พบผลลัพธ์ทั้งหมด 360 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2368-2369/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาก่อนมีคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์: ทิ้งฟ้องอุทธรณ์และการจำหน่ายคดี
โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยผู้อุทธรณ์ไม่จัดการนำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่โจทก์ภายในกำหนดเวลาที่ศาลอุทธรณ์สั่งเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าจำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนดไป 1 วัน เพราะศาลชั้นต้นออกหมายนัดส่งไปยังกองบังคับคดีแพ่งล่าช้า และตามพฤติการณ์ยังไม่สมควรที่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดีให้ยกคำร้องของโจทก์ คำสั่งของศาลอุทธรณ์เช่นว่านี้เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์จะฎีกาก่อนศาลอุทธรณ์พิพากษามิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2365-2367/2515
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฎีกาก่อนมีคำพิพากษาศาลอุทธรณ์และการทิ้งฟ้องอุทธรณ์
โจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยผู้อุทธรณ์ ไม่จัดการนำส่งสำเนาอุทธรณ์แก่โจทก์ภายในกำหนดเวลาที่ศาลอุทธรณ์สั่งเป็นการทิ้งฟ้องอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ให้ศาลชั้นต้นไต่สวน แล้วศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าจำเลยนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้โจทก์เกินกำหนดไป 1 วัน เพราะศาลชั้นต้นออกหมายนัดส่งไปยังกองบังคับคดีแพ่งล่าช้า และตามพฤติการณ์ยังไม่สมควรที่ศาลจะสั่งจำหน่ายคดี.ให้ยกคำร้องของโจทก์ คำสั่งของศาลอุทธรณ์เช่นว่านี้เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์จะฎีกาก่อนศาลอุทธรณ์พิพากษามิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 285/2514 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลให้จำหน่ายคดี ศาลฎีกาไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นเดิม
ในคดีแดงที่ 444/2513 โจทก์จำเลยได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทกันในคดีนี้ และศาลได้พิพากษาให้บังคับคดีไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นแล้ว การที่ศาลฎีกาวินิจฉัยคดีตามที่จำเลยฎีกาขึ้นมาว่าจำเลยยังมีสิทธิอยู่ในที่พิพาทต่อไปหรือไม่นั้น จึงหมดความจำเป็นเพราะโจทก์จำเลยอาจขอบังคับคดีให้เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 444/2513 ได้อยู่แล้ว ศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 285/2514
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีออกจากสารบบเนื่องจากมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความและมีคำพิพากษาตามสัญญาแล้ว
ในคดีแดงที่ 444/2513 โจทก์จำเลยได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเกี่ยวกับที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทกันในคดีนี้ และศาลได้พิพากษาให้บังคับคดีไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นแล้ว การที่ศาลฎีกาวินิจฉัยคดีตามที่จำเลยฎีกาขึ้นมาว่าจำเลยยังมีสิทธิอยู่ในที่พิพาทต่อไปหรือไม่นั้น จึงหมดความจำเป็นเพราะโจทก์จำเลยอาจขอบังคับคดีให้เป็นไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 444/2513 ได้อยู่แล้ว ศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2512 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีของบุคคลล้มละลายที่ไม่ได้รับการคุ้มครองจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์ ศาลพิพากษาว่าที่ดินไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ปรากฏว่าโจทก์ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าความแทนโจทก์ โจทก์จะดำเนินคดีเองต่อไปไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 24 ศาลฎีกาจึงให้จำหน่ายคดีของโจทก์เสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2512 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจำหน่ายคดีเนื่องจากบุคคลล้มละลายและเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าความ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์ ศาลพิพากษาว่าที่ดินไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา ปรากฏว่าโจทก์ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าความแทนโจทก์โจทก์จะดำเนินคดีเองต่อไปไม่ได้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 24 ศาลฎีกาจึงให้จำหน่ายคดีของโจทก์เสีย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 690/2512
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
บุคคลล้มละลายไม่มีอำนาจดำเนินคดีเอง ศาลจำหน่ายคดีเมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าความ
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์. ศาลพิพากษาว่าที่ดินไม่ใช่ของโจทก์. โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง. คดีอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลฎีกา. ปรากฏว่าโจทก์ถูกศาลพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย. และเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่ขอเข้าว่าความแทนโจทก์. โจทก์จะดำเนินคดีเองต่อไปไม่ได้. ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 24. ศาลฎีกาจึงให้จำหน่ายคดีของโจทก์เสีย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2511
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ที่ไม่มีประโยชน์ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีได้ และไม่ต้องวินิจฉัยหากจำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้ว
อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายข้อใดที่ไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย. หรือไม่เป็นข้อแพ้ชนะ. หรือไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของผู้อุทธรณ์. ศาลอุทธรณ์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อนั้น. และถ้าศาลอุทธรณ์เห็นว่า อุทธรณ์ทุกข้อไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยต่อไปแล้ว. ก็มีอำนาจที่จะไม่วินิจฉัยอุทธรณ์นั้นทั้งหมดได้.
