คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 199

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 171 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3574/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การดำเนินการตามคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การที่ถูกต้อง การนัดสืบพยานย่อมยกเลิกหากยังไม่ได้ไต่สวนคำร้อง
ศาลชั้นต้นกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่27ธันวาคม2536และจำเลยทราบนัดแล้วแต่ก่อนถึงวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การเมื่อวันที่21ธันวาคม2536ว่าจำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องวันที่7พฤศจิกายน2536จึงได้ติดต่อโจทก์โจทก์นัดให้จำเลยมาทำยอมที่ศาลวันที่17ธันวาคม2536ครั้นถึงกำหนดนัดโจทก์ไม่มาศาลโจทก์หลอกลวงจำเลยเพื่อให้พ้นกำหนดระยะเวลายื่นคำให้การจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การศาลชั้นต้นสั่งคำร้องจำเลยในวันเดียวกันว่า"สำเนาให้โจทก์นัดไต่สวนให้จำเลยนำส่งภายใน7วันไม่พบหรือไม่มีผู้รับให้ปิด"ดังนี้จำเลยต้องนำส่งสำเนาให้แก่โจทก์ภายในวันที่28ธันวาคม2536ซึ่งยังไม่แน่นอนว่าจะส่งหมายให้แก่โจทก์ได้หรือไม่หรืออาจจะต้องปิดหมายตามคำสั่งของศาลชั้นต้นกรณีถือได้ว่าจำเลยได้แจ้งให้ศาลทราบก่อนเริ่มสืบพยานถึงเหตุที่ตนมิได้ยื่นคำให้การ เมื่อยังไม่ปรากฏว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่หรือมีเหตุสมควรประการอื่นใดศาลชอบที่จะได้ทำการไต่สวนเสียก่อนที่จะมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การตามที่จำเลยร้องขอเมื่อศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนไว้แม้จะมิได้กำหนดวันนัดไต่สวนไว้ด้วยก็ต้องถือว่าคดีอยู่ระหว่างการนัดไต่สวนคำร้องวันนัดสืบพยานโจทก์ที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ในวันที่27ธันวาคม2536ซึ่งยังอยู่ในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยนำส่งสำเนาคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การให้แก่โจทก์ย่อมถือว่ายกเลิกไปโดยปริยายจนกว่าศาลชั้นต้นจะดำเนินการไต่สวนแล้วเสร็จและมีคำสั่งอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การเสียก่อนการที่ศาลชั้นต้นจดรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่27ธันวาคม2536ว่านัดสืบพยานโจทก์และนัดไต่สวนขออนุญาตยื่นคำให้การของจำเลยจำเลยไม่มาศาลถือว่าจำเลยไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุนคำร้องให้ฟังได้ว่าการขาดนัดยื่นคำให้การของจำเลยมิได้เป็นไปโดยจงใจและยกคำร้องนั้นจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา199วรรคหนึ่งและวรรคสองเพราะศาลชั้นต้นมิได้นัดไต่สวนคำร้องขอยื่นคำให้การของจำเลยในวันดังกล่าวและการที่สั่งว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวก็เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบเช่นกันเพราะคดียังอยู่ในระหว่างระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดให้จำเลยนำส่งสำเนาคำร้องขอยื่นคำให้การแก่โจทก์และวันนัดสืบพยานโจทก์เป็นอันยกเลิกไปแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2443/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ: การนำเอกสารประกอบการซักค้านพยานและการรับฟังพยานหลักฐาน
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา199วรรคสองเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การจำเลยมีสิทธิอ้างตนเองเป็นพยานกับซักค้านพยานโจทก์เท่านั้นไม่มีสิทธินำพยานของจำเลยเข้าสืบไม่ว่าพยานบุคคลหรือพยานเอกสารการที่จำเลยนำเอกสารมาให้พยานดูประกอบการถามค้านพยานโจทก์แล้วส่งเอกสารนั้นต่อศาลชั้นต้นโดยที่พยานโจทก์ไม่ได้เบิกความรับรองข้อความในเอกสารดังกล่าวเท่ากับจำเลยเรียกพยานหลักฐานของตนเข้าสืบฝ่าฝืนต่อกฎหมายดังกล่าวจึงต้องห้ามมิให้รับฟังศาลชั้นต้นจะนำเอกสารดังกล่าวมาวินิจฉัยประกอบคำเบิกความของตัวจำเลยไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2538

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่อนุญาตยื่นคำให้การและการไต่สวนข้อเท็จจริงว่าจำเลยทราบการถูกฟ้องหรือไม่ ศาลต้องไต่สวนก่อน
การที่จำเลยยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การโดยอ้างว่าขณะที่มีการปิดสำเนาคำฟ้องที่ภูมิลำเนาของจำเลยจำเลยไปพักอาศัยอยู่กับบุตรที่ต่างจังหวัดนั้นยังไม่พอฟังว่าจำเลยจงใจจะไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดการที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยไม่ได้ไต่สวนให้ได้ความว่าจำเลยทราบว่าตนถูกฟ้องแล้วไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนดก่อนจึงไม่ชอบและการที่ศาลอุทธรณ์ภาค1วินิจฉัยว่าอุทธรณ์ของจำเลยต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา224วรรคหนึ่งก็เป็นการไม่ชอบเช่นกัน

