คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 145

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,236 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950-953/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาผูกพันคู่ความเดิม การครอบครองหลังคำพิพากษาถือเป็นการครอบครองแทนเจ้าของเดิม สิทธิครอบครองและการซื้อขาย
เดิมจำเลยที่ 3 และที่ 5 เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ ว.ออกจากที่พิพาทศาลพิพากษายกฟ้อง โดยฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของฉ.ภริยาว. ไม่ใช่ของจำเลย ที่3 และที่ 5 คดีถึงที่สุดแล้วหลังจากนั้นจำเลยทั้งหกว.และฉ. ก็ยังคงอาศัยอยู่ในที่พิพาทโดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 6 อาศัยสิทธิจำเลยที่ 3 และที่ 5 ปลูกสร้างอยู่อาศัยในที่พิพาทด้วยต่อมาโจทก์ได้รับโอนสิทธิครอบครองที่พิพาทจากฉ. และฟ้องขับไล่จำเลยทั้งหกให้ออกไปจากที่พิพาทเป็นคดีนี้ดังนี้ ผลแห่งคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดในคดีก่อนย่อมผูกพันจำเลยที่ 3 และที่ 5 ในคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 การครอบครองที่พิพาทของจำเลยหลังจากศาลพิพากษาถึงที่สุดถือว่าเป็นการครอบครองแทนผู้ชนะคดี จึงต้องถือว่าจำเลยทั้งหกอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ฉ. ตามคำให้การจำเลยไม่ปรากฏว่าจำเลยคนใดได้มีการบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือเพื่อตนไปยังผู้ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381เพื่อการเริ่มต้นนับระยะเวลาแย่งการครอบครองโดยมิชอบตามมาตรา1375 เป็นประเด็นไว้จำเลยที่ 3 และที่ 5 จึงไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ฉ. เจ้าของผู้ครอบครองที่พิพาทคนเดิมและโจทก์ผู้รับโอนซึ่งสิทธิและหน้าที่ในที่พิพาทจากเจ้าของเดิมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 950-953/2527 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาถึงที่สุดผูกพันคู่ความ การครอบครองแทนผู้ชนะคดี และอายุความครอบครองปรปักษ์
เดิมจำเลยที่ 3 และที่ 5 เป็นโจทก์ฟ้องขับไล่ ว.ออกจากที่พิพาทศาลพิพากษายกฟ้อง โดยฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของฉ. ภริยา ว.ไม่ใช่ของจำเลย ที่3 และที่ 5 คดีถึงที่สุดแล้วหลังจากนั้นจำเลยทั้งหกว. และ ฉ. ก็ยังคงอาศัยอยู่ในที่พิพาทโดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4และที่ 6 อาศัยสิทธิจำเลยที่ 3 และที่ 5 ปลูกสร้างอยู่อาศัยในที่พิพาทด้วย ต่อมาโจทก์ได้รับโอนสิทธิครอบครองที่พิพาทจากฉ. และฟ้องขับไล่จำเลยทั้งหกให้ออกไปจากที่พิพาทเป็นคดีนี้ดังนี้ ผลแห่งคำพิพากษาซึ่งถึงที่สุดในคดีก่อนย่อมผูกพันจำเลยที่ 3 และที่ 5 ในคดีนี้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 การครอบครองที่พิพาทของจำเลยหลังจากศาลพิพากษาถึงที่สุดถือว่าเป็นการครอบครองแทนผู้ชนะคดี จึงต้องถือว่าจำเลยทั้งหกอยู่ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิของ ฉ.
