พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,236 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 368/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ภาษีอากรที่ฟ้องล้มละลายแล้ว แม้ขาดอายุความ ก็มิอาจยกเป็นเหตุห้ามรับชำระหนี้ได้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่อาจยกอายุความมาเป็นเหตุยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ได้ หากเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ฟ้องจำเลยลูกหนี้ให้เป็นบุคคลล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้อย่างเดียวกัน ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดคดีถึงที่สุด เพราะหากหนี้ขาดอายุความ ศาลย่อมไม่ฟังว่าลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2524
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งเลิกมูลนิธิเป็นเด็ดขาด ไม่มีอำนาจเพิกถอน หรือขอพิจารณาคดีใหม่
เมื่อศาลมีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิแล้ว ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจแก่ผู้หนึ่งผู้ใดที่จะร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนคำสั่งนั้นได้ ดังนั้นผู้ร้องซึ่งเป็นกรรมการของมูลนิธิที่ศาลสั่งเลิกแล้วจึงไม่มีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้เลิกมูลนิธินั้น
เดิม จ. ผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเลิกมูลนิธิ ฮ. ศาลประกาศนัดไต่สวน ไม่มีผู้ใดคัดค้าน เมื่อไต่สวนแล้วได้มีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิ ฮ. ผู้ร้องจะมาร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ เพราะผู้ร้องมิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีนี้มาก่อน และศาลมิได้แสดงว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาแต่อย่างใด
เดิม จ. ผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเลิกมูลนิธิ ฮ. ศาลประกาศนัดไต่สวน ไม่มีผู้ใดคัดค้าน เมื่อไต่สวนแล้วได้มีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิ ฮ. ผู้ร้องจะมาร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ เพราะผู้ร้องมิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีนี้มาก่อน และศาลมิได้แสดงว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 28/2524 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจร้องเพิกถอนคำสั่งเลิกมูลนิธิ และการขอพิจารณาคดีใหม่ในคดีที่ไม่ได้เป็นคู่ความ
เมื่อศาลมีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิแล้ว ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจแก่ผู้หนึ่งผู้ใดที่จะร้องขอต่อศาลให้เพิกถอนคำสั่งนั้นได้ ดังนั้นผู้ร้องซึ่งเป็นกรรมการของมูลนิธีที่ศาลสั่งเลิกแล้วจึงไม่มีอำนาจร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้เลิกมูลนิธินั้น
เดิม จ.ผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเลิกมูลนิธิ ฮ.ศาลประกาศนัดไต่สวน ไม่มีผู้ใดคัดค้าน เมื่อไต่สวนแล้วได้มีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิ ฮ. ผู้ร้องจะมาร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ เพราะผู้ร้องมิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีนี้มาก่อน และศาลมิได้แสดงว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาแต่อย่างใด
เดิม จ.ผู้คัดค้านได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งเลิกมูลนิธิ ฮ.ศาลประกาศนัดไต่สวน ไม่มีผู้ใดคัดค้าน เมื่อไต่สวนแล้วได้มีคำสั่งให้เลิกมูลนิธิ ฮ. ผู้ร้องจะมาร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ เพราะผู้ร้องมิได้เข้าเป็นคู่ความในคดีนี้มาก่อน และศาลมิได้แสดงว่าผู้ร้องขาดนัดพิจารณาแต่อย่างใด
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2761/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องซ้ำและการผูกพันตามคำพิพากษาเดิม กรณีครอบครองปรปักษ์และสิทธิในที่ดิน
ในคดีก่อน จำเลยที่ 2 ฟ้องขับไล่โจทก์ทั้งสอง มีประเด็นว่าจำเลยที่ 2 ซื้อที่ดินโฉนดที่ 1238 โดยเสียค่าตอบแทนและโดยสุจริตและจดทะเบียนสิทธิโดยสุจริตหรือไม่โจทก์ทั้งสองได้กรรมสิทธิ์ที่พิพาทโดยครอบครองปรปักษ์หรือไม่ และยกเป็นข้อต่อสู้จำเลยที่ 2 ได้หรือไม่อันเป็นประเด็นเดียวกับประเด็นในคดีนี้ เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ภายหลังที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาในคดีก่อนว่าโจทก์ทั้งสองได้ที่พิพาทโดยครอบครองปรปักษ์ แต่ยังมิได้จดทะเบียนการได้มาไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 ซื้อที่ดินโดยไม่สุจริต หรือจดทะเบียนโดยไม่สุจริตโจทก์ทั้งสองยกขึ้นต่อสู้ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้ ดังนี้ฟ้องโจทก์คดีนี้ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีก่อนและคำพิพากษาคดีก่อนก็ผูกพันจำเลยที่ 2 และโจทก์ทั้งสองว่าที่พิพาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโฉนดที่ 1238 เป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 โดยถูกต้องตามกฎหมายแล้วโจทก์อ้างในคดีนี้ไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง และไม่มีสิทธิขอให้เพิกถอนสัญญาขายที่ดิน โฉนดที่ 1238 อันกระทบถึงสิทธิของจำเลย