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 891/2538 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การ: จำเลยต้องทราบการฟ้องและมีเจตนาไม่ยื่น
คำร้องขอยื่นคำให้การของจำเลยอ้างว่าขณะที่มีการปิดสำเนาคำฟ้องที่ภูมิลำเนาของจำเลยนั้น จำเลยไปพักอาศัยอยู่กับบุตรที่ต่างจังหวัด การพิจารณาว่าจำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การหรือไม่นั้น จะต้องพิจารณาให้ได้ความว่าจำเลยทราบว่าตนถูกฟ้องตามหมายเรียกให้ยื่นคำให้การแล้วไม่ยื่นคำให้การภายในกำหนด ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องโดยไม่ได้ทำการไต่สวนให้สิ้นกระแสความเสียก่อนเป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6127/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งจำหน่ายคดีและผลของการขาดนัดยื่นคำให้การ: ศาลมีอำนาจพิจารณาคดีต่อไปได้แม้โจทก์ยื่นคำขอจำหน่ายคดีหลัง 15 วัน
บทบัญญัติในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198มิได้บังคับให้ศาลจำต้องสั่งจำหน่ายคดีเสมอไป เพียงแต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะสั่งจำหน่ายคดีเมื่อพ้น 15 วันได้ ฉะนั้น ในกรณีที่ศาลยังมิได้มีคำสั่งจำหน่ายคดี แม้โจทก์จะยื่นคำขอเมื่อพ้น 15 วัน ศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและดำเนินการพิจารณาคดีโจทก์ต่อไปได้ เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การแล้วได้สั่งให้ไต่สวนคำร้องขอยื่นคำให้การของจำเลยทั้งสองด้วยหากผลการไต่สวนปรากฏว่าการขาดนัดของจำเลยทั้งสองมิได้เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควรประการอื่น ศาลก็อาจมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยทั้งสองยื่นคำให้การภายในกำหนดเวลาที่เห็นสมควรได้ แต่ผลการไต่สวนปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่าการขาดนัดนั้นเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุอันสมควร การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การจึงเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมถูกต้องแล้ว หาใช่นำมาใช้บังคับให้เป็นโทษแก่จำเลยทั้งสองฝ่ายเดียวไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6127/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจศาลสั่งจำหน่ายคดีและการขาดนัดยื่นคำให้การ: การพิจารณาเหตุผลความจงใจ
บทบัญญัติใน ป.วิ.พ. มาตรา 198 มิได้บังคับให้ศาลจำต้องสั่งจำหน่ายคดีเสมอไป เพียงแต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะสั่งจำหน่ายคดีเมื่อพ้น 15 วันได้ฉะนั้น ในกรณีที่ศาลยังมิได้มีคำสั่งจำหน่ายคดี แม้โจทก์จะยื่นคำขอเมื่อพ้น 15 วันศาลก็มีอำนาจที่จะสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและดำเนินการพิจารณาคดีโจทก์ต่อไปได้
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การแล้วได้สั่งให้ไต่สวนคำร้องขอยื่นคำให้การของจำเลยทั้งสองด้วย หากผลการไต่สวนปรากฏว่าการขาดนัดของจำเลยทั้งสองมิได้เป็นไปโดยจงใจหรือมีเหตุอันสมควรประการอื่น ศาลก็อาจมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยทั้งสองยื่นคำให้การภายในกำหนดเวลาที่เห็นสมควรได้ แต่ผลการไต่สวนปรากฏหลักฐานชัดแจ้งว่าการขาดนัดนั้นเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุอันสมควร การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การจึงเป็นการปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมถูกต้องแล้ว หาใช่นำมาใช้บังคับให้เป็นโทษแก่จำเลยทั้งสองฝ่ายเดียวไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2685/2537

