คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 145

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,236 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3681/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิฟ้องแย้งแบ่งมรดกไม่ขาดอายุความ แม้คดีเดิมยังไม่สิ้นสุด
จำเลยได้ครอบครองที่ดินและตึกพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกที่ยังไม่ได้แบ่งร่วมกันกับโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้งขอแบ่งที่ดินและตึกพิพาทซึ่งตนเป็นเจ้าของร่วมได้ จะนำอายุความตาม ป.พ.พ. มาตรา 1754 มาใช้บังคับไม่ได้ ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่ขาดอายุความ
คดีนี้เป็นคดีตามฟ้องแย้งของจำเลยซึ่งถูกแยกพิจารณาคดีต่างหากจากคดีตามฟ้องเดิมของโจทก์ การพิจารณาและวินิจฉัยคดีตามฟ้องเดิมกับคดีตามฟ้องแย้งจะต้องแยกต่างหากจากกัน แม้คดีตามฟ้องเดิมของโจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี แต่คดีตามฟ้องเดิมยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ฉะนั้น จะฟังข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีตามฟ้องเดิมยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3681/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการแบ่งมรดกและฟ้องแย้งขอแบ่งทรัพย์สินร่วมกัน แม้คดีหลักยังไม่สิ้นสุด
จำเลยได้ครองครองที่ดินและตึกพิพาทอันเป็นทรัพย์มรดกที่ยังไม่ได้แบ่งร่วมกันกับโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้งขอแบ่งที่ดินและตึกพิพาทซึ่งตนเป็นเจ้าของร่วมได้ จะนำอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1754 มาใช้บังคับไม่ได้ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่ขาดอายุความ คดีนี้เป็นคดีตามฟ้องแย้งของจำเลยซึ่งถูกแยกพิจารณาคดีต่างหากจากคดีตามฟ้องเดิมของโจทก์ การพิจารณาและวินิจฉัยคดีตามฟ้องเดิมกับคดีตามฟ้องแย้งจะต้องแยกต่างหากจากกัน แม้คดีตามฟ้องเดิมของโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี แต่คดีตามฟ้องเดิมยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ฉะนั้นจะฟังข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีตามฟ้องเดิมยังไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3643/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำขอให้เพิกถอนโฉนดที่ดินโดยอาศัยคำพิพากษาที่วินิจฉัยกรรมสิทธิ์และบังคับเจ้าพนักงานที่ดินเป็นบุคคลภายนอก มิชอบตามกฎหมาย
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาให้เจ้าพนักงานที่ดินยกเลิกคำสั่งให้ออกโฉนดที่ดินให้แก่จำเลยและให้ออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ต่อไปเมื่อโจทก์ไม่ได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นจำเลยด้วย การที่โจทก์มีคำขอดังกล่าวเป็นคำขอที่บังคับแก่บุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นคู่ความในคดีจึงไม่ชอบและไม่อาจบังคับได้ คำพิพากษาที่วินิจฉัยถึงกรรมสิทธิ์แห่งทรัพย์สินที่อาจใช้ยันแก่บุคคลภายนอกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 145(2) มิใช่เป็นเรื่องบังคับให้เจ้าพนักงานที่ดินกระทำการหรือไม่กระทำการ ส่วนประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 60 ก็เป็นเรื่องที่มีกรณีโต้แย้งสิทธิกันเกี่ยวกับการออกโฉนดที่ดินและไม่อาจตกลงกันได้ในชั้นเจ้าพนักงานที่ดิน และต้องฟ้องกันต่อศาลเจ้าพนักงานที่ดินจะต้องรอเรื่องไว้จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาอย่างหนึ่งอย่างใดแล้ว จึงให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการต่อไปก็มิใช่เป็นเรื่องที่ให้สิทธิโจทก์ฟ้องจำเลยแล้วมีคำขอให้บังคับแก่เจ้าพนักงานที่ดินโดยไม่ได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินมาด้วย ปัญหาว่าศาลไม่อาจบังคับจำเลยตามคำขอของโจทก์ได้เพราะเป็นการบังคับบุคคลภายนอกและมิได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดี เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้เองแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้าง

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3405/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาของผู้คัดค้านมีสิทธิ เพราะศาลอุทธรณ์วินิจฉัยจากพยานหลักฐานในคดี ไม่เกินคำร้อง
แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาให้ผู้คัดค้านชนะคดี แต่เมื่อผู้คัดค้านฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำร้องของผู้ร้องไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้าน จึงเป็นฎีกาที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่าพิพากษาไม่ถูกต้องตรงตามประเด็นและผลของคำพิพากษาทำให้เสียสิทธิของผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านมีสิทธิฎีกาได้ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในส่วนที่ฟังข้อเท็จจริงที่มิใช่ข้อเท็จจริงในประเด็นข้อพิพาทโดยตรง หากแต่เป็นการฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในคดีประกอบเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี ย่อมไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้าน จึงหาใช่เป็นการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาเกินคำร้องขอของผู้ร้องไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3405/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ขอบเขตการวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์และการฎีกาของผู้คัดค้านในคดีครอบครองปรปักษ์
แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 จะพิพากษาให้ผู้คัดค้านทั้งหกชนะคดี แต่ผู้คัดค้านทั้งหกฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่าพิพากษาเกินคำร้องขอของผู้ร้อง ซึ่งไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้านทั้งหก ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งหกจึงเป็นฎีกาที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่าพิพากษาไม่ถูกต้องตรงตามประเด็นและผลของคำพิพากษาทำให้เสียสิทธิของผู้คัดค้านทั้งหก ผู้คัดค้านทั้งหกจึงมีสิทธิฎีกาได้
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 ขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง ผู้คัดค้านทั้งหกคัดค้านว่า ที่ดินพิพาทเป็นของผู้คัดค้านทั้งหกมิใช่เป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องเป็นเพียงผู้อาศัย คดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทเพียงว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองหรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2ฟังข้อเท็จจริงไปด้วยว่าที่ดินพิพาทฟังไม่ได้ว่า ห.ได้ยกให้ ท.กับ ล.และมิได้ครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ที่ดินพิพาทจึงเป็นมรดกของ ห.ตกทอดได้แก่ทายาทรวมทั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 4 และส.ซึ่งเป็นบุตรของ ท.ซึ่งมีสิทธิเข้ารับมรดกแทนที่ ผู้ร้องจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตาม ป.พ.พ.มาตรา 1382 คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในส่วนที่ฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยพยานหลักฐานของผู้คัดค้านทั้งหกที่นำสืบหักล้างพยานหลักฐานของผู้ร้อง อันเป็นการฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในคดีประกอบเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีนั้น หาใช่เป็นการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาเกินคำร้องขอของผู้ร้องไม่ เมื่อคำวินิจฉัยในส่วนนี้มิใช่การฟังข้อเท็จจริงในประเด็นข้อพิพาทโดยตรงแล้วย่อมไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้านทั้งหกตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145
ผู้คัดค้านทั้งหกอุทธรณ์และฎีกาโดยเพียงแต่มีคำขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 และศาลฎีกาพิพากษาว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นบางส่วนไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้านทั้งหก ไม่ได้ขอให้ผู้คัดค้านทั้งหกชนะคดี โดยเห็นด้วยในผลของคำพิพากษาที่ให้ยกคำร้องขอของผู้ร้อง จึงเป็นอุทธรณ์และฎีกาที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ตาม ตาราง1 ท้าย ป.วิ.พ ข้อ (3) (ก)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3405/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฎีกาชี้การวินิจฉัยข้อเท็จจริงในคดีครอบครองปรปักษ์ ไม่ถือเป็นการพิพากษาเกินคำร้องขอ
แม้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 จะพิพากษาให้ผู้คัดค้านทั้งหกชนะคดีแต่ผู้คัดค้านทั้งหกฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ว่าพิพากษาเกินคำร้องขอของผู้ร้อง ซึ่งไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้านทั้งหก ฎีกาของผู้คัดค้านทั้งหกจึงเป็นฎีกาที่คัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2ว่าพิพากษาไม่ถูกต้องตรงตามประเด็นและผลของคำพิพากษาทำให้เสียสิทธิของผู้คัดค้านทั้งหก ผู้คัดค้านทั้งหกจึงมีสิทธิฎีกาได้ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382ขอให้ศาลมีคำสั่งแสดงว่าที่พิพาทเป็นของผู้ร้อง ผู้คัดค้านทั้งหกคัดค้านว่า ที่ดินพิพาทเป็นของผู้คัดค้านทั้งหกมิใช่เป็นของผู้ร้องผู้ร้องเป็นเพียงผู้อาศัย คดีจึงมีประเด็นข้อพิพาทเพียงว่าผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองหรือไม่ การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ฟังข้อเท็จจริงไปด้วยว่าที่ดินพิพาทฟังไม่ได้ว่าห.ได้ยกให้ท. กับ ล.และมิได้ครอบครองจนได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองปรปักษ์ ที่ดินพิพาทจึงเป็นมรดกของ ห. ตกทอดได้แก่ทายาทรวมทั้งผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ถึงที่ 4 และส.ซึ่งเป็นบุตรของ ท.