พบผลลัพธ์ทั้งหมด 360 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 872/2526
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาซื้อขายถ่านสังเคราะห์, การผิดสัญญา, ค่าเสียหาย, และการทิ้งฟ้องอุทธรณ์
การทิ้งฟ้อง กฎหมายไม่ได้บังคับให้จำต้องจำหน่ายคดีเสมอไป แม้โจทก์ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้นที่กำหนดให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยภายใน 7 วัน แต่เมื่อโจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์มาให้ศาลแพ่งจัดการให้ ศาลชั้นต้นซึ่งถือว่าทำการแทนศาลอุทธรณ์ ก็สั่งว่าจัดการให้ แล้วต่อมาศาลอุทธรณ์ก็มิได้จำหน่ายคดี ของโจทก์ตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 133 ให้อำนาจไว้ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีของโจทก์ต่อมาจึงถือว่าเป็นการกระทำโดยชอบ
โจทก์เป็นผู้มีสิทธิซื้อถ่านสังเคราะห์จากบริษัท ด.จำกัด จำเลยทำสัญญาขอรับโอนสิทธิการซื้อถ่านสังเคราะห์จากโจทก์โดยให้ค่าตอบแทนสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่ง จึงเป็นสัญญาที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เมื่อจำเลยผิดสัญญาโจทก์ชอบที่จะบังคับตามสัญญาได้ และไม่จำต้องวินิจฉัยว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่หรือไม่
ข้อสัญญาที่ว่าหากจำเลยไม่ชำระค่าตอบแทนให้เสร็จในกำหนดตามสัญญาถือว่าสัญญาสิ้นผลบังคับ และจำเลยยินยอมชดใช้เบี้ยปรับแก่โจทก์ ดังนั้นเมื่อจำเลยผิดสัญญาจำเลยจะอ้างสิทธิรับซื้อถ่านสังเคราะห์ในนามโจทก์ต่อไปไม่ได้ กับต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามที่กำหนดไว้เป็นเบี้ยปรับ และสัญญาดังกล่าวมิใช่สัญญาที่มีเงื่อนไขบังคับก่อนที่จะสำเร็จหรือไม่สุดแต่ใจลูกหนี้
โจทก์เป็นผู้มีสิทธิซื้อถ่านสังเคราะห์จากบริษัท ด.จำกัด จำเลยทำสัญญาขอรับโอนสิทธิการซื้อถ่านสังเคราะห์จากโจทก์โดยให้ค่าตอบแทนสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นสัญญาต่างตอบแทนอย่างหนึ่ง จึงเป็นสัญญาที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เมื่อจำเลยผิดสัญญาโจทก์ชอบที่จะบังคับตามสัญญาได้ และไม่จำต้องวินิจฉัยว่าเป็นเรื่องแปลงหนี้ใหม่หรือไม่
ข้อสัญญาที่ว่าหากจำเลยไม่ชำระค่าตอบแทนให้เสร็จในกำหนดตามสัญญาถือว่าสัญญาสิ้นผลบังคับ และจำเลยยินยอมชดใช้เบี้ยปรับแก่โจทก์ ดังนั้นเมื่อจำเลยผิดสัญญาจำเลยจะอ้างสิทธิรับซื้อถ่านสังเคราะห์ในนามโจทก์ต่อไปไม่ได้ กับต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามที่กำหนดไว้เป็นเบี้ยปรับ และสัญญาดังกล่าวมิใช่สัญญาที่มีเงื่อนไขบังคับก่อนที่จะสำเร็จหรือไม่สุดแต่ใจลูกหนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3872/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความ: ผลผูกพัน, การปฏิบัติตามสัญญา, และผลกระทบต่อข้อพิพาทที่ระงับแล้ว
เมื่อได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันแล้ว ข้อพิพาทซึ่งได้ฟ้องร้องกันไว้ก่อนทำสัญญาย่อมระงับสิ้นไปด้วย เว้นแต่จะได้ระบุเป็นข้อยกเว้นไว้
เมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความแต่ละข้อมีความสมบูรณ์เป็นเอกเทศต่างหากจากกัน มิได้เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องปฏิบัติตอบแทนกัน แม้ฝ่ายหนึ่งปฏิบัติผิดสัญญาข้อหนึ่งก็หาเป็นผลให้ข้อพิพาทซึ่งระงับสิ้นไปแล้วตามสัญญาอีกข้อหนึ่งยังไม่ระงับไปไม่
เมื่อศาลได้วินิจฉัยถึงเนื้อหาแห่งคดีเห็นว่า สิทธิในการดำเนินคดีต่อไป หรืออำนาจฟ้องของโจทก์ระงับสิ้นลงโดยผลแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์จำเลยได้ตกลงกันทำขึ้นภายหลังฟ้องคดี ซึ่งศาลไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ จึงชอบที่ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์
เมื่อสัญญาประนีประนอมยอมความแต่ละข้อมีความสมบูรณ์เป็นเอกเทศต่างหากจากกัน มิได้เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องปฏิบัติตอบแทนกัน แม้ฝ่ายหนึ่งปฏิบัติผิดสัญญาข้อหนึ่งก็หาเป็นผลให้ข้อพิพาทซึ่งระงับสิ้นไปแล้วตามสัญญาอีกข้อหนึ่งยังไม่ระงับไปไม่
เมื่อศาลได้วินิจฉัยถึงเนื้อหาแห่งคดีเห็นว่า สิทธิในการดำเนินคดีต่อไป หรืออำนาจฟ้องของโจทก์ระงับสิ้นลงโดยผลแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความที่โจทก์จำเลยได้ตกลงกันทำขึ้นภายหลังฟ้องคดี ซึ่งศาลไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ จึงชอบที่ศาลจะพิพากษายกฟ้องโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2975/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจศาลในการจำหน่ายคดีและการแสดงเจตนาดำเนินคดีของโจทก์
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 เป็นบทบัญญัติที่ให้ศาลใช้ดุลพินิจในกรณีที่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ มิได้บังคับเด็ดขาดว่าต้องจำหน่ายคดี
โจทก์ไม่จัดการนำส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยภายในกำหนด 7วัน นับแต่วันออกหมายตามที่ศาลชั้นต้นสั่ง ก่อนศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีโจทก์ได้ยื่นคำร้องว่าจะนำส่งหมายเรียกให้จำเลย ขอเลื่อนวันนัดสืบพยานโจทก์เพื่อให้ระยะเวลาการส่งหมายเรียกให้จำเลยเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย แสดงว่าโจทก์ยังติดใจดำเนินคดีต่อไป เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรจำหน่ายคดี
โจทก์ไม่จัดการนำส่งหมายเรียกให้แก่จำเลยภายในกำหนด 7วัน นับแต่วันออกหมายตามที่ศาลชั้นต้นสั่ง ก่อนศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีโจทก์ได้ยื่นคำร้องว่าจะนำส่งหมายเรียกให้จำเลย ขอเลื่อนวันนัดสืบพยานโจทก์เพื่อให้ระยะเวลาการส่งหมายเรียกให้จำเลยเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย แสดงว่าโจทก์ยังติดใจดำเนินคดีต่อไป เป็นพฤติการณ์ที่ยังไม่สมควรจำหน่ายคดี
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 421/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีชั่วคราวเพื่อรอฟังผลคดีอื่น ไม่ถือเป็นการสิ้นสุดการพิจารณา โจทก์มีสิทธิขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา
คำว่า 'การพิจารณา' ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 1(8) หมายความว่า กระบวนการพิจารณาทั้งหมดในศาลใดศาลหนึ่งก่อนศาลนั้นชี้ขาดตัดสินหรือจำหน่ายคดีโดยคำพิพากษาหรือคำสั่ง และการจำหน่ายคดีนั้นหมายถึง การที่ศาลมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 ซึ่งมีผลให้คดีเสร็จเด็ดขาดไปจากศาลที่มีคำสั่งให้จำหน่ายคดีนั้น
การที่คู่ความร้องขอให้ศาลชั้นต้นรอฟังผลของคำพิพากษาในคดีอื่นเพื่ออาศัยเป็นหลักในการชี้ขาดตัดสินคดีนี้เป็นการร้องขอให้ศาลเลื่อนการนั่งพิจารณาไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 39 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีนี้ชั่วคราวจึงมีผลเท่ากับมีคำสั่งให้เลื่อนการนั่งพิจารณาไปนั่นเอง หาใช่เป็นการสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 ไม่ คดีจึงยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้เริ่มการนั่งพิจารณาต่อไปในวันใด ๆ ตามที่เห็นสมควรก็ได้ดังนั้นโจทก์ย่อมมีสิทธิร้องขอในเวลาใด ๆ ก่อนคำพิพากษาเพื่อให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองอย่างใด ๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 และมีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 ได้ด้วย
