พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,236 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สัญญาจะซื้อขายที่ดินซ้ำซ้อน ศาลรวมพิจารณาคดีและวินิจฉัยสิทธิของผู้ซื้อทั้งสอง
เจ้าของที่ดินทำสัญญาจะขายที่ดินแก่ผู้ซื้อคนหนึ่ง แล้วกลับไปทำสัญญาจะขายแก่ผู้ซื้ออีกคนหนึ่งอีก ผู้ซื้อทั้ง 2 ต่างเป็นโจทก์ฟ้องเจ้าของคนละสำนวน ขอให้ศาลบังคับให้เจ้าของผู้เป็นจำเลยโอนที่ดินรายเดียวกันนั้นให้แก่ตนตามสัญญา ศาลชั้นต้นได้รวมพิจารณาคดี 2 สำนวนด้วยกัน สืบพยานรวมกันมาเป็นเรื่องเดียวกัน แล้วพิพากษาให้เจ้าของโอนที่ให้แก่ผู้ซื้อคนหลัง และยกฟ้องผู้ซื้อคนแรกนั้นเสีย ผู้ซื้อคนแรกอุทธรณ์ฝ่ายเดียวศาลอุทธรณ์ก็ได้พิพากษากลับให้จำเลยโอนที่ดินแก่ผู้ซื้อคนแรก ดังนี้ ก็เท่ากับได้วินิจฉัยชี้ขาดกรณีพิพาทระหว่างผู้ซื้อคนหลัง ผู้ซื้อคนแรก และผู้ขาย โดยรวมกันไปเสร็จสิ้นแล้ว คงอยู่แต่ชั้นบังคับคดีซึ่งต้องให้เป็นผลไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 20/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1734/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่ขัดแย้งกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น กรณีสัญญาจะซื้อขายที่ดินซ้ำซ้อน
เจ้าของที่ดินทำสัญญาจะขายที่ดินแก่ผู้ซื้อคน 1 แล้วกลับไปทำสัญญาจะขายแก่ผู้ซื้ออีกคนหนึ่งอีก ผู้ซื้อทั้ง 2 ต่างเป็นโจทก์ฟ้องเจ้าของคนละสำนวน ขอให้ศาลบังคับให้เจ้าของผู้เป็นจำเลยโอนที่ดินรายเดียวกันนั้นให้แก่ตนตามสัญญา ศาลชั้นต้นได้รวมพิจารณาคดี 2 สำนวนด้วยกัน สืบพยานรวมกันมาเป็นเรื่องเดียวกัน แล้วพิพากษาให้เจ้าของโอนที่ให้แก่ผู้ซื้อคนหลังและยกฟ้องผู้ซื้อคนแรกนั้นเสียผู้ซื้อคนแรกอุทธรณ์ฝ่ายเดียว ศาลอุทธณ์ก็ได้พิพากษากลับให้จำเลยโอนที่ดินแก่ผู้ซื้อคนแรก ดังนี้ ก็เท่ากับได้วินิจฉัยชี้ขาด กรณีพิพาทระหว่างผู้ซื้อคนหลังผู้ซื้อคนแรก และผู้ขาย โดยรวมกันไปเสร็จสิ้นแล้วคงอยู่แต่ชั้นบังคับคดีซึ่งต้องให้เป็นผลไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องคดีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน: คดีก่อนผูกพันคดีหลังไม่ได้ หากคู่ความและประเด็นข้อพิพาทเปลี่ยนแปลง
ผู้มีชื่อในโฉนดร่วมกับผู้อื่นฟ้องขอแบ่งที่ดินเฉพาะส่วนของตนจากผู้ที่ยึดถือครอบครองที่ดิน ผู้ครอบครองที่ดินต่อสู้ว่า ผู้มีชื่อในโฉนดคนอื่นเอาที่ดินนี้ตีใช้หนี้ตน ทางพิจารณาศาลฟังว่าไม่มีการตีใช้หนี้ แต่เห็นว่า การที่จะฟ้องขอแบ่งเฉพาะส่วนของโจทก์นั้นย่อมแบ่งให้ไม่ได้ จึงพิพากษายกฟ้อง ภายหลังผู้ครอบครองที่ดินเป็นโจทก์ฟ้องทายาทผู้มีชื่อในโฉนดคนหนึ่งขอให้ศาลแสดงว่า ที่พิพาทนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ครอบครองที่ดิน ทายาทผู้เป็นจำเลยต่อสู้ว่า ผู้ครอบครองที่ดินไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้องอีกเพราะเคยฟ้องกันมาแล้วและในคดีหลังนี้ ผู้มีชื่อในโฉนดที่เคยเป็นโจทก์ฟ้องผู้ครอบครองก็ได้ร้องเข้ามาเป็นจำเลยร่วม จนศาลอนุญาตแล้วก็ตาม ศาลฎีกาก็เห็นว่าจะเอาข้อเท็จจริงในคดีก่อนมารับฟังเป็นข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ได้ เพราะโจทก์จำเลยในคดีนี้เป็นคู่กรณีคนใหม่ และในคดีก่อนศาลยกฟ้องเพราะเห็นว่า การฟ้องขอแบ่งเฉพาะส่วนของตน ย่อมแบ่งให้ไม่ได้ เป็นประเด็นสำคัญ การที่ผู้ครอบครองที่ดินมาฟ้องอ้างสิทธิในที่ดินนี้ทั้งแปลงประเด็นก็ไม่เหมือนกับคดีก่อนซึ่งพิพาทกันเฉพาะที่ดินส่วนของผู้มีชื่อในโฉนดผู้เป็นโจทก์ฟ้องเท่านั้น จึงจะยกเอาสำนวนก่อนมาผูกพันบังคับคู่ความคดีนี้ใหม่หาได้ไม่ชอบที่ศาลจะสืบพยานฟังข้อเท็จจริงในสำนวนหลังนี้ต่อไป(ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 23/2493)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1685/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดในการนำข้อเท็จจริงจากคดีก่อนมาผูกพันคดีใหม่ แม้คู่ความบางส่วนจะซ้ำกัน ศาลต้องพิจารณาประเด็นและสภาพคดีที่เปลี่ยนแปลง
ผู้มีชื่อในโฉนดร่วมกับผู้อื่นฟ้องขอแบ่งที่ดินเฉพาะส่วนของคนจากผู้ที่ยึดถือครอบครองที่ดินผู้ครอบครองที่ดินต่อสู้ ว่าผู้มีชื่อในโฉนดคนอื่นเอาที่ดินนี้ตีใช้หนี้ตน ทางพิจารณาศาลฟังว่าไม่มีการตีใช้หนี้ แต่เห็นว่าการที่จะฟ้องขอแบ่งเฉพาะส่วนของโจทก์นั้นย่อมแบ่งให้ไม่ได้ จึงพิพากษายกฟ้อง ภายหลังผู้ครอบครองที่ดินเป็นโจกท์ฟ้องทายาทผู้มีชื่อในโฉนดคนหนึ่งขอให้ศาลแสดงว่า ที่พิพาทนี้เป็นกรรมสิทธิของผู้ครอบครองที่ดินทายาทผู้เป็นจำเลยต่อสู้ว่าผู้ครอบครองที่ดินไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้อง อีกเพราะเคยฟ้องกันมาแล้วและในคดีหลังนี้ผู้มีชื่อในโฉนดที่เคยเป็นโจทก์ฟ้องผู้ครอบครองก็ได้ร้องเข้ามาเป็นจำเลยร่วมจนศาลอนุญาตแล้วก็ตาม ศาลฎีกาก็เห็นว่าจะเอาข้อเท็จจริงในในคดีก่อนมารับฟังเป็นข้อเท็จจริงในคดีนี้ไม่ได้ เพราะโจทก์จำเลยในคดีนี้เป็นคู่กรณีคนใหม่และในคดีก่อนศาลยกฟ้อง เพราะเห็นว่าการฟ้องขอแบ่งเฉพาะส่วนของตนย่อมแบ่งให้ไม่ได้เป็นประเด็นสำคัญ การที่ผู้ครอบครองที่ดินมาฟ้องอ้างสิทธิในที่ดินนี้ทั้งแปลงประเด็นก็ไม่เหมือนกับคดีก่อนซึ่งพิพาทกันเฉพาะที่ดิน ส่วนของผู้มีชื่อในโฉนดผู้เป็นโจทก์ฟ้องเท่านั้น จึงจะยกเอาสำนวนก่อนมาผูกพันบังคับคู่ความคดีนี้ใหม่หาได้ไม่ ชอบที่ศาลจะสืบพยานฟังข้อเท็จจริงในสำนวนหลังนี้ต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารที่ไม่ได้รับการรับรองเป็นหลักฐานในคดี การพิสูจน์ข้อเท็จจริง และการยกฟ้อง
