คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 145

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,236 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 893/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินมรดก: คำสั่งศาลแสดงสิทธิครอบครองไม่ตัดสิทธิทายาท
ไปร้องต่อศาลขอให้แสดงสิทธิครอบครองในที่ดินมีโฉนดอ้างว่าเจ้าของที่ดินขายให้คนนั้นแม้ศาลจะมีคำสั่งแสดง ว่าผู้นั้นได้สิทธิครอบครองในที่ดินนั้น ก็ตามเมื่อความจริงปรากฎว่า เจ้าจองที่ดินนั้นมิได้ขาย เป็นแต่ให้เช่าดังนี้ คำสั่งของศาลดังกล่าวย่อมไม่เป็นการตัดสิทธิเจ้าของที่ดินหรือทายาทที่จะฟ้องเรียกร้องเอาที่ดินนั้นคืนมา./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 883/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิครอบครองที่ดินที่ได้มาจากการอ้างซื้อ เมื่อความจริงเป็นสัญญาเช่า สิทธิครอบครองย่อมไม่สมบูรณ์
ไปร้องต่อศาลขอให้แสดงสิทธิครอบครองในที่ดินมีโฉนดอ้างว่าเจ้าของที่ดินขายให้ตนนั้น แม้ศาลจะมีคำสั่งแสดงว่าผู้นั้นได้สิทธิครอบครองในที่ดินนั้น ก็ตาม เมื่อความจริงปรากฏว่าเจ้าของที่ดินนั้นมิได้ขาย เป็นแต่ให้เช่า ดังนี้ คำสั่งของศาลดังกล่าวย่อมไม่เป็นการตัดสิทธิเจ้าของที่ดินหรือทายาทที่จะฟ้องเรียกร้องเอาที่ดินนั้นคืนมา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 879/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลเด็ดขาดหลังศาลพิพากษาแล้ว โจทก์ไม่อุทธรณ์แก้ไขมิได้ แม้จะอ้างสำคัญผิด
คู่ความทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาล จนศาลพิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญาประนีประนอมยอมความนั้น ไม่มีฝ่ายใดอุทธรณ์ฎีกาจนคดีถึงที่สุดเช่นนี้ ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะมาฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความนั้นในภายหลัง โดยอ้างว่าทำไปโดยสำคัญผิดไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 788/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิในที่ดินเช่าและเรือนที่ปลูก: การบังคับรื้อเรือนของผู้อื่น
จำเลยที่ 1 เช่าที่ดินของโจทก์ซึ่งมีเรือนปลูกอยู่ แต่ปรากฏว่าเรือนที่ปลูกไม่ใช่ของจำเลยที่ 1 เป็นของผู้มีชื่อ และจำเลยที่ 2-3 เป็นผู้เช่าเรือนพิพาทอยู่จากเจ้าของเรือน ครั้นหมดสัญญาเช่าที่ดินแล้ว โจทก์บอกเลิกการเช่ากับจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2-3 ออกจากที่ และรื้อเรือนพิพาทไป ดังนี้ศาลย่อมพิพากษาขับไล่ตัวจำเลยที่ 1 ออกจากที่พิพาทไปได้แต่จะให้รื้อเรือนพิพาทออกไปด้วยย่อมไม่ได้เพราะเป็นเรือนของผู้อื่นซึ่งโจทก์มิได้ฟ้องผู้นั้นด้วย จึงยังไม่มีใครชี้ว่าเจ้าของเรือนพิพาทมีอำนาจที่จะคงปลูกเรือนพิพาทอยู่ในที่ของโจทก์หรือไม่ และจะบังคับให้จำเลยที่ 2-3 ซึ่งเป็นผู้เช่าเรือนพิพาทจากเจ้าของเรือนให้ออกไปจากเรือน ก็ไม่ได้ด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 532/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งแสดงกรรมสิทธิ์ตามคำร้องไม่มีข้อพิพาท ไม่อาจใช้ยันเจ้าของที่ดินที่มีสิทธิดีกว่าได้
ไปยื่นคำร้องต่อศาลขอให้แสดงว่าที่ดินแปลงหนึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของตน เป็นคดีไม่มีข้อพิพาทนั้นแม้ศาลจะมีคำสั่งแสดงว่าที่แปลงนั้นเป็นของผู้ร้องคำสั่งนี้ก็ใช้ยันเจ้าของที่ดินอันแท้จริงไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2496

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนสัญญาโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน - การฟ้องคดีเฉพาะจำเลยผู้ทำสัญญา โดยไม่ฟ้องผู้รับโอน
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่า โจทก์เป็นทายาทโดยธรรม เป็นผู้รับมรดกที่ดินของบิดาโจทก์ ซึ่งถึงแก่กรรมไปแล้วและว่า ถ้าจำเลยได้ทำสัญญาโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้กับผู้อื่นแล้ว ขอให้ทำลายเอกสารเสียด้วย แต่โจทก์มิได้ฟ้องผู้รับโอนที่ดินรายนั้นจากจำเลย เป็นจำเลยด้วยไม่ ดังนี้ แม้จะฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินนั้น เป็นของบิดา โจทก์ตกได้แก่โจทก์ ศาลก็ไม่ชอบที่จะพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาโอน กรรมสิทธิ์อันเป็นผลเลยไปถึงบุคคลภายนอก ซึ่งมิได้เป็นคู่ความด้วย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 438/2496 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนสัญญาโอนกรรมสิทธิที่ดินต้องมีคู่ความครบถ้วน การฟ้องไม่ครอบคลุมถึงผู้รับโอนทำให้ศาลไม่สามารถบังคับคดีถึงบุคคลภายนอกได้
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลแสดงว่า โจทก์เป็นทายาทโดยธรรม เป็นผู้รับมรดกที่ดินของบิดาโจทก์ ซึ่งถือแก่กรรมไปแล้ว
และว่า ถ้าจำเลยได้ทำสัญญาโอนกรรมสิทธิที่ดินให้กับผู้อื่นแล้ว ขอให้ทำลายเอกสารเสียด้วย แต่โจทก์มิได้ฟ้องผู้รับโอนที่ดินรายนั้นจากจำเลยเป็นจำเลยด้วยไม่ ดังนี้ แม้จะฟังข้อเท็จจริงว่าที่ดินนั้น เป็นของบิดาโจทก์ตกได้แก่โจกท์ ศาลก็ไม่ชอบที่จะพิพากษาให้เพิกถอนสัญญาโอนกรรมสิทธิอันเป็นผลเลยไปถึงบุคคลภายนอก ซึ่งมิได้เป็นคู่ความด้วย./