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2412/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
กรรมสิทธิ์ในที่ดินโอนตามคำพิพากษาตามยอม แม้มีการตกลงรอการบังคับคดี ก็ไม่กระทบสิทธิของผู้รับโอน
โจทก์ยกที่ดินตรงที่เกิดเหตุพร้อมรั้วและราวไผ่ให้ บ. ตามสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่ง กรรมสิทธิ์ในที่ดินจึงตกเป็นของ บ. โดยผลแห่งคำพิพากษาตามยอมนับตั้งแต่วันที่ได้พิพากษา แม้คู่ความจะตกลงให้รอการบังคับคดีไว้ก่อน ก็หามีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาดังกล่าวซึ่งถึงที่สุดแล้วให้เป็นอย่างอื่นไม่ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องผู้เข้าไปรื้อรั้วและตัดไม้ไผ่ในที่เกิดเหตุได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2144/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำสั่งถอนสัญชาติโดยรัฐมนตรี การฟ้องจำเลยที่ไม่ใช่ผู้มีอำนาจโดยตรง ศาลไม่อาจบังคับได้
โจทก์ฟ้อง ก.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นจำเลยที่ 1และ ม. อธิบดีกรมตำรวจเป็นจำเลยที่ 2 ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยที่ 1 ที่ให้ถอนสัญชาติไทย ของโจทก์เป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมายและให้เพิกถอนเสียศาลชั้นต้นรับฟ้องเฉพาะเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ไม่รับฟ้องที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 คำสั่งศาลชั้นต้นถึงที่สุดดังนี้ คำสั่งถอนสัญชาติของโจทก์เป็นคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่คดีคงมีจำเลยที่ 2ซึ่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจเป็นจำเลยแต่ผู้เดียวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมิได้เป็นคู่ความด้วยไม่มีโอกาสโต้แย้งข้อกล่าวหาของโจทก์ ศาลจึงจะพิพากษาว่าคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมิชอบด้วยกฎหมายและให้เพิกถอนเสียตามคำขอของโจทก์หาได้ไม่ แม้จะสืบพยานต่อไปและข้อเท็จจริงได้ความตามที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการถอนสัญชาติด้วย และเป็นผู้เสนอต่อคณะกรรมการถอนสัญชาติว่าควรถอนสัญชาติไทยของโจทก์โดยมิได้สืบสวนข้อเท็จจริงก่อน ก็หาเป็นเหตุให้ศาลอาจพิพากษาบังคับตามคำขอของโจทก์ได้ไม่ คดีจึงไม่ต้องสืบพยานต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2144/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเพิกถอนคำสั่งถอนสัญชาติ: จำเลยที่ 1 ไม่เป็นคู่ความ ศาลไม่อาจบังคับตามคำขอ
โจทก์ฟ้อง ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นจำเลยที่ 1 และม.อธิบดีกรมตำรวจเป็นจำเลยที่ 2 ขอให้พิพากษาว่าคำสั่งของจำเลยที่ 1 ที่ให้ถอนสัญชาติไทยของโจทก์เป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมายและให้เพิกถอนเสีย ศาลชั้นต้นรับฟ้องเฉพาะเกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ไม่รับฟ้องที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 คำสั่งศาลชั้นต้นถึงที่สุด ดังนี้ คำสั่งถอนสัญชาติของโจทก์เป็นคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรงมหาดไทย แต่คดีคงมีจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นอธิบดีกรมตำรวจเป็นจำเลยแต่ผู้เดียว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมิได้เป็นคู่ความด้วย ไม่มีโอกาสโต้แย้งข้อกล่าวหาของโจทก์ ศาลจึงจะพิพากษาว่าคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมิชอบด้วยกฎหมายและให้เพิกถอนเสียตามคำขอของโจทก์หาได้ไม่ แม้จะสืบพยานต่อไปและข้อเท็จจริงได้ความตามที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 2 เป็นกรรมการถอนสัญชาติด้วย และเป็นผู้เสนอต่อคณะกรรมการถอนสัญชาติว่าควรถอนสัญชาติไทยของโจทก์โดยมิได้สืบสวนข้อเท็จจริงก่อน ก็หาเป็นเหตุให้ศาลอาจพิพากษาบังคับตามคำขอของโจทก์ได้ไม่ คดีจึงไม่ต้องสืบพยานต่อไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2084-2085/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ตามคำพิพากษาเกิดขึ้นเมื่อศาลพิพากษา ไม่ใช่เมื่อบังคับคดี อายุความสะดุดหยุดเมื่อฟ้องล้มละลาย
