้หมดเหลือแต่พื้นไม้ชั้น 2 ไหม้เกรียม 50% และมีช่องโหว่กว้าง 3 นิ้วฟุต ยาว 2 ฟุตที่พื้นมีสังกะสีตีตะปูปิดไว้ กันน้ำฝนรั่วไหลโดยผู้เช่าทำไว้ ผนังด้านหน้าเป็นอิฐยังเหลืออยู่ มีรอยร้าวบ้าง ชั้นล่างอยู่ในสภาพเรียบร้อยตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้แต่เดิมตลอดบันไดชั้นล่างขึ้นไปชั้น 2 ไหม้หมด ครัวเดิมมี 2 ชั้นครัวชั้นบนไม้หมด ประตูห้องครัวชั้นล่างที่ออกไปด้านหลังไหม้หมด และไม่มีประตูลูกกรงเหล็ก ผนังครัวที่เป็นอิฐมีรอยร้าว ดังนี้ ถือว่าตึกพิพาทเกิดอัคคีภัยจนสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้เป็นที่อยู่อาศัย และสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้ประกอบการค้าแล้ว สัญญาเช่าจึงเป็นอันระงับไปตามสัญญาเช่า
ปรากฏว่าห้องพิพาทสองห้องเป็นตึก 3 ชั้น ห้องแรกชั้น 3 ไฟไหม้หมด ชั้น 2 ผนังอิฐเหลืออยู่ 2 ด้านมีรอยร้าวบ้าง กระเทาะบ้าง ผนังตึกอีก 2 ด้านเป็นไม้ไหม้หมดเพดานไหม้หมดผู้เช่าเอาสังกะสีมุงไว้แทนพื้นห้องเป็นไม้ไหม้เกรียมบางส่วนมีรอยไฟไหม้ทะลุกว้าง 1 ศอก ยาว 1 วา ชั้นล่างขณะนี้ยังเปิดทำการค้าอยู่ตู้โชว์สินค้าอยู่ในสภาพเรียบร้อย ตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้ตลอดแต่เดิม เดิมมีครัว 2 ชั้น ครัวชั้นบนไหม้หมดทางเดินไปครัวจากพื้นชั้นสองก็ไหม้เกรียมรอดรองรับไว้ก็ไหม้เกรียม บันไดทางขึ้นจากชั้นล่างไปชั้น 2ไหม้หมด ประตูครัวชั้นล่างที่เปิดออกไปด้านหลังไหม้หมด เหลือแต่ลูกกรงเหล็กด้านข้างของทางเดินไปห้องครัวซึ่งเป็นฝาไม้ตรงช่องลมไหม้ครึ่งหนึ่ง ฝาไม้ชั้นล่างไม่ไหม้
ห้องพิพาทอีกห้องหนึ่งชั้น 2-3 ไฟไหม้หมดเหลือแต่พื้นไม้ชั้น 2 ไหม้เกรียม 50% และมีช่องโหว่กว้าง 3 นิ้วฟุต ยาว 2 ฟุตที่พื้นมีสังกะสีตีตะปูปิดไว้ กันน้ำฝนรั่วไหลโดยผู้เช่าทำไว้ ผนังด้านหน้าเป็นอิฐยังเหลืออยู่ มีรอยร้าวบ้าง ชั้นล่างอยู่ในสภาพเรียบร้อยตรงเพดานมีไม้อัดตีไว้แต่เดิมตลอดบันไดชั้นล่างขึ้นไปชั้น 2 ไหม้หมด ครัวเดิมมี 2 ชั้นครัวชั้นบนไม้หมด ประตูห้องครัวชั้นล่างที่ออกไปด้านหลังไหม้หมด และไม่มีประตูลูกกรงเหล็ก ผนังครัวที่เป็นอิฐมีรอยร้าว ดังนี้ ถือว่าตึกพิพาทเกิดอัคคีภัยจนสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้เป็นที่อยู่อาศัย และสิ้นสภาพจากเป็นอาคารที่จะใช้ประกอบการค้าแล้ว สัญญาเช่าจึงเป็นอันระงับไปตามสัญญาเช่า
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2506 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าสวนและการปฏิบัติตามสัญญา: หน้าที่ของผู้เช่าในการปลูกทุเรียนตามวัตถุประสงค์ของสัญญา
