พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,236 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3091/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เครื่องหมายการค้าไม่คล้ายกัน แม้มีองค์ประกอบบางส่วนที่เหมือนกัน ศาลยืนตามคำวินิจฉัยเดิม
ในคดีก่อนที่โจทก์ฟ้องจำเลยคดีนี้ ศาลฎีกาได้พิพากษาว่าเครื่องหมายการค้าคำว่า LIGHTMAN ของโจทก์และเครื่องหมายการค้าคำว่า LAWMAN ของจำเลยไม่มีลักษณะคล้ายกันจนถึงกับทำให้สาธารณชนเข้าใจผิด ดังนั้นโจทก์จึงจะยกขึ้นกล่าวอ้างในคดีนี้อีกว่า เครื่องหมายการค้าดังกล่าวเหมือนหรือคล้ายกันหาได้ไม่ จำเลยจึงมีสิทธิที่จะใช้คำว่า LAWMAN เป็นเครื่องหมายการค้าของจำเลยสำหรับสินค้าที่ยื่นคำขอใช้ได้ตามกฎหมาย
เครื่องหมายการค้าของจำเลยนอกจากจะมีอักษรโรมันคำว่า LAWMAN ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าที่จำเลยมีสิทธิใช้ได้ตามกฎหมายแล้ว ยังมีอักษรโรมันว่า ANGEL ขนาดโตเท่ากับคำว่า LAWMAN และมีรูปประดิษฐ์ดอกไม้กับหมวกอยู่ระหว่างอักษรโรมันสองคำดังกล่าวทั้งหมดอยู่ภายในวงกลม ส่วนเครื่องหมายการค้าของโจทก์มีอักษรโรมันว่า LIGHTMAN กับคนสวมหมวก เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วจะเห็นได้ว่าแตกต่างกันอย่างชัดเจนบุคคลธรรมดาที่ไม่สามารถอ่านอักษรโรมันได้ก็สามารถเห็นความแตกต่างกันได้ เครื่องหมายการค้าของจำเลยจึงไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวของจำเลยได้.
เครื่องหมายการค้าของจำเลยนอกจากจะมีอักษรโรมันคำว่า LAWMAN ซึ่งเป็นเครื่องหมายการค้าที่จำเลยมีสิทธิใช้ได้ตามกฎหมายแล้ว ยังมีอักษรโรมันว่า ANGEL ขนาดโตเท่ากับคำว่า LAWMAN และมีรูปประดิษฐ์ดอกไม้กับหมวกอยู่ระหว่างอักษรโรมันสองคำดังกล่าวทั้งหมดอยู่ภายในวงกลม ส่วนเครื่องหมายการค้าของโจทก์มีอักษรโรมันว่า LIGHTMAN กับคนสวมหมวก เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วจะเห็นได้ว่าแตกต่างกันอย่างชัดเจนบุคคลธรรมดาที่ไม่สามารถอ่านอักษรโรมันได้ก็สามารถเห็นความแตกต่างกันได้ เครื่องหมายการค้าของจำเลยจึงไม่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ จำเลยจึงมีสิทธิใช้เครื่องหมายการค้าดังกล่าวของจำเลยได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2861/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้จัดการมรดก & การละเมิดจากทายาท การครอบครองทรัพย์มรดกโดยไม่ยินยอม
ในระหว่างจัดการมรดก โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกย่อมมีอำนาจที่จะกระทำการใด ๆ ในทางจัดการที่จำเป็นได้ ดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1736 จำเลยและบริวารเข้าครอบครองอาคารพิพาทโดยทายาทอื่นมิได้ยินยอม ทำให้ทายาทอื่นขาดผลประโยชน์จากการใช้อาคาร จึงเป็นการละเมิด แม้จำเลยจะเป็นทายาทคนหนึ่ง จำเลยก็ไม่อาจถือเอาประโยชน์จากทรัพย์มรดกที่ยังไม่ได้แบ่งเป็นของตนแต่ผู้เดียว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก ที่ให้คำพิพากษาหรือคำสั่งมีผลผูกพันนับแต่วันที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งจนกว่าถูกเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น นั้น เป็นเรื่องที่ให้ถือว่าผูกพันเฉพาะคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่งดังกล่าวเท่านั้น คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ถอนโจทก์จากการเป็นผู้จัดการมรดกจึงผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีเรื่องนั้นไม่ผูกพันคู่ความในคดีนี้ซึ่งเป็นคนละคดีกัน และจำเลยไม่อาจยกคำสั่งดังกล่าวขึ้นอ้างอิงในคดีนี้ได้ เพราะคำพิพากษาหรือคำสั่งเกี่ยวด้วยฐานะหรือความสามารถของบุคคลที่บุคคลภายนอกจะยกขึ้นใช้อ้างอิงได้ต้องเป็นคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ถึงที่สุดแล้วเท่านั้น.