หนี้เงินที่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์นำมาชำระหนี้เป็นหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งตามมาตรา 145 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้ถือว่าผูกพันคู่ความนับตั้งแต่วันที่ศาลได้พิพากษา หนี้เงินตามคำพิพากษาจึงเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ศาลได้พิพากษาหาได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่จำเลยรับคำบังคับไม่
หนี้เงินตามคำพิพากษาคดีแพ่งนั้น เป็นสิทธิเรียกร้องอันตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษา ซึ่งตามมาตรา 168 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติให้มีกำหนดอายุความ 10 ปี
โจทก์ได้ฟ้องจำเลยให้เป็นบุคคลล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้จำนวนเงินตามคำพิพากษาคดีแพ่งภายในกำหนดอายุความ 10 ปี เมื่อโจทก์ฟ้องคดียังศาลแล้วอายุความย่อมสะดุดหยุดอยู่ตามนัยมาตรา 175 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ยื่นในระหว่างอายุความสะดุดหยุดอยู่ จึงไม่เป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 94 (1)
หนี้เงินตามคำพิพากษาคดีแพ่งนั้น เป็นสิทธิเรียกร้องอันตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษา ซึ่งตามมาตรา 168 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติให้มีกำหนดอายุความ 10 ปี
โจทก์ได้ฟ้องจำเลยให้เป็นบุคคลล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้จำนวนเงินตามคำพิพากษาคดีแพ่งภายในกำหนดอายุความ 10 ปี เมื่อโจทก์ฟ้องคดียังศาลแล้วอายุความย่อมสะดุดหยุดอยู่ตามนัยมาตรา 175 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ คำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ยื่นในระหว่างอายุความสะดุดหยุดอยู่ จึงไม่เป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 94 (1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2084-2085/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
หนี้ตามคำพิพากษาเกิดขึ้นเมื่อศาลพิพากษา ไม่ใช่เมื่อรับคำบังคับ และอายุความสะดุดหยุดเมื่อฟ้องล้มละลาย
หนี้เงินที่เจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์นำมาขอรับชำระหนี้เป็นหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งตามมาตรา 145 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ให้ถือว่าผูกพันคู่ความนับตั้งแต่วันที่ศาลได้พิพากษา หนี้เงินตามคำพิพากษาจึงเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ศาลได้พิพากษาหาได้เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่จำเลยรับคำบังคับไม่
หนี้เงินตามคำพิพากษาคดีแพ่งนั้น เป็นสิทธิเรียกร้องอันตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษา ซึ่งตามมาตรา 168 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติให้มีกำหนดอายุความ 10 ปี
โจทก์ได้ฟ้องจำเลยให้เป็นบุคคลล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้จำนวนเงินตามคำพิพากษาคดีแพ่งภายในกำหนดอายุความ 10 ปีเมื่อโจทก์ฟ้องคดียังศาลแล้วอายุความย่อมสะดุดหยุดอยู่ตามนัยมาตรา 175 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์คำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ยื่นในระหว่างอายุความสะดุดหยุดอยู่จึงไม่เป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา94(1)
หนี้เงินตามคำพิพากษาคดีแพ่งนั้น เป็นสิทธิเรียกร้องอันตั้งหลักฐานขึ้นโดยคำพิพากษา ซึ่งตามมาตรา 168 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บัญญัติให้มีกำหนดอายุความ 10 ปี
โจทก์ได้ฟ้องจำเลยให้เป็นบุคคลล้มละลายโดยอาศัยมูลหนี้จำนวนเงินตามคำพิพากษาคดีแพ่งภายในกำหนดอายุความ 10 ปีเมื่อโจทก์ฟ้องคดียังศาลแล้วอายุความย่อมสะดุดหยุดอยู่ตามนัยมาตรา 175 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์คำขอรับชำระหนี้ของโจทก์ยื่นในระหว่างอายุความสะดุดหยุดอยู่จึงไม่เป็นการต้องห้ามตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา94(1)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2074/2523
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การซื้อขายที่ดิน: สิทธิในการบังคับโอนเมื่อโฉนดออกให้ผู้อื่น
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าที่ดินพิพาทได้ออกโฉนดเป็นของ บ. บุคคลภายนอก ไปแล้ว โดยโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนโฉนดที่ออกให้บ. ว่าไม่ชอบอย่างไร โจทก์ไม่มีทางชนะคดี