คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 145

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 1,236 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2074/2523 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การบังคับโอนที่ดินหลังออกโฉนดให้ผู้อื่น โจทก์ต้องฟ้องเพิกถอนโฉนดก่อนจึงจะชนะคดี
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขาย แต่ทางพิจารณาได้ความว่าที่ดินที่พิพาทให้ออกโฉนดเป็นของ บ.บุคคลภายนอกไปแล้ว โดยโจทก์ไม่ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนโฉนดที่ออกให้ บ.ว่าไม่ชอบอย่างไร โจทก์ไม่มีทางชนะคดี

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1172-1173/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันตามคำพิพากษาตามยอม โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยจัดการโอนทรัพย์ซ้ำไม่ได้
เดิมจำเลยที่ 2 ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับโจทก์โดยโจทก์ตกลงจะไปโอนที่ดิน 3 แปลง ซึ่งรวมทั้งที่ดินพิพาทแปลงที่ 5 ให้แก่จำเลยที่ 2 เป็นการใช้หนี้ให้ภายในกำหนด 5 วัน ศาลพิพากษาตามยอมแล้ว โจทก์จึงถูกผูกพันตามคำพิพากษาดังกล่าว ต่อมาโจทก์จัดการโอนที่ดินพิพาทแปลงที่ 5 ให้แก่จำเลยที่ 2 ตามคำพิพากษาตามยอมและจำเลยที่ 2 โอนต่อไปให้จำเลยที่ 1 แล้วโจทก์กลับมาฟ้องคดีนี้ขอให้บังคับให้จำเลยที่ 2 จัดการโอนที่ดินพิพาทแปลงที่ 5 กลับคืนให้โจทก์อีกย่อมมีผลเท่ากับว่าโจทก์ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนเปลี่ยนแปลงคำพิพากษาโดยฝ่าฝืน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา138 และมาตรา 145 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยเช่นนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 695/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คู่ความผูกพันตามคำพิพากษา: แม้ระบุฐานะผู้จัดการมรดก แต่ฟ้องฐานะทายาทก็ต้องผูกพันตามคำพิพากษา
แม้ในช่องคู่ความในคดีเดิม โจทก์จะระบุว่าจำเลยทั้งสองในฐานะผู้จัดการมรดกของ ป. เป็นจำเลย แต่ตามเนื้อหาของคำฟ้อง แสดงว่าโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองในฐานะทายาทผู้ครอบครองทรัพย์มรดกของผู้ตายด้วย ผู้ร้องซึ่งเป็นจำเลยที่ 2 ในคดีดังกล่าวจึงเป็นคู่ความในฐานะส่วนตัวต้องผูกพันตามคำพิพากษาดังกล่าว ผู้ร้องจะมาอ้างในคดีใหม่อีกว่าทรัพย์พิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 209/2523