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลย โดยอ้างว่าจำเลยได้ทำสัญญายอมความไว้ที่อำเภอ จำเลยปฏิเสธว่ามิได้ทำสัญญายอมความกับโจทก์ เมื่อโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน ศาลจะอาศัยสำเนาเอกสารในสำนวนในอีกคดีหนึ่ง ซึ่งจำเลยมิได้เป็นคู่ความด้วย และจำเลยมิได้รับรองสำเนาเอกสารฉบับนั้นว่าเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความแต่อย่างใดมาเป็นพยานหลักฐานพิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์ไม่ได้ ต้องถือว่าโจทก์ไม่สืบให้สมฟ้องคดีของโจทก์จึงไม่มีหลักฐานพยานพอที่จะให้ศาลฟังเป็นความจริงได้ จึงต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1115/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การใช้เอกสารที่ไม่ได้รับการรับรองเป็นหลักฐานในคดีแพ่ง: หลักการพยานและภาระการพิสูจน์
โจทก์ฟ้องเรียกเงินจากจำเลย โดยอ้างว่าจำเลยได้ทำสัญญายอมความไว้ที่อำเภอจำเลยปฏิเสธว่ามิได้ทำสัญญายอมความลับโจทก์ เมื่อโจทก์จำเลยไม่สืบพยาน ศาลจะอาศัยสำเนาเอกสารในสำนวนในอีกคดีหนึ่งซึ่งจำเลยมิได้เป็นคู่ความด้วย และจำเลยมิได้รับรองสำเนาเอกสารฉะบับนั้นว่าเป็นสัญญาปราณีประนอมยอมความแต่อย่างใดมาเป็นพยานหลัก ฐานพิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์ไม่ได้ต้องถือว่าโจทก์ไม่สืบให้สมฟ้องคดีของโจทก์จึงไม่มีหลักฐานพยานพอที่จะ ให้ศาลฟังเป็นความจริงได้ จึงต้องยกฟ้อง
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1058/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การยอมความที่ไม่ผูกพันทายาทอื่น: สิทธิในการแบ่งมรดกยังคงมีอยู่
ทายาทหลายคนได้ปกครองเป็นเจ้าของทรัพย์มฤดกร่วมกันมาโดยยังไม่ได้แบ่งปันกัน ต่อมาทายาทคนหนึ่งฟ้องขอแบ่งทรัพย์มฤดกนั้น จากทายาทอีกคนหนึ่งเพียงคนเดียวมิได้ฟ้องทายาทอันเป็นเจ้าของร่วมคนอื่นเข้ามาในคดีด้วย ทายาทคนที่ถูกฟ้องยอมความเอาทรัพย์มฤดกที่ทายาทอื่นซึ่งเป็นคนนอกคดีเป็นเจ้าของร่วมด้วยไปแบ่งปันเอาเสียคนเดียว และยอมรับเงินจำนวนหนึ่งตกลงโอนทรัพย์นั้นให้เป็นของทายาทผู้ฟ้องคดีทั้งหมดโดยทายาทคนนอกคดีไม่ได้รู้ เห็นยินยอมด้วยนั้น ย่อมไม่ผูกพันทายาทคนนอกคดีตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา 1361 วรรค 2
การกระทำของทายาทผู้เป็นโจทก์และทายาทผู้เป็นจำเลย เป็นเหตุให้ทายาทคนนอกคดีเสียสิทธิและเกิดเสียหายแก่ทรัพย์ของทายาทคนนอกคดี คำพิพากษาในคดีก่อนนั้นจึงใช้ยันทายาทคนนอกคดีไม่ได้ ทายาทคนนอกคดีมีสิทธิฟ้องทายาทผู้เป็นโจทก์และจำเลยขอให้ศาลแบ่งทรัพย์นั้นใหม่ได้ไม่จำต้องฟ้องขอให้ทำลายคำพิพากษา
คำว่าสิ่งปลูกสร้างย่อมหมายถึงเรือนด้วย เมื่อโจทก์ฟ้องว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นมฤดก จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธหรือต่อสู้ประการใดจึงไม่มีประเด็นในเรื่องเรือนโจทก์ไม่ต้องนำสืบ ศาลก็รับฟังได้ว่าเรือนเป็นทรัพย์มฤดกด้วยตายนัยแห่งฎีกาที่ 218/2488
การที่โจทก์ตีราคาทรัพย์มาในคำฟ้องนั้น เป็นการประมาณราคาเพื่อเรียกค่าธรรมเนียมเมื่อไม่มีเหตุที่ศาลควรสงสัยหรือฝ่ายใดโต้แย้ง ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเรียกค่าขึ้นศาลเพิ่ม