ตามคำให้การจำเลยไม่ปรากฏว่าจำเลยคนใดได้มีการบอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการยึดถือเพื่อตนไปยังผู้ครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381เพื่อการเริ่มต้นนับระยะเวลาแย่งการครอบครองโดยมิชอบตามมาตรา1375 เป็นประเด็นไว้จำเลยที่ 3 และที่ 5 จึงไม่อาจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ฉ.เจ้าของผู้ครอบครองที่พิพาทคนเดิมและโจทก์ผู้รับโอนซึ่งสิทธิและหน้าที่ในที่พิพาทจากเจ้าของเดิมได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 533/2527

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำเบิกความพยานในคดีก่อน ไม่ผูกพันคดีหลัง แม้ศาลเชื่อถือในคดีแรก ศาลต้องพิจารณาความจริงอีกครั้ง
คำพิพากษาให้ถือว่าผูกพันคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 นั้น คงผูกพันคู่ความตามความหมายของ มาตรา 1(11) หามีผลผูกพันถึงพยานที่ได้เบิกความไว้ในคดีอื่นไม่ คำเบิกความของพยานที่ เบิกความไว้ในคดีก่อนจะรับฟังเป็นยุติว่าเป็นความจริงโดยเด็ดขาดหาได้ไม่ แม้ในคดีดังกล่าวศาลจะได้พิพากษาคดีถึงที่สุดโดยเชื่อว่าคำเบิกความของพยานเป็นความจริงคำเบิกความของพยานจะเป็นเท็จหรือไม่เป็นปัญหาที่ต้องมีการพิจารณาวินิจฉัยในเนื้อแท้ของความจริงให้ประจักษ์มิฉะนั้นแล้วหากเผอิญศาลเชื่อรับฟังคำเบิกความของผู้ใดอันเป็นเท็จไว้เป็นยุติในคดีใด ผู้นั้นก็จะไม่มีโทษอันเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จได้เลยทั้งๆ ที่ความจริงของคำเบิกความนั้นเป็นเท็จและอาจพิสูจน์ให้เห็นชัดได้ในคดีที่ถูกฟ้องภายหลัง อีกทั้งไม่มีบทกฎหมายใดที่จะรองรับคำเบิกความของพยานในกรณีดังกล่าวให้ถือเป็นยุติว่าเป็นความจริงไม่เป็นเท็จ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3810/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาตามยอมและการบังคับคดี ผู้ร้องไม่มีสิทธิเพิกถอนการบังคับคดีที่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว คำพิพากษาย่อมผูกพันคู่ความ เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะ 2 ว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง จึงไม่มีเหตุที่ผู้ร้อง (ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดี) จะร้องขอให้ยกหรือแก้ไขหมายนั้น หากการกระทำของจำเลยกระทบถึงสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องชอบที่จะใช้สิทธิดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีใหม่ ผู้ร้องจะขอให้ศาลเพิกถอนการบังคับคดีนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3810/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำพิพากษาตามยอมผูกพันคู่ความ การบังคับคดีชอบด้วยกฎหมาย ผู้ร้องไม่มีสิทธิเพิกถอน
ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาตามยอมคดีถึงที่สุดแล้ว คำพิพากษาย่อมผูกพันคู่ความ เมื่อไม่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดีฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติแห่งลักษณะ 2 ว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง จึงไม่มีเหตุที่ผู้ร้อง(ซึ่งมิได้เป็นคู่ความในคดี)จะร้องขอให้ยกหรือแก้ไขหมายนั้น หากการกระทำของจำเลยกระทบถึงสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องชอบที่จะใช้สิทธิดำเนินการฟ้องร้องเป็นคดีใหม่ผู้ร้องจะขอให้ศาลเพิกถอนการบังคับคดีนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3015/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลคำพิพากษาคดีก่อนผูกพันคู่ความในคดีหลัง และการฟ้องขับไล่โดยอ้างเหตุใหม่ไม่ถือเป็นฟ้องซ้ำ
ในคดีก่อนศาลมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าโจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทซึ่งจำเลยเป็นผู้เช่า คำพิพากษาในคดีดังกล่าวจึงผูกพันโจทก์จำเลยในคดีนี้เพราะเป็นคู่ความรายเดียวกัน ดังนั้นข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทซึ่งจำเลยเป็นผู้เช่า ศาลจึงชอบที่จะมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยในประเด็นข้อนี้