จำเลยฎีกาว่า. ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งบังคับคดีในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์. ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย. และเกินคำขอของโจทก์. เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว. และศาลชั้นต้นได้งดหมายจับนั้นแล้ว. ทั้งไม่มีกรณีที่จะต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลต่อไปอีก. ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี. ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกานั้น.โดยไม่ต้องวินิจฉัย.
จำเลยฎีกาว่า. ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งบังคับคดีในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์. ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย. และเกินคำขอของโจทก์. เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว. และศาลชั้นต้นได้งดหมายจับนั้นแล้ว. ทั้งไม่มีกรณีที่จะต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลต่อไปอีก. ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี. ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกานั้น.โดยไม่ต้องวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ที่ไม่มีประโยชน์ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีได้ แม้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้ว
อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายข้อใดที่ไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย หรือไม่เป็นข้อแพ้ชนะ หรือไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของผู้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อนั้น และถ้าศาลอุทธรณ์เห็นว่า อุทธรณ์ทุกข้อไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยต่อไปแล้ว ก็มีอำนาจที่จะไม่วินิจฉัยอุทธรณ์นั้นทั้งหมดได้
จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งบังคับคดีในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเกินคำขอของโจทก์ เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว และศาลชั้นต้นได้งดหมายจับนั้นแล้ว ทั้งไม่มีกรณีที่จะต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลต่อไปอีก ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกานั้นโดยไม่ต้องวินิจฉัย
จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งบังคับคดีในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเกินคำขอของโจทก์ เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว และศาลชั้นต้นได้งดหมายจับนั้นแล้ว ทั้งไม่มีกรณีที่จะต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลต่อไปอีก ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกานั้นโดยไม่ต้องวินิจฉัย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1504/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อุทธรณ์ที่ไม่มีประโยชน์ ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดีได้ และการบังคับคดีสิ้นสุดแล้วไม่ต้องวินิจฉัย
อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายข้อใดที่ไม่เป็นสารแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย หรือไม่เป็นข้อแพ้ชนะ หรือไม่เป็นประโยชน์แก่คดีของผู้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้อนั้น และถ้าศาลอุทธรณ์เห็นว่า อุทธรณ์ทุกข้อไม่มีประโยชน์ที่จะวินิจฉัยต่อไปแล้ว ก็มีอำนาจที่จะไม่วินิจฉัยอุทธรณ์นั้นทั้งหมดได้
จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งบังคับคดีในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเกินคำขอของโจทก์ เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว และศาลชั้นต้นได้งดหมายจับนั้นแล้ว ทั้งไม่มีกรณีที่จะต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลต่อไปอีก ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกานั้นโดยไม่ต้องวินิจฉัย
จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นไม่มีอำนาจสั่งบังคับคดีในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเกินคำขอของโจทก์ เมื่อปรากฏว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาลชั้นต้นเสร็จสิ้นไปแล้ว และศาลชั้นต้นได้งดหมายจับนั้นแล้ว ทั้งไม่มีกรณีที่จะต้องบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำบังคับของศาลต่อไปอีก ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลยจึงไม่มีประโยชน์แก่คดี ศาลฎีกาย่อมพิพากษาให้ยกฎีกานั้นโดยไม่ต้องวินิจฉัย