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก ที่ให้คำพิพากษาหรือคำสั่งมีผลผูกพันนับแต่วันที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งจนกว่าถูกเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น นั้น เป็นเรื่องที่ให้ถือว่าผูกพันเฉพาะคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่งดังกล่าวเท่านั้น คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ถอนโจทก์จากการเป็นผู้จัดการมรดกจึงผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีเรื่องนั้นไม่ผูกพันคู่ความในคดีนี้ซึ่งเป็นคนละคดีกัน และจำเลยไม่อาจยกคำสั่งดังกล่าวขึ้นอ้างอิงในคดีนี้ได้ เพราะคำพิพากษาหรือคำสั่งเกี่ยวด้วยฐานะหรือความสามารถของบุคคลที่บุคคลภายนอกจะยกขึ้นใช้อ้างอิงได้ต้องเป็นคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ถึงที่สุดแล้วเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2861/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้จัดการมรดก แม้มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการ และการละเมิดสิทธิในทรัพย์มรดก
ในระหว่างจัดการมรดก โจทก์ซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกย่อมมีอำนาจที่จะกระทำการใด ๆ ในทางจัดการที่จำเป็นได้ ดังบัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1736 จำเลยและบริวารเข้าครอบครองอาคารพิพาทโดยทายาทอื่นมิได้ยินยอม ทำให้ทายาทอื่นขาดผลประโยชน์จากการใช้อาคาร จึงเป็นการละเมิด แม้จำเลยจะเป็นทายาทคนหนึ่ง จำเลยก็ไม่อาจถือเอาประโยชน์จากทรัพย์มรดกที่ยังไม่ได้แบ่งเป็นของตนแต่ผู้เดียว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก ที่ให้คำพิพากษาหรือคำสั่งมีผลผูกพันนับแต่วันที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งจนกว่าถูกเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น นั้น เป็นเรื่องที่ให้ถือว่าผูกพันเฉพาะคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่งดังกล่าวเท่านั้น คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ถอนโจทก์จากการเป็นผู้จัดการมรดกจึงผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีเรื่องนั้นไม่ผูกพันคู่ความในคดีนี้ซึ่งเป็นคนละคดีกัน และจำเลยไม่อาจยกคำสั่งดังกล่าวขึ้นอ้างอิงในคดีนี้ได้ เพราะคำพิพากษาหรือคำสั่งเกี่ยวด้วยฐานะหรือความสามารถของบุคคลที่บุคคลภายนอกจะยกขึ้นใช้อ้างอิงได้ต้องเป็นคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ถึงที่สุดแล้วเท่านั้น.
