พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,236 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 402/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การจดทะเบียนสิทธิโดยไม่สุจริต โจทก์รู้อยู่แล้วว่าที่ดินเป็นของจำเลย สิทธิไม่สมบูรณ์
ตามหลักกฎหมายถือว่า สิทธิทางทะเบียนตามชื่อในโฉนดย่อมเหนือกว่าสิทธิครอบครองแม้จะมีคำพิพากษาว่าโฉนดทับที่ของจำเลยถ้าโจทก์รับโอนโฉนดมาจากคู่ความเดิมคำพิพากษานั้นก็ไม่มัดโจทก์ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีเดิมโดยมิได้มีคำพิพากษาให้ทำลายโฉนดนั้นโจทก์จึงยังคงเป็นผู้รับโอนทางทะเบียนหาใช่รับโอนดุจเป็นที่ดินมือเปล่าไม่แต่ถ้าโจทก์ซื้อที่ดินนั้นมาโดยรู้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของโจทก์ก็ไม่สุจริตจะอ้างสิทธิทางทะเบียนยันจำเลยไม่ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในทรัพย์สินของบุคคลภายนอกคดี: การบังคับคดีต้องไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย และให้โอกาสพิสูจน์สิทธิ
คำพิพากษาที่ได้กล่าวไว้ว่าให้บุคคลภายนอกซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีมีส่วนได้ในทรัพย์สินใด ๆ ด้วยนั้น ย่อมไม่ผูกพันบุคคลภายนอกที่อ้างว่าตนจะพิสูจน์ได้ว่ามีสิทธิดีกว่า
ในชั้นบังคับคดีหากมีบุคคลภายนอกคัดค้านว่า ตนมีสิทธิในทรัพย์ที่ยึดดีกว่า ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 145 ศาลควรรอการขายทอดตลาดทรัพย์นั้นไว้ก่อน และให้บุคคลภายนอกนั้นไปดำเนินคดีกับผู้ชนะคดีที่นำยึดทรัพย์ภายในกำหนดเสียก่อน ถ้าพ้นกำหนดไม่จัดการจึงให้ขายทอดตลาดทรัพย์ได้
ในชั้นบังคับคดีหากมีบุคคลภายนอกคัดค้านว่า ตนมีสิทธิในทรัพย์ที่ยึดดีกว่า ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 145 ศาลควรรอการขายทอดตลาดทรัพย์นั้นไว้ก่อน และให้บุคคลภายนอกนั้นไปดำเนินคดีกับผู้ชนะคดีที่นำยึดทรัพย์ภายในกำหนดเสียก่อน ถ้าพ้นกำหนดไม่จัดการจึงให้ขายทอดตลาดทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 270/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบุคคลภายนอกในคดีบังคับคดี: ศาลต้องรอการบังคับคดีหากมีผู้มีสิทธิมากกว่าอ้างสิทธิในทรัพย์สิน
คำพิพากษาที่ได้กล่าวไว้ว่าให้บุคคลภายนอกซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีมีส่วนได้ในทรัพย์สินใดๆ ด้วยนั้น
ย่อมไม่ผูกพันบุคคลภายนอกที่อ้างว่าตนจะพิสูจน์ได้ว่ามีสิทธิดีกว่า
ในชั้นบังคับคดีหากมีบุคคลภายนอกคัดค้านว่าตนมีสิทธิในทรัพย์ที่ยึดดีกว่า ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 ศาลควรรอการขายทอดตลาดทรัพย์นั้นไว้ก่อน และให้บุคคลภายนอกนั้นไปดำเนินคดีกับผู้ชนะคดีที่นำยึดทรัพย์ภายในกำหนดเสียก่อนถ้าพ้นกำหนดไม่จัดการจึงให้ขายทอดตลาดทรัพย์ได้
ย่อมไม่ผูกพันบุคคลภายนอกที่อ้างว่าตนจะพิสูจน์ได้ว่ามีสิทธิดีกว่า
ในชั้นบังคับคดีหากมีบุคคลภายนอกคัดค้านว่าตนมีสิทธิในทรัพย์ที่ยึดดีกว่า ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145 ศาลควรรอการขายทอดตลาดทรัพย์นั้นไว้ก่อน และให้บุคคลภายนอกนั้นไปดำเนินคดีกับผู้ชนะคดีที่นำยึดทรัพย์ภายในกำหนดเสียก่อนถ้าพ้นกำหนดไม่จัดการจึงให้ขายทอดตลาดทรัพย์ได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การโอนทรัพย์พิพาทหลังฟ้องคดีทำให้คดีหมดประโยชน์ฟ้องร้อง ศาลยกฟ้อง แต่ไม่ตัดสิทธิในการฟ้องร้องเรียกทรัพย์คืน