การที่คู่ความร้องขอให้ศาลชั้นต้นรอฟังผลของคำพิพากษาในคดีอื่นเพื่ออาศัยเป็นหลักในการชี้ขาดตัดสินคดีนี้เป็นการร้องขอให้ศาลเลื่อนการนั่งพิจารณาไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 39 ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีนี้ชั่วคราวจึงมีผลเท่ากับมีคำสั่งให้เลื่อนการนั่งพิจารณาไปนั่นเอง หาใช่เป็นการสั่งจำหน่ายคดีเสียจากสารบบความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 ไม่ คดีจึงยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ซึ่งศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งให้เริ่มการนั่งพิจารณาต่อไปในวันใด ๆ ตามที่เห็นสมควรก็ได้ดังนั้นโจทก์ย่อมมีสิทธิร้องขอในเวลาใด ๆ ก่อนคำพิพากษาเพื่อให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองอย่างใด ๆ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 และมีสิทธิร้องขอให้ศาลมีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 ได้ด้วย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องคดีอาญาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลในการส่งหมายเรียกภายในกำหนด
คดีอาญาศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง ให้โจทก์ส่งหมายเรียกแก่จำเลยภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 7 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง แม้ถึงหากโจทก์หรือผู้แทนโจทก์จะมิได้นำเจ้าหน้าที่ศาลไปส่งหมายเรียกแก่จำเลย กรณีก็เป็นเรื่องที่โจทก์มิได้นำส่งหมายเรียกแก่จำเลยภายใน 7 วัน ตามคำสั่งศาลถือได้ว่าโจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้ เป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 174(2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 198/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การทิ้งฟ้องคดีอาญาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลเรื่องการส่งหมายเรียกภายในกำหนด
คดีอาญาศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง ให้โจทก์ส่งหมายเรียกแก่จำเลยภายใน 7 วัน หากส่งไม่ได้ให้แถลงภายใน 7 วัน มิฉะนั้นจะถือว่าโจทก์ทิ้งฟ้อง แม้ถึงหากโจทก์หรือผู้แทนโจทก์จะมิได้นำเจ้าหน้าที่ศาลไปส่งหมายเรียกแก่จำเลย กรณีก็เป็นเรื่องที่โจทก์มิได้นำส่งหมายเรียกแก่จำเลยภายใน 7 วัน ตามคำสั่งศาล ถือได้ว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลเห็นสมควรกำหนดไว้ เป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 923/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนังสือค้ำประกันที่แท้จริงเป็นหลักฐานสำคัญในการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้ค้ำประกัน แม้จะมีสำเนาปลอม
จำเลยที่ 1 ไปติดต่อขอซื้อเชื้อน้ำมันจากโจทก์ โจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อแต่ต้องมีธนาคารค้ำประกัน จำเลยที่ 2 ออกหนังสือค้ำประกันชำระราคาค่าน้ำมันของจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์และมอบให้ บ.รับไป ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 นำหนังสือค้ำประกันมีลายมือชื่อผู้ค้ำประกันปลอมไปมอบให้โจทก์ โจทก์เข้าใจว่าเป็นหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงของจำเลยที่ 2 จึงให้จำเลยที่ 1 ซื้อเชื่อน้ำมันไป ต่อมา บ.นำหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงไปคืนจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 สอบถามไปยังโจทก์ โจทก์แจ้งว่าหนังสือค้ำประกันของจำเลยอยู่ที่โจทก์ จำเลยที่ 1 ไม่ชำระราคาน้ำมัน โจทก์จึงฟ้องขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันดังกล่าว ดังนี้ เมื่อโจทก์กล่าวมาในฟ้องแจ้งชัดขอให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันฉบับที่แท้จริง จำเลยที่ 2 ก็รับว่าได้ออกหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงแก่โจทก์ทั้งโจทก์ยังได้อ้างส่งหนังสือค้ำประกันฉบับนั้นเป็นพยานต่อศาลในชั้นพิจารณาด้วย แม้โจทก์จะคัดสำเนาหนังสือค้ำประกันฉบับที่จำเลยที่ 1 นำมามอบแก่โจทก์อันเป็นสัญญาค้ำประกันปลอม ซึ่งมีข้อความตรงกันกับหนังสือค้ำประกันฉบับที่แท้จริงแนบมาท้ายฟ้อง ก็หามีผลให้เข้าใจว่าโจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 2 รับผิดตามสัญญาค้ำประกันปลอมไม่ ถือได้ว่าการฟ้องคดีของโจทก์มีหลักฐานการค้ำประกันเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ค้ำประกันถูกต้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 680 วรรคท้ายแล้ว
