พบผลลัพธ์ทั้งหมด 360 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1638-1640/2500
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            คดีบุกรุก: การพิพากษาคดีอาญาเมื่อข้อเท็จจริงยังไม่ชัดเจน และการจำหน่ายคดีออกจากสารบบ
                        
                        โจทก์ฟ้องคดีอาญาว่าจำเลยบุกรุก  ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ไม่รู้หลักเขตที่ดินของตนแน่นอน จะฟังว่ามีเจตนาบุกรุกยังไม่ได้  และเป็นกรณีพิพาททางแพ่ง  ดั่งนี้ศาลไม่พึงสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ เพราะโจทก์ไม่ได้ทิ้งฟ้องหรือขาดนัด  หากศาลชอบที่จะพิพากษาตามรูปคดีชี้ขาดไปตามท้องสำนวน
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1638-1640/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            คดีบุกรุก: การพิพากษาคดีอาญาเมื่อโจทก์ไม่รู้หลักเขตที่ดินและไม่มีเจตนาบุกรุก
                        
                        โจทก์ฟ้องคดีอาญาว่าจำเลยบุกรุก ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ไม่รู้หลักเขตที่ดินของตนแน่นอน จะฟังว่ามีเจตนาบุกรุกยังไม่ได้ และเป็นกรณีพิพาททางแพ่ง ดั่งนี้ ศาลไม่พึงสั่งให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบความ เพราะโจทก์ไม่ได้ทิ้งฟ้องหรือขาดนัด หากศาลชอบที่จะพิพากษาตามรูปคดีชี้ขาดไปตามท้องสำนวน.
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 851-853/2499
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            กรรมสิทธิ์ที่ดินธรณีสงฆ์: การโอนกรรมสิทธิ์ต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์, การซื้อสุจริตจากการขายทอดตลาดไม่ทำให้ได้กรรมสิทธิ์
                        
                        มาตรา 1332 ใช้บังคับเฉพาะทรัพย์สินธรรมดาสำหรับที่วัดและที่ธรณีสงฆ์นั้นพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2484 มาตรา 41บัญญัติว่าจะโอนกรรมสิทธิ์ได้แต่โดยพระราชบัญญัติเท่านั้นดังนั้นแม้จะซื้อที่พิพาทไว้โดยสุจริตเสียค่าตอบแทนจากการขายทอดตลาดก็หาได้กรรมสิทธิ์ไม่ และวัดซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินก็ไม่มีหน้าที่คืนหรือชดใช้ราคาแก่ผู้ซื้อเพราะกรณีไม่เข้ามาตรา 1332
บรรยายฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของวัดกลางมาแต่สร้างวัดเช่นนี้หาเป็นเคลือบคลุมไม่ กรณีวัดจะได้ที่มาโดยเหตุใด เมื่อใดไม่ใช่ข้อสำคัญและไม่มีทางที่จะหลงผิดในการต่อสู้คดี
เจ้าอาวาสแห่งวัดมอบอำนาจให้บุคคลดำเนินคดีแทนวัดได้อ้างฎีกาที่ 823,824,825/2496
การมอบอำนาจก็คือการให้ตัวแทนมีอำนาจทำการแทนตัวการนั่นเอง และการแต่งตั้งตัวแทนนั้นจะแต่งตั้งโดยเปิดเผยหรือโดยปริยายก็ได้(มาตรา 797 วรรคสอง) และกิจการใดที่กฎหมายบัญญัติว่าต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนก็ต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย การที่ทำหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือย่อมหมายถึงหนังสือหรือหลักฐานอันมีลายมือชื่อของผู้เป็นตัวการซึ่งเป็นผู้แต่งตั้ง(มาตรา 9)ส่วนสำหรับตัวแทนหรือผู้รับมอบนั้นหามีกฎหมายใดบังคับให้ต้องลงนามด้วยไม่
ข้อกฎหมายที่เพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาเป็นการต้องห้ามหาฎีกาได้ไม่
                                    บรรยายฟ้องว่าที่พิพาทเป็นของวัดกลางมาแต่สร้างวัดเช่นนี้หาเป็นเคลือบคลุมไม่ กรณีวัดจะได้ที่มาโดยเหตุใด เมื่อใดไม่ใช่ข้อสำคัญและไม่มีทางที่จะหลงผิดในการต่อสู้คดี
เจ้าอาวาสแห่งวัดมอบอำนาจให้บุคคลดำเนินคดีแทนวัดได้อ้างฎีกาที่ 823,824,825/2496
การมอบอำนาจก็คือการให้ตัวแทนมีอำนาจทำการแทนตัวการนั่นเอง และการแต่งตั้งตัวแทนนั้นจะแต่งตั้งโดยเปิดเผยหรือโดยปริยายก็ได้(มาตรา 797 วรรคสอง) และกิจการใดที่กฎหมายบัญญัติว่าต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือ การตั้งตัวแทนก็ต้องทำเป็นหนังสือหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือด้วย การที่ทำหรือมีหลักฐานเป็นหนังสือย่อมหมายถึงหนังสือหรือหลักฐานอันมีลายมือชื่อของผู้เป็นตัวการซึ่งเป็นผู้แต่งตั้ง(มาตรา 9)ส่วนสำหรับตัวแทนหรือผู้รับมอบนั้นหามีกฎหมายใดบังคับให้ต้องลงนามด้วยไม่
ข้อกฎหมายที่เพิ่งยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาเป็นการต้องห้ามหาฎีกาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 514/2499
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การละเมิดสิทธิเข้าครอบครอง และหลักฐานการเช่าที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย
                        