ซึ่งมีสิทธิเข้ารับมรดกแทนที่ ผู้ร้องจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1382 คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในส่วนที่ฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวเป็นการวินิจฉัยพยานหลักฐานของผู้คัดค้านทั้งหกที่นำสืบหักล้างพยานหลักฐานของผู้ร้อง อันเป็นการฟังข้อเท็จจริงจากพยานหลักฐานในคดีประกอบเพื่อนำไปสู่การวินิจฉัยในประเด็นข้อพิพาทแห่งคดีนั้น หาใช่เป็นการที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาเกินคำร้องขอของผู้ร้องไม่ เมื่อคำวินิจฉัยในส่วนนี้มิใช่การฟังข้อเท็จจริงในประเด็นข้อพิพาทโดยตรงแล้วย่อมไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้านทั้งหกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 ผู้คัดค้านทั้งหกอุทธรณ์และฎีกาโดยเพียงแต่มีคำขอให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 และศาลฎีกาพิพากษาว่าคำพิพากษาของศาลชั้นต้นบางส่วนไม่มีผลผูกพันผู้คัดค้านทั้งหก ไม่ได้ขอให้ผู้คัดค้านทั้งหกชนะคดีโดยเห็นด้วยในผลของคำพิพากษาที่ให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องจึงเป็นอุทธรณ์และฎีกาที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ต้องเสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีไม่มีทุนทรัพย์ตามตาราง 1 ท้าย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ข้อ (3)(ก)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3368/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนรายการจดทะเบียนที่ดินหลังศาลมีคำสั่งยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ถือเป็นการเพิกถอนวิธีการบังคับคดี
การที่เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนลงชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินพิพาท เป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลในชั้นที่พิจารณาคดีโดยจำเลยขาดนัดและถือเป็นวิธีการบังคับคดีที่ได้ดำเนินไปแล้ว เมื่อศาลมีคำสั่งให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่แล้วการจดทะเบียนลงชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินพิพาทจึงต้องถูกเพิกถอนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209วรรคแรก เมื่อจำเลยมีคำขอให้ศาลเพิกถอนรายการจดทะเบียนดังกล่าวมาด้วยแล้ว ศาลจึงมีอำนาจสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินเพิกถอนรายการจดทะเบียนลงชื่อโจทก์ในโฉนดที่ดินพิพาทนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3368/2537 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเพิกถอนรายการจดทะเบียนที่ดินหลังศาลมีคำสั่งให้พิจารณาคดีใหม่ การจดทะเบียนเดิมขัดต่อคำสั่งศาล
การที่เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนลงชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินพิพาท เป็นการปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลในชั้นที่พิจารณาคดีโดยจำเลยขาดนัดและถือเป็นวิธีการบังคับคดีที่ได้ดำเนินไปแล้ว เมื่อศาลมีคำสั่งให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่แล้ว การจดทะเบียนลงชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในโฉนดที่ดินพิพาท จึงต้องถูกเพิกถอนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 209วรรคแรก เมื่อจำเลยมีคำขอให้ศาลเพิกถอนรายการจดทะเบียนดังกล่าวมาด้วยแล้ว ศาลจึงมีอำนาจสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินเพิกถอนรายการจดทะเบียนลงชื่อโจทก์ในโฉนดที่ดินพิพาทนั้นได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3186/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณี ผู้มีฐานะบริวารย่อมไม่มีสิทธิโต้แย้ง
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านพิพาทออกจากที่ดินที่จำเลยเช่าจากโจทก์ แล้วโจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยยอมรื้อถอนบ้านพิพาทออกจากที่ดินของโจทก์ ศาลพิพากษาตามยอมและ ส. บุตรของจำเลยยอมรับว่าเป็นเจ้าของบ้านพิพาท จำเลยเป็นผู้ดูแลบ้านพิพาทแทน ส. และยอมปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังนี้ ส. อยู่ในฐานะวงศ์ญาติและบริวารของจำเลย ผู้ร้องอาศัยอยู่ในบ้านพิพาทในฐานะผู้อาศัยสิทธิของ ส. ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีที่ ส. เป็นโจทก์ฟ้องผู้ร้องคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ผู้ร้องย่อมอยู่ในฐานะบริวารของจำเลยเช่นเดียวกัน จึงไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและหมายบังคับคดีในคดีนี้ ส่วนที่ผู้ร้องฎีกาถึงเหตุที่เพิ่งยกประเด็นเรื่องโจทก์ให้ผู้ร้องเช่าที่ดินต่อจากจำเลย และ ส.ไม่ได้มอบอำนาจให้จำเลยดูแลบ้านพิพาทและฟ้องคดีแทนขึ้นว่ากล่าวในชั้นอุทธรณ์นั้น เป็นฎีกาที่ไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัย

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3015/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การพิพากษาต้องสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ศาลอาญาพิพากษา
คดีก่อนโจทก์แจ้งความดำเนินคดีแก่จำเลยข้อหาบุกรุกที่พิพาทพนักงานอัยการฟ้องจำเลย คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลย คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกต้นมะพร้าวและขนำในที่ดินพิพาทดังกล่าวทำให้โจทก์เสียประโยชน์จากการใช้ที่ดินขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จึงเป็นการฟ้องขอให้ศาลบังคับตามสิทธิเรียกร้องในทางแพ่งที่เกี่ยวเนื่องมาจากการกระทำผิดอาญา จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เมื่อในคดีอาญาศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายคดีดังกล่าว ดังนั้นการพิพากษาคดีนี้ ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญาว่า จำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์
of 124