โจทก์ฟ้องคดีที่ดินมรดก โดยอ้างว่าโจทก์เป็นทายาทผู้มีส่วนได้รับร่วมกับจำเลยด้วย แต่จำเลยไปใส่ชื่อจำเลยในโฉนดเสียแต่ผู้เดียว โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องว่าขอให้ลงชื่อโจทก์ในโฉนดที่ดินนั้นด้วย ต่อมาในระหว่างคดีปรากฏว่าจำเลยได้โอนขายที่พิพาทนั้นไปยังบุคคลที่สาม ดั่งนี้ เป็นอันว่า วัตถุที่โจทก์เรียกร้องนั้นไม่มีที่จำเลย จึงเป็นการพ้นวิสัยที่ศาลจะพิพากษาบังคับให้ตามคำขอท้ายฟ้อง และจะพิพากษาว่า โจทก์มีส่วนกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทซึ่งเป็นของคนอื่นโดยสิ้นเชิงแล้วก็ย่อมไม่ได้ จึงต้องพิพากษายกฟ้อง
คดีที่ต้องยกฟ้องเพราะจำเลยโอนทรัพย์พิพาทให้พ้นคดีไปเสียนั้นไม่ตัดสิทธโจทก์ที่จะว่ากล่าวฟ้องร้องต่อไปอีก
จำเลยดำเนินคดีให้โจทก์ต้องถูกยกฟ้องเพราะจำเลยโอนทรัพย์พิพาทไปยังบุคคลอื่นเสียก่อนเช่นนี้ ควรให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมแทนโจทก์
คดีที่ต้องยกฟ้องเพราะจำเลยโอนทรัพย์พิพาทให้พ้นคดีไปเสียนั้นไม่ตัดสิทธโจทก์ที่จะว่ากล่าวฟ้องร้องต่อไปอีก
จำเลยดำเนินคดีให้โจทก์ต้องถูกยกฟ้องเพราะจำเลยโอนทรัพย์พิพาทไปยังบุคคลอื่นเสียก่อนเช่นนี้ ควรให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมแทนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 79/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยกฟ้องคดีมรดกเมื่อทรัพย์สินถูกโอนไปแล้ว และสิทธิในการฟ้องร้องเพิ่มเติม
โจทก์ฟ้องคดีที่ดินมรดกโดยอ้างว่าโจทก์เป็นทายาทผู้มีส่วนได้รับร่วมกับจำเลยด้วย แต่จำเลยไปใส่ชื่อจำเลยในโฉนดเสียแต่ผู้เดียวโจทก์มีคำขอท้ายฟ้องว่าขอให้ลงชื่อโจทก์ในโฉนดที่ดินนั้นด้วยต่อมาในระหว่างคดีปรากฏว่าจำเลยได้โอนขายที่พิพาทนั้นไปยังบุคคลที่สามดั่งนี้ เป็นอันว่าวัตถุที่โจทก์เรียกร้องนั้นไม่มีที่จำเลยจึงเป็นการพ้นวิสัยที่ศาลจะพิพากษาบังคับให้ตามคำขอท้ายฟ้องและจะพิพากษาว่าโจทก์มีส่วนกรรมสิทธิ์ในที่พิพาทซึ่งเป็นของคนอื่นโดยสิ้นเชิงแล้วก็ย่อมไม่ได้จึงต้องพิพากษายกฟ้อง
คดีที่ต้องยกฟ้องเพราะจำเลยโอนทรัพย์พิพาทให้พ้นคดีไปเสียนั้นไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะว่ากล่าวฟ้องร้องต่อไปอีก
จำเลยดำเนินคดีให้โจทก์ต้องถูกยกฟ้องเพราะจำเลยโอนทรัพย์พิพาทไปยังบุคคลอื่นเสียก่อนเช่นนี้ควรให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมแทนโจทก์
คดีที่ต้องยกฟ้องเพราะจำเลยโอนทรัพย์พิพาทให้พ้นคดีไปเสียนั้นไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะว่ากล่าวฟ้องร้องต่อไปอีก
จำเลยดำเนินคดีให้โจทก์ต้องถูกยกฟ้องเพราะจำเลยโอนทรัพย์พิพาทไปยังบุคคลอื่นเสียก่อนเช่นนี้ควรให้จำเลยเสียค่าธรรมเนียมแทนโจทก์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2501 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลผูกพันคำพิพากษาคดีอาญาต่อคดีแพ่ง: ข้อจำกัดเรื่องคู่ความ
