คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 145

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,236 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองและการบังคับชำระหนี้จากสินสมรส/สินบริคณห์
1. เดิมคู่ความฝ่ายหนึ่งยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น ต่อมายื่นคำร้องอีกฉบับเตือนให้ศาลเร่งพิจารณาวินิจฉัยคำร้องฉบับเดิม ศาลนัดพร้อมคู่ความฝ่ายที่ยื่นขาดนัด ศาลสั่งยกคำร้องฉบับที่เตือนเสีย ดังนี้ไม่หมายความถึงให้ยกคำร้องเดิมที่ขอรับชำระหนี้นั้นด้วย 2. ผู้รับจำนองย่อมเป็นเจ้าหนี้มีบุริมสิทธิชอบที่จะร้องขอรับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นๆ ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าหนี้ที่มีคำพิพากษา ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมนั้นเมื่อคู่ความอีกฝ่ายมิได้โต้แย้งมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลก็ไม่วินิจฉัยให้ 3. คำสั่งของศาลที่ชี้ขาดว่าผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองของจำเลยมีสิทธิจะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นได้นั้นหาเป็นการลบล้างคำพิพากษาของศาลในคดีอื่น (คดีแดงที่ 1472/2497) ผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์อีกรายหนึ่ง) ฟ้องขอให้แยกสินบริคณห์ระหว่างจำเลยกับสามีไม่ 4. เมื่อคู่ความฝ่ายใดมีความจำนงที่จะอ้างอิงเอกสารฉบับใด ให้ยื่นบัญชีแสดงเอกสารต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน แต่ถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ แม้จะฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2086/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิเจ้าหนี้บุริมสิทธิจำนองและการบังคับชำระหนี้จากสินสมรส/สินบริคณห์
1. เดิมคู่ความฝ่ายหนึ่งยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้จำนองก่อนเจ้าหนี้อื่น ต่อมายืนคำร้องอีกฉบับเตือนให้ศาลเร่งพิจารณาวินิจฉัยคำร้องฉะบับเดิมศาลนัดพร้อมคู่ความฝ่ายที่ยื่นขาดนัด ศาลสั่งยกคำร้องฉบับที่เตือนเสีย ฟังไม่หมายความถึงให้ยกคำร้องเดิมที่ขอรับชำระหนี้นั้นด้วย
2. ผู้รับจำนองย่อมเป็นเจ้าหนี้มีบุริมสิทธิชอบที่จะร้องขอรับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ๆ ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเจ้าหนี้ที่มีคำพิพากษา ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมนั้น เมื่อคู่ความอีกฝ่ายมิได้โต้แย้งมาแต่ศาลชั้นต้น ศาลก็ไม่วินิจฉัยให้
3. คำสั่งของศาลที่ชี้ขาดว่าผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองของจำเลยมีสิทธิจะได้รับชำระหนี้ก่อนเจ้าหนี้อื่นได้นั้น หาเป็นการลบล้างคำพิพากษาของศาลในคดีอื่น (คดีแดงที่ 1472/2497 ) ที่ผู้ฎีกา (ผู้ร้องขอเฉลี่ยทรัพย์อีกรายหนึ่ง) ฟ้องขอให้แยกสินบริคณห์ระหว่างจำเลยกับสามีไม่
4. เมื่อคู่ความฝ่ายใดมีความจำนงที่จะอ้างอิงเอกสารฉบับใด ให้ยื่นบัญชีแสดงเอกสารต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วัน แต่ถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ แม้จะฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติดังกล่าว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1619/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพัน การบังคับคดีตามคำพิพากษาเมื่อครบกำหนดสัญญา