การกระทำของทายาทผู้เป็นโจทก์และทายาทผู้เป็นจำเลย เป็นเหตุให้ทายาทคนนอกคดีเสียสิทธิและเกิดเสียหายแก่ทรัพย์ของทายาทคนนอกคดี คำพิพากษาในคดีก่อนนั้นจึงใช้ยันทายาทคนนอกคดีไม่ได้ ทายาทคนนอกคดีมีสิทธิฟ้องทายาทผู้เป็นโจทก์และจำเลยขอให้ศาลแบ่งทรัพย์นั้นใหม่ได้ไม่จำต้องฟ้องขอให้ทำลายคำพิพากษา
คำว่าสิ่งปลูกสร้างย่อมหมายถึงเรือนด้วย เมื่อโจทก์ฟ้องว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นมฤดก จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธหรือต่อสู้ประการใดจึงไม่มีประเด็นในเรื่องเรือนโจทก์ไม่ต้องนำสืบ ศาลก็รับฟังได้ว่าเรือนเป็นทรัพย์มฤดกด้วยตายนัยแห่งฎีกาที่ 218/2488
การที่โจทก์ตีราคาทรัพย์มาในคำฟ้องนั้น เป็นการประมาณราคาเพื่อเรียกค่าธรรมเนียมเมื่อไม่มีเหตุที่ศาลควรสงสัยหรือฝ่ายใดโต้แย้ง ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเรียกค่าขึ้นศาลเพิ่ม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1058/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การตกลงแบ่งมรดกที่ไม่ผูกพันทายาทอื่น เจ้าของร่วมมีสิทธิฟ้องแบ่งมรดกใหม่ได้
ทายาทหลายคนได้ปกครองเป็นเจ้าของทรัพย์มรดกร่วมกันมาโดยยังไม่ได้แบ่งปันกัน ต่อมาทายาทคนหนึ่งฟ้องขอแบ่งทรัพย์มรดกนั้น จากทายาทอีกคนหนึ่งเพียงคนเดียว มิได้ฟ้องทายาทอันเป็นเจ้าของร่วมคนอื่นเข้ามาในคดีด้วยทายาทคนที่ถูกฟ้องยอมความเอาทรัพย์มรดกที่ทายาทอื่นซึ่งเป็นคนนอกคดีเป็นเจ้าของร่วมด้วยไปแบ่งปันเอาเสียคนเดียวและยอมรับเงินจำนวนหนึ่ง ตกลงโอนทรัพย์นั้นให้เป็นของทายาทผู้ฟ้องคดีทั้งหมดโดยทายาทคนนอกคดีไม่ได้รู้เห็นยินยอมด้วยนั้น ย่อมไม่ผูกพันทายาทคนนอกคดีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1361 วรรคสอง
การกระทำของทายาทผู้เป็นโจทก์และทายาทผู้เป็นจำเลยเป็นเหตุให้ทายาทคนนอกคดีเสียสิทธิและเกิดเสียหายแก่ทรัพย์ของทายาทคนนอกคดี คำพิพากษาในคดีก่อนนั้นจึงใช้ยันทายาทคนนอกคดีไม่ได้ ทายาทคนนอกคดีมีสิทธิฟ้องทายาทผู้เป็นโจทก์และจำเลยขอให้ศาลแบ่งทรัพย์นั้นใหม่ได้ไม่จำต้องฟ้องขอให้ทำลายคำพิพากษา
คำว่าสิ่งปลูกสร้างย่อมหมายถึงเรือนด้วย เมื่อโจทก์ฟ้องว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นมรดก จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธหรือต่อสู้ประการใดจึงไม่มีประเด็นในเรื่องเรือนโจทก์ไม่ต้องนำสืบ ศาลก็รับฟังได้ว่า เรือนเป็นทรัพย์มรดกด้วยตามนัยแห่งฎีกาที่ 218/2488
การที่โจทก์ตีราคาทรัพย์มาในคำฟ้องนั้น เป็นการประมาณราคาเพื่อเรียกค่าธรรมเนียม เมื่อไม่มีเหตุที่ศาลควร สงสัยหรือฝ่ายใดโต้แย้ง ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเรียกค่าขึ้นศาลเพิ่ม
การกระทำของทายาทผู้เป็นโจทก์และทายาทผู้เป็นจำเลยเป็นเหตุให้ทายาทคนนอกคดีเสียสิทธิและเกิดเสียหายแก่ทรัพย์ของทายาทคนนอกคดี คำพิพากษาในคดีก่อนนั้นจึงใช้ยันทายาทคนนอกคดีไม่ได้ ทายาทคนนอกคดีมีสิทธิฟ้องทายาทผู้เป็นโจทก์และจำเลยขอให้ศาลแบ่งทรัพย์นั้นใหม่ได้ไม่จำต้องฟ้องขอให้ทำลายคำพิพากษา