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46 จะได้บัญญัติไว้ว่าในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาก็ดี แต่บัญญัติของมาตรานี้ก็อยู่ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความแพ่งมาตรา 145 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 กล่าวคือจะผูกพันก็แต่คู่ความเดียวกันเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 36/2501
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ผลคำพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคู่ความในคดีแพ่ง หากไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญานั้น
แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46 จะได้บัญญัติไว้ว่าในการพิพากษาคดีส่วนแพ่งศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาก็ดี แต่บัญญัติของมาตรานี้ก็อยู่ภายใต้บังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 กล่าวคือจะผูกพันก็แต่คู่ความเดียวกันเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1802/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผูกพันคำพิพากษาเดิม, ใบมอบอำนาจ, และการเปลี่ยนแปลงตัวผู้รับมอบอำนาจในคดีแพ่ง
ป.วิ.แพ่ง ม.47 หมายถึงกรณีที่ศาลมีเหตุอันควรสงสัยเท่านั้น
ใบมอบอำนาจทำในเมืองต่างประเทศ ลงชื่อผู้มอบและผู้รับมอบกับสามีโจทก์ผู้มอบลงชื่ออนุญาตยินยอมในการนี้และมีพยานลงชื่อรับรอง ทั้งมีกงสุลรักษาราชการแทนกงสุลใหญ่ไทยเมืองเจดาห์ลงชื่อรับรองว่า ตัวโจทก์ผู้มอบอำนาจได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าตน โดยมีตราตำแหน่งกงสุลประทับ แม้จำเลยต่อสู้เกี่ยวกับใบมอบอำนาจว่าจำเลยไม่รับรองและอาจจะไม่เป็นดังนั้น ดังนี้ และว่าประเทศอาหรับไม่มีกงสุลสยามและไม่มีบุคคลตามที่ ป.วิ.แพ่ง ม.47 บัญญติไว้ลงชื่อเป็นพยานเช่นนี้ศาลเห็นได้เองว่าไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะไม่ใช่ใบมอบอำนาจอันแท้จริง
เมื่อจำเลยคดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนนั้นด้วยไม่ได้คัดค้านความแท้จริงของคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนซึ่งวินิจฉัยเกี่ยวกับที่พิพาทแปลงเดียวกันกับคดีใหม่นี้และคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนก็ได้อ่านและจำเลยก็ทราบแล้ว จำเลยจะมาอ้างในคดีใหม่นี้ว่าผู้รับอำนาจจากโจทก์ในคดีก่อนได้มรณะและโจทก์ยังไม่ได้มอบหมายให้ผู้อื่นดำเนินคดีแทนเช่นนี้ หาได้ไม่เพราะเรื่องเช่นว่านั้นเป็นเรื่องของโจทก์ ไม่เกี่ยวกับจำเลยคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวจึงผูกพันจำเลย หาตกเป็นโมฆะไม่
ตัวโจทก์จำเลยในคดีก่อนกับคดีใหม่นี้เป็นคู่ความคู่กัน คดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ คำพิพากษาในคดีก่อนย่อมผูกพันจำเลยในคดีใหม่นี้ในส่วนที่เกี่ยวกับที่พิพาทแปลงเดียวกันนั้นด้วย จำเลยจะมาอ้างเหตุว่าผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ในคดีก่อนกับในคดีใหม่นี้เป็นคนละคนกัน จะเอาคำพิพากษาคดีก่อนมาใช้กับคดีใหม่นี้ ไม่ได้นั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะโจทก์ในคดีก่อนกับคดีใหม่นี้เป็นคนเดียวกัน เป็นแต่ผู้รับมอบอำนาจต่างคนกันเท่านั้น.