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรื้อถอนอาคารผิดกฎหมาย และผลของการปล่อยปละละเลยจนกรรมสิทธิ์เปลี่ยนมือ
พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้าง มาตรา 11 ทวิ เป็นบทบัญญัติให้อำนาจสิทธิขาดแก่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นที่จะจัดการตามที่เห็นสมควรเพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงและหรือรื้อถอนอาคารและส่วนแห่งอาคารซึ่งปลูกสร้างโดยมิได้รับอนุญาตนั้นได้เอง โดยไม่ต้องขอให้ศาลบังคับ
โจทก์ปล่อยปละละเลยให้จำเลยปลูกสร้างอาคารจนเสร็จและส่งมอบให้เจ้าของที่ดินไป และเจ้าของที่ดินได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารพิพาทให้แก่บุคคลอื่นไปแล้ว โจทก์จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยรื้อถอนอาคารพิพาทที่จำเลยปลูกสร้างดังกล่าวนั้นเท่ากับเป็นการฟ้องขอให้ศาลบังคับให้จำเลยรื้อถอนหรือทำลายทรัพย์สินของบุคคลภายนอกซึ่งมิใช่เป็นคู่ความในคดีด้วย ศาลจึงบังคับให้ไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3217/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันของคำพิพากษาตามยอมต่อบริวารจำเลย: สัญญาประนีประนอมยอมความมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความเท่านั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำรถวิ่งรับคนโดยสารทับเส้นทางของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหาย และสั่งห้ามจำเลยและบริวารมิให้กระทำเช่นนั้น ซึ่งต่อมาโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยและบริวารจะไม่กระทำการดังกล่าว หากฝ่าฝืนจำเลยยอมชดใช้ค่าขาดประโยชน์แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม ดังนี้ มิใช่คดีฟ้องเรียกอสังหาริมทรัพย์ประเภทฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142 (1) อันจะใช้บังคับจลอดถึงบริวารจองจำเลยด้วย คำพิพากษาตามยอมคดีนี้จึงมีผลผูกพันโจทก์และจำเลยซึ่งเป็นคู่ความตามมาตรา 145 เท่านั้น หามีผลบังคับถึงบริวารจำเลยไม่ แม้ผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยปฏิบัติฝ่าฝืนสัญญาประนีประนอมยอมความก็ไม่อาจบังคับคดีเอากับผู้ร้องได้ จึงไม่อาจกักขังผู้ร้องไว้จนกว่าจะปฏิบัติตามคำพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3217/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ผลผูกพันคำพิพากษาตามยอม: ไม่ขยายผลถึงบริวารจำเลย เว้นแต่คดีขับไล่
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยนำรถวิ่งรับคนโดยสารทับเส้นทางของโจทก์ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหาย และสั่งห้ามจำเลยและบริวารมิให้กระทำเช่นนั้น ซึ่งต่อมาโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยและบริวารจะไม่กระทำการดังกล่าว หากฝ่าฝืนจำเลยยอมชดใช้ค่าขาดประโยชน์แก่โจทก์ ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม ดังนี้ มิใช่คดีฟ้องเรียกอสังหาริมทรัพย์ประเภทฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 142(1) อันจะใช้บังคับตลอดถึงบริวารของจำเลยด้วย คำพิพากษาตามยอมคดีนี้จึงมีผลผูกพันโจทก์และจำเลยซึ่งเป็นคู่ความตามมาตรา 145 เท่านั้น หามีผลบังคับถึงบริวารจำเลยไม่ แม้ผู้ร้องเป็นบริวารจำเลยปฏิบัติฝ่าฝืนสัญญาประนีประนอมยอมความ ก็ไม่อาจบังคับคดีเอากับผู้ร้องได้ จึงไม่อาจกักขังผู้ร้องไว้จนกว่าจะปฏิบัติตามคำพิพากษาได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2699/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ภาษีอากรที่ถึงที่สุดแล้ว เจ้าหนี้มีสิทธิได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนในคดีล้มละลาย
หนี้ค่าภาษีอากรซึ่งเจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งจำนวนที่จะต้องชำระเพิ่มไปยังลูกหนี้แล้ว ลูกหนี้มิได้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ หรือลูกหนี้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้ยกอุทธรณ์ลูกหนี้ทราบคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ แล้วไม่ยื่นฟ้องต่อศาลภายในกำหนดตามมาตรา 30 แห่งประมวลรัษฎากร ถือว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินยุติแล้ว ลูกหนี้หมดสิทธิที่จะรื้อฟื้นการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินขึ้นโต้แย้งต่อไป และต้องรับผิดชำระหนี้ค่าภาษีนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2699/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้ภาษีอากรถึงที่สุด เมื่อลูกหนี้ไม่ยื่นฟ้องภายในกำหนดตามกฎหมาย แม้มีการอุทธรณ์ก่อนหน้า
หนี้ค่าภาษีอากรซึ่งเจ้าพนักงานประเมินได้แจ้งจำนวนที่จะต้องชำระเพิ่มไปยังลูกหนี้แล้ว ลูกหนี้มิได้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์หรือลูกหนี้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ให้ยกอุทธรณ์ลูกหนี้ทราบคำวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ แล้วไม่ยื่นฟ้องต่อศาลภายในกำหนดตามมาตรา 30 แห่งประมวลรัษฎากร ถือว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินยุติแล้ว ลูกหนี้หมดสิทธิที่จะรื้อฟื้นการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินขึ้นโต้แย้งต่อไป และต้องรับผิดชำระหนี้ค่าภาษีนั้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2520/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิของผู้ค้ำประกันร่วมในการเรียกร้องค่าชดใช้หนี้จากลูกหนี้ร่วม
ศาลฎีกาวินิจฉัยในคดีที่จำเลยฎีกา ขอให้งดขายทอดตลาดทรัพย์ของผู้ค้ำประกันการปฏิบัติตามคำพิพากษาแล้วว่า โจทก์เป็นผู้ค้ำประกันร่วมกับจำเลยที่ 3 โจทก์ได้ชำระหนี้แทนลูกหนี้ไปแล้ว โจทก์มีสิทธิขอบังคับให้จำเลยที่ 3 ผู้เป็นลูกหนี้ร่วมกับโจทก์ ชดใช้หนี้ที่โจทก์ได้ชำระไปแล้วกึ่งหนึ่งได้ กรณีมิใช่เรื่องจำเลยที่ 3 เป็นผู้ค้ำประกันลูกหนี้ต่อโจทก์ จำเลยที่ 3 จึงไม่มีสิทธิขอให้โจทก์เรียกร้องเอาชำระหนี้จากลูกหนี้ก่อน ดังนี้คำพิพากษาศาลฎีกาผูกพันจำเลย จำเลยฎีกาปัญหานี้อีกไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1656/2522

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาประนีประนอมยอมความ: การบังคับใช้กับบริวารที่ไม่เข้าผูกพันสัญญา
โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายนาพิพาทแล้วคู่ความได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยยอมส่งมอบนาพิพาทให้โจทก์ กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(1) แม้สัญญาประนีประนอมยอมความจะมีข้อความว่า จำเลยและบริวารจะไม่เกี่ยวข้องกับนาพิพาทต่อไป แต่บริวารของจำเลยก็มิได้ถูกฟ้องและมิได้ตกลงตามสัญญาประนีประนอมยอมความด้วย โจทก์จะอาศัยสัญญาประนีประนอมยอมความนี้มาบังคับแก่บริวารของจำเลยด้วยมิได้ จึงไม่มีอำนาจร้องขอให้จับกุมและกักขังผู้ร้องซึ่งโจทก์อ้างว่าเป็นบริวารของจำเลยในการบังคับคดี
of 124