คำว่าสิ่งปลูกสร้างย่อมหมายถึงเรือนด้วย เมื่อโจทก์ฟ้องว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นมรดก จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธหรือต่อสู้ประการใดจึงไม่มีประเด็นในเรื่องเรือนโจทก์ไม่ต้องนำสืบ ศาลก็รับฟังได้ว่า เรือนเป็นทรัพย์มรดกด้วยตามนัยแห่งฎีกาที่ 218/2488
การที่โจทก์ตีราคาทรัพย์มาในคำฟ้องนั้น เป็นการประมาณราคาเพื่อเรียกค่าธรรมเนียม เมื่อไม่มีเหตุที่ศาลควร สงสัยหรือฝ่ายใดโต้แย้ง ก็ไม่มีปัญหาเรื่องการเรียกค่าขึ้นศาลเพิ่ม
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2493
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเฉลี่ยทรัพย์จากสัญญาสมยอม: ศาลพิจารณาความประสงค์ของผู้ฟ้องที่จะตัดสิทธิจำเลยจากการได้รับส่วนเฉลี่ย
จำเลยสมยอมกันทำสัญญากู้แล้วนำมาฟ้องศาล ทำสัญญายอมความกันแล้วจำเลยผู้ชนะคดี มายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่โจทก์เป็นเจ้าหนี้ยึดทรัพย์มา โจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้เพิกถอนสัญญากู้ สัญญายอมความ อีกทั้งคำพิพากษาตามยอม และขอให้จำเลยถอนคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เสียนั้นความประสงค์อันแท้จริงของโจทก์ ก็คือจะไม่ให้จำเลยมีสิทธิได้รับส่วนเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์ได้ยึดไว้ ฉะนั้นศาลจึงพิพากษาแต่เพียงว่า จำเลยจะอ้างสิทธิตามสัญญากู้และสัญญายอมความอีก ทั้งคำพิพากษาตามยอมในคดีที่สมยอมกันนั้นมาขอเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์ยึดในอีกคดีหนึ่งไม่ได้ไม่จำเป็นต้องเพิกถอนสัญญาตามคำขอของโจทก์ เพราะผลคำพิพากษาในคดีของจำเลยนั้นเป็นเรื่องระหว่างจำเลยด้วยกัน
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 962/2493 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิการเฉลี่ยทรัพย์จากสัญญากู้สมยอม: ศาลจำกัดสิทธิเฉพาะคดีที่เกี่ยวข้องโดยตรง
จำเลยสมยอมกันทำสัญญากู้แล้วนำมาฟ้องศาล ทำสัญญายอมความกัน แล้วจำเลยผู้ขนะคดีมายื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ในคดีที่โจทก์เป็นเจ้าหนี้ยึดทรัพย์มาโจทก์จึงฟ้องจำเลยทั้งสองขอให้เพิกถอนสัญญากู้ สัญญายอมความอีกทั้งคำพิพากษาตามยอมและขอให้จำเลยถอนคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์เสียนั้น ความประสงค์อันแท้จริงของโจทก์ ก็คือจะไม่ให้จำเลยมีสิทธิได้รับส่วนเฉลี่ยทรัพย์ที่โจทก์ได้ยึดไว้ ฉะนั้นศาลจึ่งพิพากษาแต่เพียงว่า จำเลยจะอ้างสิทธิตามสัญญากู้และสัญญายอมความอีกทั้งคำพิพากษาตามยอมในคดีที่สมยอมกันนั้นมาขอเฉลี่ย ทรัพย์ที่โจทก์ยึดในอีกคดีหนึ่งไม่ได้ไม่จำเป็นต้องเพิกถอนสัญญาตามคำขอของโจทก์ เพราะผลคำพิพากษาในคดีของจำเลยนั้นเป็นเรื่องระหว่างจำเลยด้วยกัน