ใบมอบอำนาจทำในเมืองต่างประเทศ ลงชื่อผู้มอบและผู้รับมอบกับสามีโจทก์ผู้มอบลงชื่ออนุญาตยินยอมในการนี้และมีพยานลงชื่อรับรอง ทั้งมีกงสุลรักษาราชการแทนกงสุลใหญ่ไทยเมืองเจดาห์ลงชื่อรับรองว่า ตัวโจทก์ผู้มอบอำนาจได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าตน โดยมีตราตำแหน่งกงสุลประทับ แม้จำเลยต่อสู้เกี่ยวกับใบมอบอำนาจว่าจำเลยไม่รับรองและอาจจะไม่เป็นดังนั้น ดังนี้ และว่าประเทศอาหรับไม่มีกงสุลสยามและไม่มีบุคคลตามที่ ป.วิ.แพ่ง ม.47 บัญญติไว้ลงชื่อเป็นพยานเช่นนี้ศาลเห็นได้เองว่าไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะไม่ใช่ใบมอบอำนาจอันแท้จริง
เมื่อจำเลยคดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนนั้นด้วยไม่ได้คัดค้านความแท้จริงของคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนซึ่งวินิจฉัยเกี่ยวกับที่พิพาทแปลงเดียวกันกับคดีใหม่นี้และคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนก็ได้อ่านและจำเลยก็ทราบแล้ว จำเลยจะมาอ้างในคดีใหม่นี้ว่าผู้รับอำนาจจากโจทก์ในคดีก่อนได้มรณะและโจทก์ยังไม่ได้มอบหมายให้ผู้อื่นดำเนินคดีแทนเช่นนี้ หาได้ไม่เพราะเรื่องเช่นว่านั้นเป็นเรื่องของโจทก์ ไม่เกี่ยวกับจำเลยคำพิพากษาฎีกาดังกล่าวจึงผูกพันจำเลย หาตกเป็นโมฆะไม่
ตัวโจทก์จำเลยในคดีก่อนกับคดีใหม่นี้เป็นคู่ความคู่กัน คดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ คำพิพากษาในคดีก่อนย่อมผูกพันจำเลยในคดีใหม่นี้ในส่วนที่เกี่ยวกับที่พิพาทแปลงเดียวกันนั้นด้วย จำเลยจะมาอ้างเหตุว่าผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ในคดีก่อนกับในคดีใหม่นี้เป็นคนละคนกัน จะเอาคำพิพากษาคดีก่อนมาใช้กับคดีใหม่นี้ ไม่ได้นั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะโจทก์ในคดีก่อนกับคดีใหม่นี้เป็นคนเดียวกัน เป็นแต่ผู้รับมอบอำนาจต่างคนกันเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1802/2500
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผูกพันคำพิพากษาเดิม การรับรองใบมอบอำนาจ และการเปลี่ยนแปลงตัวผู้รับมอบอำนาจ
ใบมอบอำนาจทำในเมืองต่างประเทศ ลงชื่อผู้มอบและผู้รับมอบกับมีสามีโจทก์ผู้มอบลงชื่ออนุญาตยินยอมในการนี้และมีพยานลงชื่อรับรอง ทั้งมีกงสุลรักษาราชการแทนกงสุลใหญ่ไทยเมืองเจด่าห์ลงชื่อรับรองว่า ตัวโจทก์ผู้มอบอำนาจได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าตนโดยมีตราตำแหน่งกงสุลประทับ แม้จำเลยต่อสู้เกี่ยวกับใบมอบอำนาจว่าจำเลยไม่รับรองและอาจจะไม่เป็นดังนั้น ดังนี้ และว่าประเทศอาหรับไม่มีกงสุลสยามและไม่มีบุคคลตามที่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 47 บัญญัติไว้ลงชื่อเป็นพยาน เช่นนี้ศาลเห็นได้เองว่าไม่มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะไม่ใช่ใบมอบอำนาจอันแท้จริง
เมื่อจำเลยคดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนนั้นด้วยไม่ได้คัดค้านความแท้จริงของคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนซึ่งวินิจฉัยเกี่ยวกับที่พิพาทแปลงเดียวกันกับคดีใหม่นี้ และคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนก็ได้อ่านและจำเลยก็ทราบแล้ว จำเลยจะมาอ้างในคดีใหม่นี้ว่าผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ในคดีก่อนได้มรณะ และโจทก์ยังไม่ได้มอบหมายให้ผู้อื่นดำเนินคดีแทนเช่นนี้ หาได้ไม่ เพราะเรื่องเช่นว่านั้นเป็นเรื่องของโจทก์ ไม่เกี่ยวกับจำเลย คำพิพากษาฎีกาดังกล่าวจึงผูกพันจำเลย หาตกเป็นโมฆะไม่