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีแรงงานและการอนุญาตให้ยื่นคำให้การ ศาลต้องไต่สวนเหตุสมควร
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์มาศาลตามเวลานัด ฝ่ายจำเลยทั้งสองไม่มาศาลตามเวลาที่กำหนด แต่ทนายของจำเลยทั้งสองมาศาลหลังจากที่ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสองขาดนัดพิจารณา ให้พิจารณาคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว และโจทก์นำพยานเข้าสืบ 1 ปาก แล้วแถลงหมดพยานโจทก์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งว่า คดีเสร็จการพิจารณา ให้รอฟังคำพิพากษา จำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การโดยอ้างว่าไม่ได้มีเจตนาขาดนัดยื่นคำให้การ พร้อมกับยื่นคำให้การของจำเลยที่ 1 ดังนี้ แม้ทนายของจำเลยทั้งสองมาศาลล่าช้ากว่าเวลานัดไปบ้าง แต่ศาลแรงงานกลางก็ยังไม่มีคำพิพากษา ถือได้ว่าทนายของจำเลยทั้งสองมาศาลขณะที่คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาฝ่ายเดียว ศาลแรงงานกลางจึงชอบที่จะต้องพิจารณาหรือไต่สวนให้ได้ความว่า มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การหรือไม่แล้วจึงมีคำสั่งให้รับหรือไม่รับคำให้การของจำเลยที่ 1 ให้พิจารณาคดีใหม่หรือดำเนินคดีของโจทก์แต่ฝ่ายเดียวต่อไปโดยอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสองนำพยานเข้าสืบ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 199, 205 ประกอบด้วย พ.ร.บ. จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 การที่ศาล-แรงงานกลางมีคำสั่งว่า คดีเสร็จการพิจารณาแล้ว ไม่อนุญาตให้จำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การ และพิจารณาคดีของโจทก์มาแต่ฝ่ายเดียว จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2537 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สัญญาเงินกู้ที่ไม่มีการขีดฆ่าแสตมป์ แม้ปิดแสตมป์ครบถ้วน ก็ใช้เป็นหลักฐานในคดีแพ่งไม่ได้
ในคดีที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลจะพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยอาศัยเหตุแต่เพียงว่าจำเลยขาดนัดไม่ได้ ศาลจะต้องพิจารณาให้ได้ความว่าข้ออ้างของโจทก์มีมูลและไม่ขัดต่อกฎหมายด้วย
หนังสือสัญญากู้ยืมเงินอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมจะต้องอยู่ภายใต้บังคับประมวลรัษฎากรว่า จะต้องปิดแสตมป์ตามอัตราที่กฎหมายกำหนดและขีดฆ่าแสตมป์แล้ว เมื่อปรากฏว่าหนังสือสัญญากู้ยืมเงินแม้จะปิดแสตมป์ครบจำนวนตามอัตราที่กฎหมายกำหนด แต่ไม่ได้มีการขีดฆ่าแสตมป์ ซึ่งตามบทบัญญัติ มาตรา118 แห่งประมวลรัษฎากรห้ามมิให้ใช้เป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่ง โจทก์จึงไม่มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมมาฟ้องร้องบังคับจำเลยได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3097/2536 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การและผลต่อการนำสืบพยาน
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ คำเบิกความของจำเลยที่อ้างตนเองเป็นพยาน เป็นเพียงเสนอข้อเท็จจริงที่จะเป็นการหักล้างพยานโจทก์ มิได้ก่อให้เกิดประเด็นแห่งคดีในศาลชั้นต้น

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3097/2536 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การอุทธรณ์ประเด็นใหม่ที่ไม่เคยยกขึ้นในศาลชั้นต้นเป็นเหตุให้ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยได้
จำเลยทั้งสามขาดนัดยื่นคำให้การและจำเลยได้อ้างตนเอง เบิกความเป็นพยานว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์จำนวน 200,000 บาท โดยออกเช็คไม่ได้ลงวันสั่งจ่ายมอบให้โจทก์ไว้เป็นหลักฐาน ต่อมาจำเลยได้โอนเงินเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคาร เป็นการ ชำระหนี้แก่โจทก์ครบถ้วนแล้ว แต่โจทก์ไม่ยอมคืนเช็คพิพาท กลับกรอกวันสั่งจ่ายแล้วนำไปเรียกเก็บเงินคำเบิกความดังกล่าว เป็นเพียงเสนอข้อเท็จจริงที่จะเป็นการหักล้างพยานโจทก์ ว่าจำเลยทั้งสามได้ชำระเงินตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ แล้วหรือไม่เท่านั้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 199 วรรคสอง มิได้ก่อนให้เกินประเด็นแห่งคดีในศาลชั้นต้นการที่จำเลยทั้งสามอุทธรณ์ว่าโจทก์กรอกวันสั่งจ่ายในเช็คพิพาทโดยไม่สุจริตซึ่งไม่ได้รับความยินยอมจากผู้สั่งจ่ายและในคดีอาญาที่โจทก์ฟ้องจำเลยเกี่ยวกับเช็คพิพาทศาลวินิจฉัยว่าจำเลยมิได้ลงวันออกเช็คจึงไม่มีวันกระทำผิดพิพากษายกฟ้อง จะต้องถือข้อเท็จจริงดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46เช็คพิพาทจึงไม่สมบูรณ์ ตกเป็นโมฆะจำเลยทั้งสามไม่ต้องรับผิดนั้น จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวกันมาในศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคแรก
of 18