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่า แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่โดยอ้างว่าได้บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จึงเป็นการฟ้องขับไล่โดยอ้างเหตุขึ้นใหม่ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3015/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ฟ้องซ้ำ-เจ้าของกรรมสิทธิ์: คำพิพากษาคดีก่อนผูกพันคู่ความในคดีหลัง ศาลชอบงดสืบพยานประเด็นกรรมสิทธิ์
ในคดีก่อนศาลมีคำพิพากษาคดีถึงที่สุดว่าโจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทซึ่งจำเลยเป็นผู้เช่า คำพิพากษาในคดีดังกล่าวจึงผูกพันโจทก์จำเลยในคดีนี้เพราะเป็นคู่ความรายเดียวกันดังนั้นข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นเจ้าของตึกแถวพิพาทซึ่งจำเลยเป็นผู้เช่า ศาลจึงชอบที่จะมีคำสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยในประเด็นข้อนี้
คดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องเพราะโจทก์ยังไม่ได้บอกเลิกสัญญาเช่า แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่โดยอ้างว่าได้บอกเลิกสัญญาเช่าแล้ว จึงเป็นการฟ้องขับไล่โดยอ้างเหตุขึ้นใหม่ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2975/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับสัญญาเช่าช่วงกระทบสิทธิบุคคลภายนอก - เทศบาล, สิทธิทำสัญญาโดยตรง, ไม่สามารถบังคับจำเลยทำสัญญาซ้ำได้
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากับเทศบาลเมืองขอนแก่นตกลงให้จำเลยที่ 1 ได้ใช้ที่ดินราชพัสดุเพื่อทำการก่อสร้างอาคารพาณิชย์แล้วยกกรรมสิทธิ์ให้แก่เทศบาลเมืองขอนแก่นโดยจำเลยที่ 1 มีสิทธิเช่าที่ดินกับอาคารดังกล่าวทั้งหมดและมีสิทธิให้เช่าช่วงได้ ซึ่งทางปฏิบัติจำเลยที่ 1 จะจัดการให้ผู้จองเช่าช่วงอาคารทำสัญญาเช่าโดยตรงกับเทศบาลเมืองขอนแก่น ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้จัดการให้จำเลยที่ 4 ทำสัญญาเช่าอาคารพิพาทกับเทศบาลเมืองขอนแก่นแล้ว และโจทก์มิได้ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาเช่าดังกล่าว ศาลย่อมไม่อาจบังคับให้จำเลยที่1ทำสัญญาให้โจทก์เช่าช่วงอาคารพิพาทอันเป็นการกระทบกระเทือนถึงสิทธิของเทศบาลเมืองขอนแก่นซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2975/2526

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิการเช่าช่วงอาคาร: ศาลไม่อาจบังคับทำสัญญาเช่าช่วงหากมีสัญญาเช่าโดยตรงกับเทศบาลแล้ว
จำเลยที่ 1 ทำสัญญากับเทศบาลเมืองขอนแก่นตกลงให้จำเลยที่ 1 ได้ใช้ที่ดินราชพัสดุเพื่อทำการก่อสร้างอาคารพาณิชย์แล้วยกกรรมสิทธิ์ให้แก่เทศบาลเมืองขอนแก่นโดยจำเลยที่ 1 มีสิทธิเช่าที่ดินกับอาคารดังกล่าวทั้งหมดและมีสิทธิให้เช่าช่วงได้ ซึ่งทางปฏิบัติจำเลยที่ 1จะจัดการให้ผู้จองเช่าช่วงอาคารทำสัญญาเช่าโดยตรงกับ เทศบาลเมืองขอนแก่น ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าจำเลยที่ 1ได้จัดการให้จำเลยที่ 4 ทำสัญญาเช่าอาคารพิพาทกับ เทศบาลเมืองขอนแก่นแล้ว และโจทก์มิได้ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาเช่าดังกล่าว ศาลย่อมไม่อาจบังคับให้จำเลยที่1 ทำสัญญาให้โจทก์เช่าช่วงอาคารพิพาทอันเป็นการกระทบกระเทือนถึงสิทธิของเทศบาลเมืองขอนแก่นซึ่งเป็นบุคคลนอกคดีได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2334/2526 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความประมาทเลินเล่อในการขับรถ: การพิพากษาคดีอาญาไม่ผูกพันคดีแพ่ง ศาลต้องวินิจฉัยจากพยานหลักฐานในคดีแพ่ง
แม้จำเลยจะขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูง ขับชิดขวา ไม่เปิดโคมไฟใหญ่ และไม่ให้สัญญาณ ถ้าโจทก์ไม่ขับรถยนต์ล้ำเส้นกึ่งกลางถนนเข้ามาชนรถยนต์ที่จำเลยขับในเส้นทางเดินรถของจำเลย ก็ไม่เป็นเหตุให้ชนกันได้ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยมีส่วนประมาทเลินเล่อด้วย
คำพิพากษาในคดีอาญาจะผูกพันแต่คู่ความเท่านั้น เมื่อจำเลยในคดีแพ่งไม่ได้เป็นคู่ความในคดีอาญา ศาลต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงตามพยานหลักฐานในคดีแพ่ง
of 124