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2495

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันสัญญาประนีประนอมยอมความและการปฏิบัติตามสัญญาเช่า
คู่ความตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลว่าจำเลยยอมให้โจทก์เช่าศาลาท่าน้ำและชานศาลาเป็นท่าขึ้นลงสำหรับที่เรือจ้างรับส่งคนโดยสาร เมื่อศาลพิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญายอมความนั้นแล้วผลก็ย่อมผูกพันจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญายอมความนั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรกจำเลยจะอ้างว่า ต้องทำสัญญาเช่ากันใหม่ เพราะเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ถ้าโจทก์ไม่ยอมเซ็นสัญญาเช่าใหม่แล้วจำเลยก็ยังไม่ยอมให้โจทก์เช่า ดังนี้ ไม่ได้ เพราะการเช่าย่อมเกิดขึ้นแล้วตามสัญญายอมความ และตามสัญญายอมความก็ไม่มีข้อความว่าจะต้องไปทำสัญญาเช่ากันใหม่ไม่ ฉะนั้นถ้าจำเลยขัดขืนโจทก์ก็ขอให้ศาลออกคำบังคับจำเลยได้ทีเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1591/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันของสัญญายอมความ: การปฏิบัติตามสัญญาเช่าที่ตกลงกันไว้ในสัญญาประนีประนอม
คู่ความตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันในศาลว่า จำเลยยอมให้โจทก์เช่าศาลท่าน้ำและชานศาลาเป็นท่าขึ้นลงสำหรับที่เรือจ้างรับส่งคนโดยสาร เมื่อศาลพิพากษาให้คดีเป็นอันเสร็จเด็ดขาดไปตามสัญญายอมความนั้นแล้วผลก็ย่อมผูกพันจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญายอมความนั้นตาม ป.ม.วิ.แพ่งมาตรา 145 วรรคแรก จำเลยจะอ้างว่า ต้องทำสัญญาเช่ากันใหม่ เพราะเป็นการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ถ้าโจทก์ไม่ยอมเซ็นสัญญาเช่าใหม่แล้ว จำเลยก็ยังไม่ยอมให้โจทก์เช่า ดังนี้ ไม่ได้เพราะการเช่าย่อมเกิดขึ้นแล้วตามสัญญายอมความ และตามสัญญายอมความก็ไม่มีข้อความว่าจะต้องไปทำสัญญาเช่ากันใหม่ไม่ ฉะนั้นถ้าจำเลยขัดขืนโจทก์ก็ขอให้ศาลออกคำบังคับจำเลยได้ทีเดียว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1315/2495 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องคดีที่ดิน: การพิจารณาผลของคำพิพากษาเดิมและการแก้ไขสัญญาซื้อขาย
โจทก์จำเลยตกลงปราณีประนอมยอมความกันต่อศาล และศาลพิพากษาตามยอมว่าที่ดินตามหนังสือสัญญาซื้อขายด้านกว้างยาวและทิศติดต่อปรากฎตามหนังสือสัญญาซื้อขายตามบัญชีท้ายคำร้องรวมเป็นเนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 45 วา เป็นกรรมสิทธิของโจทก์ เหลือที่ดินนอกสัญญาซื้อขายให้เป็นกรรมสิทธิกับจำเลยต่อไป แต่มิได้มีการทำแผนที่ในคดีไปตามข้อตกลงของคู่ความ หาได้พิพากษาแสดงกรรมสิทธิของจำเลยว่ามีอยู่แค่ไหนเพียงไรไม่ ฉะนั้นเมื่อปรากฎว่าเนื้อที่ตามสัญญาซื้อขายที่ยอมความกันนั้น เจ้าพนักงานลงเนื้อที่ผิดไป โจทก์ได้ขอให้แก้เสียใหม่ให้ถูกต้องเป็นเนื้อที่ 6 ไร่ 2 งาน 46 วา แล้วโจทก์ได้ซื้อที่ดินแปลงนี้มาจากมารดาจำเลย แล้วสามีโจทก์กับโจทก์ได้ปกครองที่แปลงนี้ ต่อมาจำเลยมาขัดขวางสิทธิโดยไปร้องขอจัดการมรดกมารดาจำเลย ขอให้แสดงว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ซึ่งปรากฎในคดีก่อนนั้นเป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงขอให้ศาลแสดงว่าที่ดินพิพาทนี้ เป็นมรดกของสามีโจทก์ตกเป็นของโจทก์และบุตร ได้
of 124