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก ที่ให้คำพิพากษาหรือคำสั่งมีผลผูกพันนับแต่วันที่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งจนกว่าถูกเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น นั้น เป็นเรื่องที่ให้ถือว่าผูกพันเฉพาะคู่ความในกระบวนพิจารณาของศาลที่พิพากษาหรือมีคำสั่งดังกล่าวเท่านั้น คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ถอนโจทก์จากการเป็นผู้จัดการมรดกจึงผูกพันเฉพาะคู่ความในคดีเรื่องนั้นไม่ผูกพันคู่ความในคดีนี้ซึ่งเป็นคนละคดีกัน และจำเลยไม่อาจยกคำสั่งดังกล่าวขึ้นอ้างอิงในคดีนี้ได้ เพราะคำพิพากษาหรือคำสั่งเกี่ยวด้วยฐานะหรือความสามารถของบุคคลที่บุคคลภายนอกจะยกขึ้นใช้อ้างอิงได้ต้องเป็นคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ถึงที่สุดแล้วเท่านั้น.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2861/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องของผู้จัดการมรดก: คำสั่งศาลที่ยังไม่ถึงที่สุด ไม่กระทบสิทธิฟ้องในคดีอื่น
โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกฟ้องขับไล่จำเลยออกไปจากอาคารพิพาทศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ระหว่างพิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นศาลได้มีคำสั่งในคดีตั้งผู้จัดการมรดกให้เพิกถอนโจทก์ทั้งสองจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย แต่คดียังไม่ถึงที่สุด เพราะโจทก์อุทธรณ์คำสั่งในคดีดังกล่าวอยู่ แม้จำเลยจะเป็นผู้ร้องขอให้ถอน โจทก์ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกในคดีนั้นก็ตาม แต่ก็เป็นคู่ความคนละคดีกัน จำเลยจึงไม่อาจยกขึ้นอ้างอิงในคดีนี้ได้ เพราะคำพิพากษาเกี่ยวด้วยฐานะหรือความสามารถของบุคคล จะยกขึ้นใช้อ้างอิงหรือใช้ยันแก่บุคคลภายนอกได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาแพ่ง มาตรา145(1) ก็ต่อเมื่อเป็นคำพิพากษาหรือคำสั่งที่ถึงที่สุดแล้วเท่านั้นเมื่อคดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องอุทธรณ์คดีนี้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2769/2530 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบังคับคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความ แม้มีการโอนสิทธิ และการรุกล้ำทางภาระจำยอม
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุดแล้ว แต่เมื่อจำเลยยังมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมให้ครบถ้วนและถูกต้อง แม้โจทก์ทำหนังสือสัญญายกที่ดินสามยทรัพย์ให้บุตร และต่อมาบุตรโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเกี่ยวกับทางภาระจำยอมรายเดียวกันนี้ก็ตาม สิทธิของโจทก์ที่จะขอให้บังคับคดีนี้ต่อไป อันเป็นบุคคลสิทธิก็ยังคงมีอยู่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และคำพิพากษาตามยอมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก
จำเลยเป็นเจ้าของภารยทรัพย์ ปลูกสร้างตึกแถวรุกล้ำทางภาระจำยอมและถมดินลงในลำกระโดงสาธารณะให้โจทก์ใช้แทนทางภาระจำยอมเดิมบางส่วน เป็นการประกอบกรรมอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1390 และเมื่อจำเลยกระทำดังกล่าวขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมโจทก์ชอบที่จะขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนตึกแถวที่จำเลยปลูกสร้างรุกล้ำทางภาระจำยอม และทำทางภาระจำยอมให้อยู่ในสภาพที่โจทก์จะใช้ได้โดยสะดวกเหมือนเดิมได้.
จำเลยเป็นเจ้าของภารยทรัพย์ ปลูกสร้างตึกแถวรุกล้ำทางภาระจำยอมและถมดินลงในลำกระโดงสาธารณะให้โจทก์ใช้แทนทางภาระจำยอมเดิมบางส่วน เป็นการประกอบกรรมอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1390 และเมื่อจำเลยกระทำดังกล่าวขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมโจทก์ชอบที่จะขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนตึกแถวที่จำเลยปลูกสร้างรุกล้ำทางภาระจำยอม และทำทางภาระจำยอมให้อยู่ในสภาพที่โจทก์จะใช้ได้โดยสะดวกเหมือนเดิมได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2769/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิบังคับคดีตามคำพิพากษาตามยอม แม้มีการโอนสิทธิ และการรุกล้ำทางภาระจำยอม
โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน ศาลพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว แต่เมื่อจำเลยยังมิได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมให้ครบถ้วนและถูกต้อง แม้โจทก์ทำหนังสือสัญญายกที่ดินสามยทรัพย์ให้บุตร และต่อมาบุตรโจทก์ได้ฟ้องจำเลยเกี่ยวกับทางภาระจำยอมรายเดียวกันนี้ก็ตาม สิทธิของโจทก์ที่จะขอให้บังคับคดีนี้ต่อไป อันเป็นบุคคลสิทธิก็ยังคงมีอยู่ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ และคำพิพากษาตามยอมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคแรก
จำเลยเป็นเจ้าของภารยทรัพย์ ปลูกสร้างตึกแถวรุกล้ำทางภาระจำยอมและถมดินลงในลำกระโดงสาธารณะให้โจทก์ใช้แทนทางภาระจำยอมเดิมบางส่วน เป็นการประกอบกรรมอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1390 และเมื่อจำเลยกระทำดังกล่าวขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมโจทก์ชอบที่จะขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนตึกแถวที่จำเลยปลูกสร้างรุกล้ำทางภาระจำยอม และทำทางภาระจำยอมให้อยู่ในสภาพที่โจทก์จะใช้ได้โดยสะดวกเหมือนเดิมได้.