จำเลยทำสัญญาเช่าสวนส้มของโจทก์มีกำหนด 12 ปี ค่าเช่าปีละ 10 บาท โดยมีข้อสัญญาว่าจำเลยจะต้องปลูกทุเรียนจนเต็มเนื้อที่โดยออกค่าใช้จ่ายเอง และในระหว่างอายุสัญญาเช่า ดอกผลที่ได้จากทุเรียนจะต้องแบ่งกันคนละครึ่งระหว่างโจทก์กับจำเลย โจทก์สงวนสิทธิเก็บดอกผลของต้นไม้บางต้น นอกนั้นยอมให้จำเลยเก็บได้ทั้งสิ้น แม้ตามสัญญาจะมิได้กำหนดว่าจะต้องเริ่มปลูกทุเรียนเมื่อใด แต่เมื่อพิเคราะห์ถึงความประสงค์ของคู่สัญญาประกอบกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 368 แล้ว จำเลยจะต้องปลูกทุเรียนโดยเร็ว ในระยะแรกที่พอปลูกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 245/2506
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าที่ดินเพื่อปลูกทุเรียน: การปฏิบัติตามสัญญาและสิทธิบอกเลิกสัญญา
จำเลยทำสัญญาเช่าสวนส้มของโจทก์มีกำหนด 12 ปี ค่าเช่าปีละ 10 บาท โดยมีข้อสัญญาว่าจำเลยจะต้องปลูกทุเรียนจนเต็มเนื้อที่โดยออกค่าใช้จ่ายเอง และในระหว่างอายุสัญญาเช่า ดอกผลที่ได้จากทุเรียนจะต้องแบ่งกันคนละครึ่งระหว่างโจทก์กับจำเลย โจทก์สงวนสิทธิเก็บดอกผลของต้นไม้บางต้น นอกนั้นยอมให้จำเลยเก็บได้ทั้งสิ้น แม้ตามสัญญาจะมิได้กำหนดว่าจะต้องเริ่มปลูกทุเรียนเมื่อใดแต่เมื่อพิเคราะห์ถึงความประสงค์ของคู่สัญญาประกอบกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 368 แล้ว จำเลยจะต้องปลูกทุเรียนโดยเร็วในระยะแรกที่พอปลูกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1375/2505 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ประเพณีทางการค้าเป็นส่วนหนึ่งของสัญญา แม้ไม่ได้ระบุไว้ชัดเจน หากคู่สัญญาทราบดี
จำเลยรับจองระวางเรือเพื่อขนส่งสินค้าปอของโจทก์จากท่าเรือกรุงเทพฯ ไปเมืองเกาซุง (ไต้หวัน) โดยคิดค่าระวาง 1,000 กิโลกรัมต่อ 40 เหรียญฮ่องกง แต่ในหนังสือรับจองระวางมิได้ระบุว่าโจทก์จะต้องมัดอัดสินค้าปอของโจทก์ให้แน่น ดังนี้ เมื่อมีประเพณีว่าการส่งปอทางเรือไปต่างประเทศ ผู้ส่งจะต้องมัดอัดปอด้วยเครื่องให้แน่นและโจทก์ก็ได้ทราบประเพณีนี้ดีอยู่แล้ว ประเพณีเช่นว่านี้จึงเป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงระหว่างโจทก์จำเลยด้วย หากโจทก์ไม่ปฏิบัติตามประเพณีดังกล่าวจำเลยก็มีสิทธิบอกเลิกสัญญารับจองระวางเรือนั้นได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 548/2504 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อกำหนดในสัญญาแบ่งแยกโฉนดไม่ใช่สาระสำคัญ การไม่ปฏิบัติตามไม่ถือผิดสัญญา