ตัวโจทก์จำเลยในคดีก่อนกับคดีใหม่นี้เป็นคู่ความคู่กันคดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ คำพิพากษาในคดีก่อนย่อมผูกพันจำเลยในคดีใหม่นี้ในส่วนที่เกี่ยวกับที่พิพาทแปลงเดียวกันนั้นด้วย จำเลยจะมาอ้างเหตุว่าผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ในคดีก่อนกับในคดีใหม่นี้เป็นคนละคนกัน จะเอาคำพิพากษาคดีก่อนมาใช้กับคดีใหม่นี้ ไม่ได้นั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะโจทก์ในคดีก่อนกับคดีใหม่นี้เป็นคนเดียวกัน เป็นแต่ผู้รับมอบอำนาจต่างคนกันเท่านั้น
เมื่อจำเลยคดีนี้ซึ่งเป็นจำเลยในคดีก่อนนั้นด้วยไม่ได้คัดค้านความแท้จริงของคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนซึ่งวินิจฉัยเกี่ยวกับที่พิพาทแปลงเดียวกันกับคดีใหม่นี้ และคำพิพากษาฎีกาในคดีก่อนก็ได้อ่านและจำเลยก็ทราบแล้ว จำเลยจะมาอ้างในคดีใหม่นี้ว่าผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ในคดีก่อนได้มรณะ และโจทก์ยังไม่ได้มอบหมายให้ผู้อื่นดำเนินคดีแทนเช่นนี้ หาได้ไม่ เพราะเรื่องเช่นว่านั้นเป็นเรื่องของโจทก์ ไม่เกี่ยวกับจำเลย คำพิพากษาฎีกาดังกล่าวจึงผูกพันจำเลย หาตกเป็นโมฆะไม่
ตัวโจทก์จำเลยในคดีก่อนกับคดีใหม่นี้เป็นคู่ความคู่กันคดีก่อนถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ คำพิพากษาในคดีก่อนย่อมผูกพันจำเลยในคดีใหม่นี้ในส่วนที่เกี่ยวกับที่พิพาทแปลงเดียวกันนั้นด้วย จำเลยจะมาอ้างเหตุว่าผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ในคดีก่อนกับในคดีใหม่นี้เป็นคนละคนกัน จะเอาคำพิพากษาคดีก่อนมาใช้กับคดีใหม่นี้ ไม่ได้นั้น ฟังไม่ขึ้น เพราะโจทก์ในคดีก่อนกับคดีใหม่นี้เป็นคนเดียวกัน เป็นแต่ผู้รับมอบอำนาจต่างคนกันเท่านั้น
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1251/2500 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
มรดก: สิทธิทายาทตามคำพิพากษาศาลฎีกา & การเป็นคู่สมรสโดยชอบด้วยกฎหมายก่อนใช้ ป.พ.พ.
ข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีก่อนว่าที่สวนยางรายนี้เป็นมรดกของนายนวล ซึ่งทายาทของนายนวลมีสิทธิที่จะได้รับการแบ่งทรัพย์รายนี้ตามกฎหมาย จำเลยในคดีหลังนี้ ซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อนนั้นด้วย จะกลับมาโต้แย้งคัดค้านในคดีหลังนี้ว่าที่สวนยางรายเดียวกันนั้น เป็นทรัพย์ของตนฝืนคำพิพากษาของศาลฎีกาดังกล่าว ไม่ได้
ก่อนใช้ป.พ.พ.เมื่อชายหญิงอยู่กินด้วยกันฉันท์ผัวเมียโดยเปิดเผย ก็เป็นผัวเมียกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่จำต้องจดทะเบียนการสมรส บุตรที่เกิดแต่ชายหญิงเป็นทายาทโดยธรรมของชายหญิงนั้นตามป.พ.พ.
ก่อนใช้ป.พ.พ.เมื่อชายหญิงอยู่กินด้วยกันฉันท์ผัวเมียโดยเปิดเผย ก็เป็นผัวเมียกันโดยชอบด้วยกฎหมาย ไม่จำต้องจดทะเบียนการสมรส บุตรที่เกิดแต่ชายหญิงเป็นทายาทโดยธรรมของชายหญิงนั้นตามป.พ.พ.