โดยที่หนังสือค้ำประกันข้อ 1 มีข้อความว่า"ตามที่นายป๊วยเคี้ยว แซ่ก้วย สำนักงานเลขที่ ฯลฯ จะซื้อน้ำมันจากบริษัท ฯ ไปจำหน่าย ธนาคารขอเข้ารับภาระค้ำประกันชำระเงินดังกล่าว ภายในวงเงินไม่เกิน 1,500,000 บาท (หนึ่งล้านห้าแสนบาทถ้วน)" และข้อ 3 มีข้อความว่า "หนังสือค้ำประกันฉบับนี้ให้มีผลบังคับได้ สำหรับการส่งมอบสินค้าของบริษัทฯ ทุกอย่างซึ่งได้กระทำกันระหว่างวันที่ 1 เดือนมีนาคม พ.ศ.2515 ถึงวันที่ 1 เดือนกันยายน 2515" อันเป็นเรื่องจำเลยที่ 2 แสดงเจตนาผูกพันตนต่อโจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าน้ำมันของจำเลยที่ 1 เมื่อโจทก์ตกลงขายและส่งมอบน้ำมันแก่จำเลยที่ 1 ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว สัญญาค้ำประกันย่อมเกิดขึ้นมีผลผูกพันจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันกับจำเลยที่ 1 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2523)
โดยที่หนังสือค้ำประกันข้อ 1 มีข้อความว่า"ตามที่นายป๊วยเคี้ยว แซ่ก้วย สำนักงานเลขที่ ฯลฯ จะซื้อน้ำมันจากบริษัท ฯ ไปจำหน่าย ธนาคารขอเข้ารับภาระค้ำประกันชำระเงินดังกล่าว ภายในวงเงินไม่เกิน 1,500,000 บาท (หนึ่งล้านห้าแสนบาทถ้วน)" และข้อ 3 มีข้อความว่า "หนังสือค้ำประกันฉบับนี้ให้มีผลบังคับได้ สำหรับการส่งมอบสินค้าของบริษัทฯ ทุกอย่างซึ่งได้กระทำกันระหว่างวันที่ 1 เดือนมีนาคม พ.ศ.2515 ถึงวันที่ 1 เดือนกันยายน 2515" อันเป็นเรื่องจำเลยที่ 2 แสดงเจตนาผูกพันตนต่อโจทก์เพื่อชำระหนี้ค่าน้ำมันของจำเลยที่ 1 เมื่อโจทก์ตกลงขายและส่งมอบน้ำมันแก่จำเลยที่ 1 ภายในกำหนดเวลาดังกล่าว สัญญาค้ำประกันย่อมเกิดขึ้นมีผลผูกพันจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดต่อโจทก์ในฐานะผู้ค้ำประกันกับจำเลยที่ 1 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 1/2523)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 911/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กำหนดอุทธรณ์ค่าฤชาธรรมเนียมหลังจำหน่ายคดี: ต้องอุทธรณ์ภายใน 1 เดือนนับจากคำสั่งจำหน่ายคดี หากพ้นกำหนดแล้วไม่สามารถขอคืนค่าธรรมเนียมได้
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความเพราะโจทก์ทิ้งฟ้อง (โดยมิได้สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม) โจทก์ต้องอุทธรณ์คำสั่งศาลเกี่ยวกับเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมภายในกำหนด 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีการที่โจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นสั่งคืนค่าธรรมเนียมศาลเมื่อล่วงเลยอายุอุทธรณ์แล้วไม่เป็นเหตุให้โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่สั่งไม่คืนค่าธรรมเนียมศาลให้โจทก์แต่อย่างใดโจทก์จึงไม่มีสิทธิฎีกา
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 491/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีออกจากสารบบความเมื่อการแก้ไขสถานการณ์ทำให้การพิจารณาคดีไม่มีประโยชน์
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนมติที่ประชุมใหญ่ของสมาคมเรื่องการเลือกตั้งนายกและกรรมการของสมาคม ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ได้มีการประชุมใหญ่อีกที่ประชุมใหญ่ได้มีมติเลือกตั้งนายกและกรรมการของสมาคมใหม่นายกและกรรมการของสมาคมชุดที่ผู้ร้องขอให้ศาลเพิกถอนหมดสภาพไป จึงไม่มีประโยชน์ที่ศาลอุทธรณ์จะพิจารณาอุทธรณ์ของผู้ร้องต่อไปศาลอุทธรณ์มีอำนาจมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 283/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีมรดกเนื่องจากผู้ร้องถึงแก่กรรมระหว่างการพิจารณาคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษาตั้งผู้คัดค้านที่ 3 เป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ที่ 2 ด้วย ผู้ร้องฎีกา ระหว่างฎีกาผู้ร้องตายไม่มีประโยชน์ที่ศาลฎีกาจะพิจารณาต่อไป จึงจำหน่ายคดีผู้ร้อง