ข้อความในสัญญาอาจมีได้ 2 ประการ คือ ข้อกำหนดอันเป็นสารสำคัญในการแสดงเจตนาตกลงกันประการหนึ่ง กับข้อกำหนดอันเป็นแต่เพียงเพื่อเหตุวิธีการที่จะนำไปสู่ข้อตกลงที่เป็นสารสำคัญแห่งข้อตกลงนั้นอีกประการหนึ่ง การไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดประการหลังนี้ หาทำให้คู่กรณีตกเป็นผู้ผิดสัญญาไม่ถ้าจะต้องรับผิดก็เพียงแต่ชดใช้ค่าเสียหายอันเกิดแต่การนั้นเท่านั้น
ทำสัญญากันว่า ผู้ขายตกลงขายที่ดินให้ผู้ซื้อโดยแบ่งแยกออกเสียก่อน 1 ไร่เพื่อผู้ขายจะขายให้คนอื่น ส่วนที่เหลือ 21 ไร่ขายให้ผู้ซื้อ โดยผู้ขายต้องไปขอแบ่งแยกโฉนดใน 30 วันนั้น ข้อกำหนดที่ผู้ขายต้องแบ่งแยกโฉนดออก 1 ไร่ หาใช่ข้อสารสำคัญที่ผู้ขายจะต้องปฏิบัติการชำระหนี้แก่ผู้ซื้อไม่ ฉะนั้นการที่ผู้ขายไม่ไปขอแบ่งแยกโฉนด แต่ได้ขอโอนที่ดินทั้ง 22 ไร่ ให้ผู้ซื้อโดยไม่คิดราคาเพิ่ม จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนผิดข้อสัญญาอันจะเรียกเอาค่าเสียหายหรือเบี้ยปรับได้
ทำสัญญากันว่า ผู้ขายตกลงขายที่ดินให้ผู้ซื้อโดยแบ่งแยกออกเสียก่อน 1 ไร่เพื่อผู้ขายจะขายให้คนอื่น ส่วนที่เหลือ 21 ไร่ขายให้ผู้ซื้อ โดยผู้ขายต้องไปขอแบ่งแยกโฉนดใน 30 วันนั้น ข้อกำหนดที่ผู้ขายต้องแบ่งแยกโฉนดออก 1 ไร่ หาใช่ข้อสารสำคัญที่ผู้ขายจะต้องปฏิบัติการชำระหนี้แก่ผู้ซื้อไม่ ฉะนั้นการที่ผู้ขายไม่ไปขอแบ่งแยกโฉนด แต่ได้ขอโอนที่ดินทั้ง 22 ไร่ ให้ผู้ซื้อโดยไม่คิดราคาเพิ่ม จึงไม่เป็นการฝ่าฝืนผิดข้อสัญญาอันจะเรียกเอาค่าเสียหายหรือเบี้ยปรับได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 299/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาเช่าช่วงต้องได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่าตามสัญญา หากไม่ได้ขออนุญาต ถือเป็นผิดสัญญา
เมื่อฟ้องโจทก์อาศัยสัญญาเช่าที่ทำกันใหม่ซึ่งมีข้อความบ่งชัดว่า "ผู้เช่าช่วงจะต้องได้รับอนุญาตจากผู้ให้เช่าเป็นหนังสือก่อนจึงจะให้เช่าช่วงได้" ดังนี้ แม้เจ้าของที่ดินเดิมจะได้ยินยอมให้จำเลยให้คนอื่นเช่าช่วงห้องของจำเลยที่ปลูกในที่ดินนั้นแล้วที่ดินจึงได้โอนมายังโจทก์ก็ตาม จำเลยมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามสัญญาใหม่ที่ทำไว้กับโจทก์ เมื่อไม่ได้รับอนุญาตในเรื่องเช่าช่วง จึงถือว่าจำเลยผิดสัญญาโจทก์มีสิทธิบอกเลิกสัญญาได้
วัตถุประสงค์ของสัญญาดังกล่าว ชอบด้วยกฎหมายและไม่เกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยของประชาชน
วัตถุประสงค์ของสัญญาดังกล่าว ชอบด้วยกฎหมายและไม่เกี่ยวแก่ความสงบเรียบร้อยของประชาชน