                        การที่โจทก์ทราบมติของคณะกรรมการควบคุมค่าเช่าฯ ให้จำเลยเข้าอยู่ได้แล้วกลับขัดขวางไม่ยอมออกไปดังนี้ย่อมเป็นการละเมิดสิทธิของจำเลยในอันที่จะเข้าอยู่ในห้องพิพาท
เมื่อในคำฟ้องซึ่งโจทก์ลงชื่อมีข้อความปรากฏชัดว่าได้มีการเช่าห้องรายนี้ทั้งระบุจำนวนเงินค่าเช่าระหว่างโจทก์ ผู้เช่า กับจำเลยจริงดังนี้ย่อมถือได้ว่าการเช่ารายนี้มีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 แล้ว
บรรยายฟ้องในเรื่องเรียกค่าเสียหายเป็นใจความว่าโจทก์ไม่ยอมออกจากบ้านเช่าของจำเลย จำเลยเข้าอยู่ไม่ได้ย่อมเสียหาย เช่นนี้ถือได้ว่าฟ้องนั้นแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาแล้ว หาเคลือบคลุมไม่
                                    เมื่อในคำฟ้องซึ่งโจทก์ลงชื่อมีข้อความปรากฏชัดว่าได้มีการเช่าห้องรายนี้ทั้งระบุจำนวนเงินค่าเช่าระหว่างโจทก์ ผู้เช่า กับจำเลยจริงดังนี้ย่อมถือได้ว่าการเช่ารายนี้มีหลักฐานเป็นหนังสือตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 538 แล้ว
บรรยายฟ้องในเรื่องเรียกค่าเสียหายเป็นใจความว่าโจทก์ไม่ยอมออกจากบ้านเช่าของจำเลย จำเลยเข้าอยู่ไม่ได้ย่อมเสียหาย เช่นนี้ถือได้ว่าฟ้องนั้นแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาแล้ว หาเคลือบคลุมไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62/2499 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            คำท้าพิสูจน์ลายเซ็น-ลายนิ้วมือในสัญญา: ผลไม่อาจปรับให้แพ้หากพิสูจน์ได้เพียงบางส่วน
                        
