คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 132

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 360 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 111/2530

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การทิ้งอุทธรณ์เนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งสำเนาอุทธรณ์และไม่ได้ดำเนินการตามกำหนด
ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของจำเลย และสั่งให้จำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ภายในวันที่ 21 มกราคม 2528 หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 7 วันนับแต่วันส่งไม่ได้ พนักงานเดินหมายไปส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ให้ทนายโจทก์เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2528 ต่อมาวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2528 จำเลยยื่นคำแถลงว่าได้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ทนายโจทก์แล้วแต่ส่งให้ไม่ได้ขอให้ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์ใหม่ ซึ่งแสดงว่าจำเลยได้ทราบผลการส่งสำเนาอุทธรณ์นั้นแล้ว การที่จำเลยไม่แถลงเพื่อดำเนินการต่อไปภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ถือได้ว่าจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เพื่อการนั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ประกอบด้วยมาตรา 246กรณีเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4715/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์ การเข้าใจผิดและการทิ้งฟ้องอุทธรณ์
โจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนคำร้องและส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์แก่จำเลยโดยให้โจทก์นำส่งใน7วันต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงไม่ติดใจขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาต่อไปและได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่10มกราคม2528ให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยแก้ใน15วันโดยให้โจทก์นำส่งใน7วันหมายแจ้งคำสั่งให้ทนายโจทก์ทราบโจทก์ได้ชำระเงินค่าธรรมเนียมในการส่งต่อเจ้าหน้าที่เดินหมายเมื่อวันที่16มกราคม2528แต่พนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาพร้อมกับสำเนาอุทธรณ์ไปส่งแก่จำเลยในวันที่17มกราคม2528โดยพนักงานเดินหมายอาจไม่ทราบว่าได้มีการงดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้วและโจทก์อาจจะเข้าใจผิดว่าการที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ไว้แล้วนั้นเป็นการนำส่งหมายนัดให้จำเลยแก้อุทธรณ์แล้วเพราะโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งดังกล่าวหลังจากศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์แล้วถึง6วันโจทก์จึงมิได้นำส่งอีกแม้ต่อมาภายหลังโจทก์จะได้รับหมายแจ้งคำสั่งให้นำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่งแต่หมายแจ้งคำสั่งดังกล่าวลงวันที่14มกราคม2528ซึ่งเป็นวันก่อนที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์โจทก์จึงอาจเข้าใจได้อีกว่าโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งตามหมายแจ้งคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นแล้วจึงมิได้ติดต่อเพื่อทราบเหตุดังกล่าวจากศาลชั้นต้นอีกตามพฤติการณ์ดังกล่าวเห็นได้ว่ากรณีเป็นการเข้าใจผิดของโจทก์และพนักงานเดินหมายทั้งสำเนาอุทธรณ์ก็ได้ส่งแก่จำเลยแล้วยังไม่ได้ส่งเฉพาะหมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์เท่านั้นซึ่งศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้ออกหมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์แต่อย่างใดดังนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4715/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การนำส่งหมายเรียก/สำเนาอุทธรณ์ล่าช้า/เข้าใจผิด ไม่ถือว่าทิ้งฟ้องอุทธรณ์
โจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนคำร้องและส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์แก่จำเลย โดยให้โจทก์นำส่งใน 7 วัน ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงไม่ติดใจขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาต่อไปและได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 มกราคม 2528 ให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยแก้ใน 15 วัน โดยให้โจทก์นำส่งใน 7 วัน หมายแจ้งคำสั่งให้ทนายโจทก์ทราบ โจทก์ได้ชำระเงินค่าธรรมเนียมในการส่งต่อ เจ้าหน้าที่เดินหมายเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2528 แต่พนักงานเดินหมายได้นำหมายนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาพร้อมกับสำเนาอุทธรณ์ไปส่งแก่จำเลยในวันที่ 17 มกราคม 2528 โดยพนักงานเดินหมายอาจไม่ทราบว่าได้มีการงดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้ว และโจทก์อาจจะเข้าใจผิดว่า การที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ไว้แล้วนั้น เป็นการนำส่งหมายนัดให้จำเลยแก้อุทธรณ์แล้ว เพราะโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งดังกล่าวหลังจากศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์แล้วถึง 6 วันโจทก์จึงมิได้ นำส่งอีก แม้ต่อมาภายหลัง โจทก์จะได้รับหมายแจ้งคำสั่งให้นำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่ง แต่หมายแจ้งคำสั่งดังกล่าวลงวันที่ 14 มกราคม 2528 ซึ่งเป็นวันก่อนที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์โจทก์จึงอาจเข้าใจได้อีกว่าโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งตามหมายแจ้งคำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นแล้ว จึงมิได้ติดต่อเพื่อทราบเหตุดังกล่าวจากศาลชั้นต้นอีก ตามพฤติการณ์ดังกล่าว เห็นได้ว่า กรณีเป็นการเข้าใจผิดของโจทก์และพนักงานเดินหมาย ทั้งสำเนาอุทธรณ์ก็ได้ส่งแก่จำเลยแล้ว ยังไม่ได้ส่งเฉพาะหมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์เท่านั้นซึ่งศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้ออกหมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์แต่อย่างใด ดังนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4715/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายและสำเนาอุทธรณ์ล่าช้า ไม่ถือเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ หากมีเหตุเข้าใจผิดเกิดขึ้น
โจทก์ยื่นฟ้องอุทธรณ์พร้อมกับคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถา ศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนคำร้องและส่งสำเนาคำฟ้องอุทธรณ์แก่จำเลย โดยให้โจทก์นำส่งใน 7 วัน ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงไม่ติดใจขอดำเนินคดี อย่างคนอนาถาต่อไปและได้นำเงินค่าธรรมเนียมมาชำระ ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2528 ให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้ จำเลยแก้ใน 15 วัน โดยให้โจทก์นำส่งใน 7 วัน หมายแจ้งคำสั่ง ให้ทนายโจทก์ทราบ โจทก์ได้ชำระเงินค่าธรรมเนียมในการส่งต่อ เจ้าหน้าที่เดินหมายเมื่อวันที่16 มกราคม 2528 แต่พนักงานเดินหมายได้นำ หมายนัดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาพร้อมกับสำเนาอุทธรณ์ไปส่งแก่จำเลยในวันที่ 17 มกราคม 2528 โดยพนักงานเดินหมายอาจไม่ทราบว่าได้มีการงดไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาแล้ว และโจทก์อาจจะเข้าใจผิดว่า การที่โจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการ นำ ส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์ไว้แล้วนั้น เป็นการนำส่งหมายนัดให้จำเลยแก้อุทธรณ์แล้วเพราะโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งดังกล่าว หลังจากศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์แล้วถึง 6 วันโจทก์จึงมิได้ นำส่งอีก แม้ต่อมาภายหลัง โจทก์จะได้รับหมายแจ้งคำสั่งให้นำ ส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์แก่จำเลยอีกครั้งหนึ่ง แต่หมายแจ้งคำสั่ง ดังกล่าวลงวันที่14 มกราคม 2528 ซึ่งเป็นวันก่อนที่โจทก์ได้ชำระ ค่าธรรมเนียมในการนำส่งหมายนัดและสำเนาอุทธรณ์โจทก์จึงอาจเข้าใจได้อีกว่าโจทก์ได้ชำระค่าธรรมเนียมในการนำส่งตามหมายแจ้งคำสั่ง ของศาลชั้นต้นนั้นแล้ว จึงมิได้ติดต่อเพื่อทราบเหตุดังกล่าวจากศาลชั้นต้นอีก ตามพฤติการณ์ดังกล่าว เห็นได้ว่า กรณีเป็นการเข้าใจผิดของโจทก์และพนักงานเดินหมาย ทั้งสำเนาอุทธรณ์ก็ได้ส่งแก่จำเลยแล้วยังไม่ได้ส่งเฉพาะ หมายเรียกให้จำเลยแก้อุทธรณ์เท่านั้นซึ่งศาลชั้นต้นก็มิได้สั่งให้ออกหมายเรียก ให้จำเลยแก้อุทธรณ์แต่อย่างใด ดังนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้องอุทธรณ์ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3668/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การปฏิบัติตามคำสั่งศาลและการทิ้งฟ้อง: จำเลยวางเงินค่าขึ้นศาลก่อนกำหนด จึงไม่ถือว่าทิ้งฟ้อง
จำเลยได้นำเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนที่ยังขาดมาวางศาลตามคำสั่งของศาลชั้นต้นก่อนวันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดจำเลยซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์มิได้เพิกเฉยไม่ดำเนินการภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรแสดงว่ากำหนดไว้เพื่อการนั้นโดยได้ส่งคำสั่งให้ทราบโดยชอบแล้วจึงถือไม่ได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์ทิ้งฟ้องตามมาตรา174(2)แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3668/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การวางเงินค่าขึ้นศาลก่อนกำหนด ไม่ถือเป็นการทิ้งฟ้อง แม้จะเกิดข้อผิดพลาดในการดำเนินการของเจ้าหน้าที่
จำเลยได้นำเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนที่ยังขาดมาวางศาลตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ก่อนวันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดจำเลยซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์มิได้เพิกเฉยไม่ดำเนินการภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควร แสดงว่ากำหนดไว้เพื่อการนั้น โดยได้ส่งคำสั่งให้ทราบโดยชอบแล้ว จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174 (2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3668/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การชำระค่าขึ้นศาลและการทิ้งฟ้อง: จำเลยปฏิบัติตามคำสั่งศาลโดยเจตนา แม้มีการวางเงินผิดประเภท
จำเลยได้นำเงินค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนที่ยังขาดมาวางศาลตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ก่อนวันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดจำเลยซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์มิได้เพิกเฉยไม่ดำเนินการภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควร แสดงว่ากำหนดไว้เพื่อการนั้น โดยได้ส่งคำสั่งให้ทราบโดยชอบแล้ว จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์ทิ้งฟ้องตามมาตรา 174(2)แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3497-3501/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาเรื่องคำสั่งรื้อถอนที่ไม่เกี่ยวข้องกับจำเลย และการสืบพยานเพิ่มเติมที่ศาลชั้นต้นดำเนินการแล้ว
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นซึ่งมิได้ถูกฟ้องด้วยเป็นการไม่ชอบ หาได้ฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยไม่ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นด้วย มิได้กระทบกระเทือนสิทธิหน้าที่จำเลยเพิ่มขึ้นแต่อย่างใดฎีกาของจำเลยจึงไม่ชอบที่ศาลฎีกาจะรับไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องสืบพยานต่อไป เมื่อปรากฏว่าหลังจากมีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยจนเสร็จสิ้น และได้พิพากษาคดีใหม่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยอีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3497-3501/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาไม่รับพิจารณาเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาโดยชอบแล้ว และการสืบพยานเพิ่มเติมไม่จำเป็น
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลย ซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 จำเลยฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นซึ่งมิได้ถูกฟ้องด้วยเป็นการไม่ชอบ หาได้ฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยไม่ การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นด้วยมิได้กระทบกระเทือนสิทธิหน้าที่จำเลยเพิ่มขึ้นแต่อย่างใดฎีกาของจำเลยจึงไม่ชอบที่ศาลฎีกาจะรับไว้พิจารณา
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี จำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องสืบพยานต่อไปเมื่อปรากฏว่าหลังจากมีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยจนเสร็จสิ้น และได้พิพากษาคดีใหม่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยอีกต่อไป

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3497-3501/2529

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์: จำเลยต้องโต้แย้งประเด็นที่กระทบสิทธิหน้าที่โดยตรง และการสืบพยานเพิ่มเติม
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยซึ่งเป็นคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารพ.ศ.2522จำเลยฎีกาว่าศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นซึ่งมิได้ถูกฟ้องด้วยเป็นการไม่ชอบหาได้ฎีกาโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยไม่การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งของเจ้าพนักงานท้องถิ่นด้วยมิได้กระทบกระเทือนสิทธิหน้าที่จำเลยเพิ่มขึ้นแต่อย่างใดฎีกาของจำเลยจึงไม่ชอบที่ศาลฎีกาจะรับไว้พิจารณา ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นสืบพยานต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีจำเลยฎีกาว่าข้อเท็จจริงเพียงพอแก่การวินิจฉัยคดีแล้วไม่จำเป็นต้องสืบพยานต่อไปเมื่อปรากฏว่าหลังจากมีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ศาลชั้นต้นได้ดำเนินการสืบพยานโจทก์จำเลยจนเสร็จสิ้นและได้พิพากษาคดีใหม่แล้วจึงไม่มีความจำเป็นที่ศาลฎีกาจะต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยอีกต่อไป.
of 36