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่และจำเลยอ้างว่าได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯ ที่สุดศาลได้พิพากษาให้เป็นไปตามยอมนั้น ข้อตกลงที่โจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในห้องพิพาทต่อไปอีก 3 ปีโดยจำเลยยอมเสียค่าเช่าแก่โจทก์เดือนละ 70 บาทนั้น เป็นสาระสำคัญข้อหนึ่งแห่งสัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลย เมื่อครบกำหนดจำเลยไม่ยอมออก โจทก์ก็ชอบที่จะขอให้บังคับจำเลยได้เพราะเป็นการบังคับคดีตามคำพิพากษา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1619/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาปราณีประนอมยอมความมีผลผูกพันบังคับได้ เมื่อครบกำหนดสัญญา อีกฝ่ายมีสิทธิขอให้บังคับได้
ในคดีที่โจทก์ฟ้องขับไล่และจำเลยอ้างว่าได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯ ที่สุดศาลได้พิพากษาให้เป็นไปตามยอมนั้นข้อตกลงที่โจทก์ยอมให้จำเลยอยู่ในห้องพิพาทต่อไปอีก 3 ปีโดยจำเลยยอมเสียค่าเช่าแก่โจทก์เดือนละ 70 บาทนั้น เป็นสาระสำคัญข้อหนึ่งแห่งสัญญาปราณีประนอมยอมความระหว่างโจทก์จำเลย เมื่อครบกำหนดจำเลยไม่ยอมออก โจทก์ก็ชอบที่จะขอให้บังคับจำเลยได้เพราะ+

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นซ้ำในคดีแพ่ง, ผลคำพิพากษาเกี่ยวกับฐานะบุคคลย่อมใช้ยันบุคคลภายนอก, การงดสืบพยานในประเด็นที่เคยวินิจฉัยแล้ว
โจทก์กับจำเลยที่ 2 โดยพิพาทกับเรื่องแบ่งทรัพย์สิน ศาลได้วินิจฉัยถึงประเด็นเรื่องการหย่าระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ในคดีนั้นแล้วครั้นต่อมาโจทก์ได้ฟ้อง่ขอให้เพิกถอนการสมรสระหว่างจำเลยที่ 1 และ 2 ในคดีหลังนี้จำเลยที่ 2 จะยกประเด็นเรื่องหย่าขึ้นต่อสู้โจทก์อีกไม่ได้เพราะเป็นประเด็นเดียวกันและโจทก์กับจำเลยก็เป็นคู่ความเดียวกัน ต้องห้ามตาม ป.วิ.แพ่ง ม.148
คำพิพากษาในคดีก่อนเรื่องแบ่งทรัพย์สินที่วินิจฉัยชี้ประเด็นเรื่องหย่าไว้ด้วยนั้นเป็นคำพิพากษาเกี่ยวกับฐานะของบุคคลย่อมใช้ยันจำเลยที่ 1 ด้วยได้ จำเลยที่ 1 จะขอสืบพะยานในประเด็นเรื่องหย่าในคดีนี้อีกไม่ได้ตาม ป.วิ.แพ่ง ม.145 ( ป.ช.ญ.ครั้งที่ 1/2498 )

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 997/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ประเด็นเดียวกันห้ามยกขึ้นต่อสู้ซ้ำ และคำพิพากษาเกี่ยวกับฐานะบุคคลย่อมมีผลผูกพัน
โจทก์กับจำเลยที่ 2 เคยพิพาทกันเรื่องแบ่งทรัพย์สิน ศาลได้วินิจฉัยถึงประเด็นเรื่องการหย่าระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ในคดีนั้นแล้ว ครั้นต่อมาโจทก์ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนการสมรสระหว่างจำเลยที่ 1 และ 2 ในคดีหลังนี้จำเลยที่ 2 จะยกประเด็นเรื่องหย่าขึ้นต่อสู้โจทก์อีกไม่ได้ เพราะเป็นประเด็นเดียวกันและโจทก์กับจำเลยก็เป็นคู่ความเดียวกัน ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148
คำพิพากษาในคดีก่อนเรื่องแบ่งทรัพย์สินที่วินิจฉัยชี้ประเด็นเรื่องหย่าไว้ด้วยนั้นเป็นคำพิพากษาเกี่ยวกับฐานะของบุคคลย่อมใช้ยันจำเลยที่ 1 ด้วยได้ จำเลยที่ 1จะขอสืบพยานในประเด็นเรื่องหย่าในคดีนี้อีกไม่ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 1/2498)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387-389/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งสิทธิในที่ดินและการทำลายสัญญาซื้อขาย: จำเป็นต้องฟ้องผู้ซื้อร่วมด้วย
โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ และขอทำลายนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทดังกล่าวระหว่างจำเลยผู้ขายกับบุคคลภายนอกผู้ซื้อเมื่อคดีปรากฏว่า จำเลยได้ทำนิติกรรมจดทะเบียนขายที่รายพิพาท และส่งมอบการครอบครองให้ผู้ซื้อไปแล้วดังนี้ เมื่อมิได้ฟ้องผู้ซื้อเข้ามาเป็นจำเลยด้วยแม้ศาลจะวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ก็จะพิพากษาให้ทำลายหนังสือสัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยและผู้ซื้อไม่ได้เพราะผู้ซื้อเป็นบุคคลภายนอกคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 387-389/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องแย้งสิทธิในที่ดินหลังมีการซื้อขายแล้ว การฟ้องต้องรวมผู้ซื้อเป็นจำเลย
โจทย์ฟ้องขอให้แสดงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ และขอทำลายนิติกรรมซื้อขายที่ดินพิพาทหลังกล่าวระหว่างจำเลยผู้ขาย กับบุคคลภายนอกผู้ซื้อ เมื่อคดีปรากฏว่า จำเลยได้ทำนิติกรรมจดทะเบียนขายที่รายพิพาท และส่งมอบการครอบครองให้ผู้ซื้อไปแล้ว ดังนี้ เมื่อมิได้ฟ้องผู้ซื้อเข้ามาเป็นจำเลยด้วย แม้ศาลจะวินิจฉัยว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ก็จะพิพากษาให้ทำลายหนังสือสัญญาซื้อขายระหว่างจำเลยและผู้ซื้อไม่ได้ เพราะผู้ซื้อเป็นบุคคลภายนอกคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2497

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายและการเก็บผลประโยชน์จากที่ดิน ศาลไม่อาจบังคับโอนกรรมสิทธิ์ได้หากมีเหตุขัดแย้งจากคดีอื่น
เดิมบิดาและมารดาทำสัญญาประนีประนอมยกที่ดินที่ปกครองร่วมกัน ให้แก่บุตรชาย บุตรหญิงรวม 2 คนคนละ 1 ส่วนเท่าๆ กันแต่บุตรจะเข้าครอบครองได้ต่อเมื่อบิดามารดาตายหมดแล้วทั้งสองคนครั้นบิดาตายไปก่อนคนเดียวมารดาจึงทำสัญญาจะขายที่ดินนั้นแก่ผู้อื่นบุตรชายจึงฟ้องมารดา ในที่สุดศาลพิพากษาบังคับมารดาไม่ให้ขายที่พิพาทนั้นมารดาจึงบอกเลิกข้อผูกพันกับผู้ซื้อ และห้ามมิให้ผู้ซื้อเก็บผลประโยชน์ในที่ดินพิพาทอีกต่อไป ดังนี้ผู้ซื้อจะมาฟ้องมารดาให้โอนที่ดินส่วนของบุตรหญิงให้ผู้ซื้อตามสัญญาเดิมนั้น ย่อมไม่ได้ และจะเรียกค่าเสียหายในฐานที่ถูกมารดาห้ามไม่ให้เก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทต่อไปก็ไม่ได้
และสำหรับมารดาก็จะฟ้องเรียกค่าผลประโยชน์ที่ผู้ซื้อได้จากที่ดินนั้นคืน ก็ไม่ได้เช่นเดียวกันเพราะมารดาได้มอบที่ดินให้เขาเก็บผลประโยชน์เอาตามสัญญาจะซื้อขาย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 250/2497 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาจะซื้อขายและการโอนสิทธิในที่ดิน: สิทธิเรียกร้องเมื่อสัญญาไม่สมบูรณ์และการจัดการผลประโยชน์
เดิมบิดาและมารดาทำสัญญาประนีประนอมยกที่ดินที่ปกครองรวมกัน ให้แก่บุตรชาย บุตรหญิงรวม 2 คนๆละ 1 ส่วนเท่าๆกัน แต่บุตรจะเข้าครอบครองได้ต่อเมื่อบิดามารดาตายหมดแล้วทั้งสองคน ครั้นบิดาตายไปก่อนคนเดียว มารดาจึงทำสัญญาจะขายที่ดินนั้นแก่ผู้อื่น บุตรชายจึงฟ้องมารดา ในที่สุดศาลพิพากษาบังคับมารดาไม่ให้ขายที่พิพาทนั้น มารดาจึงบอกเลิกข้อผูกพันกับผู้ซื้อ และห้ามมิให้ผู้ซื้อเก็บผลประโยชน์ในที่ดินพิพาทอีกต่อไป ดังนี้ ผู้ซื้อจะมาฟ้องมารดาให้โอนที่ดินส่วนของบุตรหญิงให้ผู้ซื้อตามสัญญาเดิมนั้น ย่อมไม่ได้ และจะเรียกค่าเสียหายในฐานที่ถูกมารดาห้ามไม่ให้เก็บผลประโยชน์ในที่พิพาทต่อไปก็ไม่ได้
และสำหรับมารดาก็จะฟ้องเรียกค่าผลประโยชน์ที่ผู้ซื้อได้จากที่ดินนั้นคืน ก็ไม่ได้เช่นเดียวกันเพราะมารดาได้มอบที่ดินให้เขาเก็บผลประโยชน์เอาตามสัญญาจะซื้อขาย
of 124