จำเลยเป็นเจ้าของภารยทรัพย์ ปลูกสร้างตึกแถวรุกล้ำทางภาระจำยอมและถมดินลงในลำกระโดงสาธารณะให้โจทก์ใช้แทนทางภาระจำยอมเดิมบางส่วน เป็นการประกอบกรรมอันเป็นเหตุให้ประโยชน์แห่งภาระจำยอมลดไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1390 และเมื่อจำเลยกระทำดังกล่าวขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาตามยอมโจทก์ชอบที่จะขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนตึกแถวที่จำเลยปลูกสร้างรุกล้ำทางภาระจำยอม และทำทางภาระจำยอมให้อยู่ในสภาพที่โจทก์จะใช้ได้โดยสะดวกเหมือนเดิมได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2386/2530 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ศาลไม่อาจพิพากษาถึงบุคคลภายนอกคดี แม้เป็นประโยชน์ต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน หากไม่ได้ฟ้องเป็นคู่ความ
โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทของโจทก์และให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการ ออกน.ส.3 ก. ที่พิพาทเป็นชื่อของโจทก์แทนชื่อจำเลยด้วย เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นคู่ความ ศาลจะพิพากษาถึงเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคสอง และข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะไม่ได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาศาลฎีกาก็เห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2386/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การพิพากษาคดีนอกเหนือคู่ความ: ศาลมิอาจพิพากษาบังคับเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดีได้ แม้เป็นประโยชน์ต่อความสงบเรียบร้อย
โจทก์ฟ้องขอให้ห้ามจำเลยและบริวารเข้าไปเกี่ยวข้องกับที่ดินพิพาทของโจทก์และให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการออกน.ส.3 ก. ที่พิพาทเป็นชื่อของโจทก์แทนชื่อจำเลยด้วย เมื่อโจทก์มิได้ฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินเป็นคู่ความ ศาลจะพิพากษาถึงเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเป็นบุคคลภายนอกคดีไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคสอง และข้อนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความจะไม่ได้ยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นฎีกาศาลฎีกาก็เห็นสมควรยกขึ้นวินิจฉัย.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1686/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การแก้ไขคำบังคับคดี: ศาลมีอำนาจแก้ไขคำบังคับที่ไม่ถูกต้องเพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษา
คำสั่งศาลเกี่ยวกับการบังคับคดี เช่น การออกคำบังคับหากออกไปไม่ถูกต้อง ย่อมแก้ไขใหม่ให้ถูกต้องได้ เพื่อให้เป็นไปตามคำพิพากษาและการแก้ไขนี้เป็นเรื่องแก้ไขคำบังคับ ไม่ใช่เป็นการแก้ไขคำพิพากษาโจทก์จึงมีสิทธิขอให้ออกคำบังคับใหม่ได้.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 940/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
สิทธิในที่ดินพิพาทหลังการรับมรดกและการจำนอง: คำพิพากษาตามยอมไม่ผูกพันบุคคลภายนอก
แม้ผู้ร้องจะรับโอนที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 2 ตามสัญญาประนีประนอมยอมความซึ่งศาลพิพากษาตามยอมแล้วก็ตาม คำพิพากษาตามยอมก็ไม่ผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก เมื่อปรากฏว่าโจทก์รับจำนองที่ดินพิพาทจากจำเลยที่ 2 โดยสุจริต ในขณะที่จำเลยที่ 2 มีชื่อเป็นเจ้าของทางทะเบียน จำนองก็ติดที่ดินพิพาทไปด้วย ผู้ร้องหามีสิทธิร้องขอให้ถอนการยึดเพื่อบังคับชำระหนี้จำนองของโจทก์ไม่.(ที่มา-เนติ)