                        เมื่อคู่ความตกลงท้ากันให้ผู้ชำนาญการพิเศษพิสูจน์ลายเซ็นชื่อและลายพิมพ์นิ้วมือจำเลยในหนังสือสัญญากู้เงิน ถ้าใช่ของจำเลย ๆ ยอมแพ้ ถ้าไม่ใช่ทั้งลายเซ็นและลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยแล้วโจทก์ยอมแพ้.เมื่อผลการพิสูจน์ปรากฏว่าลายเซ็นนั้นไม่ใช่แต่ลายพิมพ์นิ้วมือไม่สามารถพิสูจน์ได้เช่นนี้.ยังหาปรับให้โจทก์แพ้ตามคำท้าได้ไม่.จำต้องดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปเสมือนไม่มีคำท้า.
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 62/2499
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            คำท้าพิสูจน์ลายเซ็น-ลายนิ้วมือ: การพิสูจน์ไม่ครบถ้วนไม่ถือว่าฝ่ายใดแพ้ตามคำท้า
                        
                        เมื่อคู่ความตกลงท้ากันให้ผู้ชำนาญการพิเศษพิสูจน์ลายเซ็นชื่อและลายพิมพ์นิ้วมือจำเลยในหนังสือสัญญากู้เงิน ถ้าใช่ของจำเลยจำเลยยอมแพ้ ถ้าไม่ใช่ทั้งลายเซ็นและลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยแล้วโจทก์ยอมแพ้เมื่อผลการพิสูจน์ปรากฏว่าลายเซ็นนั้นไม่ใช่แต่ลายพิมพ์นิ้วมือไม่สามารถพิสูจน์ได้เช่นนี้ยังหาปรับให้โจทก์แพ้ตามคำท้าได้ไม่จำต้องดำเนินการพิจารณาคดีต่อไปเสมือนไม่มีคำท้า
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1574/2498 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ทางสาธารณะ-การฟ้องร่วม-ค่าเสียหาย: การใช้ทางสาธารณะร่วมกันเป็นเหตุให้ฟ้องร่วมได้ และค่าเสียหายรวมกันได้
                        
                        จำเลยหลายคนสมคบกันทำนารุกล้ำและล้อมรั้วปิดทางเดินสาธารณะ มีผู้เสียหายซึ่งต่างก็ใช้ทางสาธารณะนั้นหลายคน ผู้เสียหายเหล่านั้นย่อมรวมกันเป็นโจทก์ร่วมฟ้องจำเลยเหล่านั้นเป็นคดีเดียวกันได้เพราะว่ามีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดี และค่าเสียหายจะกล่าวรวมกันมาก็ได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1687/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การโต้แย้งสิทธิครอบครองโดยการขอรับมรดก ถือเป็นการฟ้องร้องได้
                        
                        โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ขายที่ดินมีโฉนดแต่มีชื่อบุตรจำเลยเป็นเจ้าของให้แก่โจทก์ด้วยปากเปล่าโจทก์ได้ครอบครองเป็นเจ้าของมา  16 ปี บุตรจำเลยคนหนึ่งถึงแก่ความตาย จำเลยจึงไปประกาศขอรับมรดก แม้จำเลยจะต่อสู้ว่าที่ดินเป็นของบุตรจำเลยก็ตาม ก็ถือว่าการกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยได้
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            ถอนฟ้องคดีอาญา: ศาลอนุญาตได้หากโจทก์ไม่ประสงค์ดำเนินคดีต่อและจำเลยไม่คัดค้าน
                        
                        ในคดีความผิดต่อส่วนตัว แม้จำเลยฝ่ายเดียวฎีกา ระหว่างฎีกาก่อนอ่านคำพิพากษาผู้เสียหาย ขอถอนฟ้องโดยไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป และจำเลยไม่คัดค้าน ดังนี้ ศาลมีอำนาจอนุญาตให้ถอนฟ้องและสั่งจำหน่ายคดีและให้ปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไป
                                    คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1546/2497
                            ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
                            การถอนฟ้องคดีอาญาโดยความยินยอมของผู้เสียหายและจำเลยไม่คัดค้าน ศาลอนุญาตได้
                        
                        ในคดีความผิดต่อส่วนตัว แม้จำเลยฝ่ายเดียวฎีกา ระหว่างฎีกาก่อนอ่านคำพิพากษาผู้เสียหายขอถอนฟ้องโดยไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป  และจำเลยไม่คัดค้าน  ดังนี้ศาลมีอำนาจอนุญาตให้ถอนฟ้องและสั่งจำหน่ายคดีและให้ปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไป