คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.วิ.พ. ม. 199

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 171 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5633/2534

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ สิทธิจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ: เบิกความได้โดยไม่ต้องยื่นบัญชีระบุพยาน
ในคดีที่จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยมีสิทธิอ้างตนเองเบิกความเป็นพยานได้โดยไม่จำต้องยื่นบัญชีระบุพยานตาม ป.วิ.พ.มาตรา 88 เพราะเป็นการสืบพยานตามที่กฎหมายบัญญัติอนุญาตให้จำเลยซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การมาศาลสาบานตนให้การเป็นพยานเองได้.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4004/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การส่งหมายเรียกโดยปิดประกาศในวันหยุดราชการ และการพิสูจน์เจตนาขาดนัดยื่นคำให้การ
การส่งหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องได้กระทำโดยการปิดหมายในวันหยุดราชการที่ป้ายประกาศของที่ว่าการอำเภอซึ่งมีไว้สำหรับปิดประกาศข่าวสารให้ประชาชนทราบ หมายเรียกและสำเนาคำฟ้องอาจถูกบุคคลอื่นดึงเอาไปก็เป็นได้จำเลยเป็นหน่วยราชการเมื่อข้อเท็จจริงไม่ปรากฎว่าจำเลยได้รับหมายเรียกหรือพบเห็นหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องที่ปิดไว้ จึงต้องฟังว่าจำเลยไม่ได้จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2196/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ คำสั่งไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การหลังพ้นกำหนด และคำสั่งระหว่างพิจารณาที่ไม่สามารถอุทธรณ์ได้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยร่วมขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยร่วมใช้ สิทธิตาม ป.วิ.พ. มาตรา 199 ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยร่วมยื่นคำให้การ โดย แนบคำให้การมากับคำร้องด้วย ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่า จำเลยร่วมจงใจไม่ยื่นคำให้การจึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยร่วมยื่นคำให้การ ดังนี้เป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นใช้ ดุลพินิจ มีคำสั่งไปตาม มาตรา 199 โดย ยังมิได้ตรวจดู คำให้การของจำเลยร่วม จึงมิใช่เป็นคำสั่งไม่รับคำคู่ความตามมาตรา 18 จะนำเอามาตรา 18 วรรคท้ายมาปรับแก่คดีไม่ได้ คำสั่งที่ว่า จำเลยร่วมจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ ย่อมเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาตาม มาตรา 226 ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งนั้นในระหว่างพิจารณา คำร้องขอให้เพิกถอนคำสั่งที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องหรือไม่รับคำให้การนั้นเป็นเรื่องที่จำเลยร่วมขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ศาลอนุญาตให้เรียกจำเลยร่วมเข้ามาในคดี ซึ่ง ศาลชั้นต้นได้ มีคำสั่งเกี่ยวกับคำร้องดังกล่าวว่า "ไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลง คำสั่งรวม" ดังนี้ คำสั่ง ศาลชั้นต้น ดังกล่าวเป็นคำสั่งระหว่าง พิจารณาและต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในระหว่างพิจารณาเช่นกัน.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2033/2533

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ จำเลยมีหน้าที่ต้องติดตามคดีด้วยตนเอง ความเข้าใจผิดของทนายความไม่ถือเป็นเหตุจงใจขาดนัด
คำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยที่ 1 อ้างเหตุว่าจำเลยที่และทนายของจำเลยทั้งสองต่าง เข้าใจผิดว่าต่าง ได้ ดำเนินการยื่นคำให้การและดำเนินการพิจารณาแทนกันไปแล้ว จึงเป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาโดย ไม่จงใจนั้นดังนี้แม้หากจะได้ความจริงตาม ข้ออ้างดังกล่าวก็ ไม่อาจกล่าวได้ ว่าจำเลยที่ 1 ไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้อง เอาใจใส่ในการต่อสู้ คดีของจำเลยที่ 1 เอง จะอ้างความเข้าใจผิดมาเป็นข้อแก้ตัวว่ามิได้จงใจหาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4484/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การเนื่องจากความเข้าใจผิดเรื่องวันรับเอกสาร การจงใจขาดนัดตามกฎหมาย
จำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้องในวันที่ 19 มีนาคม 2529 แต่ยื่นคำให้การในวันที่ 28 มีนาคม 2529 แม้ในหมายเรียกจะเขียนไว้ว่า รับวันที่ 20 มีนาคม 2529 แต่ในชั้นไต่สวนจำเลยมิได้นำสืบว่าใครเป็นผู้เขียนและจำเลยได้รับหมายในวันที่ 20 มีนาคม 2529 เมื่อจำเลยยื่นคำให้การเกินกำหนดไป 1 วัน จึงถือได้ว่าจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4484/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดยื่นคำให้การเนื่องจากความเข้าใจผิดเรื่องวันที่รับหมาย และการไม่อำนาจต่อสู้คดี
จำเลยได้รับหมายเรียกและสำเนาฟ้องในวันที่ 19 มีนาคม 2529แต่ยื่นคำให้การในวันที่ 28 มีนาคม 2529 แม้ในหมายเรียกจะเขียนไว้ว่า รับวันที่ 20 มีนาคม 2529 แต่ในชั้นไต่สวนจำเลยมิได้นำสืบว่าใครเป็นผู้เขียนและจำเลยได้รับหมายในวันที่ 20 มีนาคม 2529เมื่อจำเลยยื่นคำให้การเกินกำหนดไป 1 วัน จึงถือได้ว่าจงใจขาดนัดยื่นคำให้การ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3410/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การไม่ยื่นคำให้การ และการเลื่อนคดีโดยไม่มีเหตุผลสมควร ศาลไม่อนุญาตให้ยื่นคำให้การได้
ศาลแรงงานกลางอนุญาตให้เลื่อนวันนัดพิจารณาจากวันที่ 28มีนาคม 2532 ไปเป็นวันที่ 17 เมษายน 2532 ตามคำร้อง ของ จำเลยที่อ้างว่า ส. หุ้นส่วนผู้จัดการไปติดต่อธุรกิจในต่างประเทศเป็นการให้โอกาสและความเที่ยงธรรมแก่จำเลยในการต่อสู้คดีตามสมควรแล้ว ในช่วงเวลาดังกล่าวจำเลยอาจยื่นคำให้การได้ในวันหรือก่อนวันนัดพิจารณาครั้งหลัง การที่จำเลยไม่มาศาลในวันนัดพิจารณาดังกล่าวโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องและไม่ได้ยื่นคำให้การก่อนหรือในวันนัดพิจารณา แสดงว่าจำเลยเห็นว่าวันนัดของศาลไม่ใช่เป็นเรื่องสำคัญ และไม่เอาใจใส่ต่อคดีของตน ดังนั้นที่จำเลยเพิ่งยื่นคำร้องขออนุญาตยื่นคำให้การในวันที่ 4 พฤษภาคม 2532 ซึ่งเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์ โดยอ้างว่า ส. ไปติดต่อธุรกิจที่ต่างประเทศอีก จึงเป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าจำเลยไม่เอาใจใส่ต่อคดีและเจตนาประวิงคดีไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การ.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2532

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ หนี้มีเงื่อนไขไม่แน่นอน (การพนันขันต่อ) จำเลยเบิกความเกินกรอบคำให้การ ศาลฎีกายืนตามศาลชั้นต้น
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยมาศาลและขออ้างตนเองเบิกความเป็นพยาน ศาลชั้นต้นได้ให้โจทก์จำเลยสืบพยาน จำเลยเบิกความว่าการชำระหนี้เงินกู้ 30,000 บาท ตามเช็คพิพาทเป็นหนี้มีเงื่อนไขว่า หากโจทก์ไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โจทก์จึงจะมีสิทธิเรียกเงินจำนวนดังกล่าวคืนจากจำเลย แต่ถ้าโจทก์ได้รับเลือกตั้งจำเลยไม่ต้องคืนเงินกู้ดังกล่าวให้โจทก์ การเบิกความของจำเลยดังกล่าวเป็นข้อที่จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีไว้ จึงเป็นการเบิกความในข้อที่ไม่ได้เป็นประเด็นในคดี จำเลยจึงสืบพยานในข้อที่ว่าการชำระหนี้เงิน 30,000บาท ตามเช็คพิพาทเป็นหนี้ที่มีเงื่อนไขไม่ได้

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1508/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความนอกประเด็นคดีของจำเลยที่ขาดนัดยื่นคำให้การ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่กระทบผลคำพิพากษา
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยมาศาลและขออ้างตนเองเบิกความเป็นพยาน ศาลชั้นต้นได้ให้โจทก์จำเลยสืบพยาน จำเลยเบิกความว่าการชำระหนี้เงินกู้ 30,000 บาทตามเช็คพิพาทเป็นหนี้ที่มีเงื่อนไขว่า หากโจทก์ไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โจทก์จึงจะมีสิทธิเรียกร้องจำนวนดังกล่าวคืนจากจำเลย แต่ถ้าโจทก์ได้รับเลือกตั้งจำเลยไม่ต้องคืนเงินกู้ดังกล่าวให้โจทก์ การเบิกความของจำเลยดังกล่าวเป็นข้อที่จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีไว้ จึงเป็นการเบิกความในข้อที่ไม่ได้เป็นประเด็นในคดี จำเลยจึงสืบพยานในข้อที่ว่าการชำระหนี้เงินกู้ 30,000 บาทตามเช็คพิพาทเป็นหนี้ที่มีเงื่อนไขไม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2888-2889/2531

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความล่าช้าในการยื่นคำให้การเนื่องจากความประมาทเลินเล่อของผู้ถูกฟ้อง ไม่ถือเป็นเหตุสมควร ศาลไม่จำเป็นต้องไต่สวน
จำเลยมอบหมายเรียกสำเนาคำฟ้องและใบแต่งทนายความให้ ต. คนขับรถบรรทุกข้าวสารของจำเลยนำไปให้ทนายความที่กรุงเทพฯ ก่อนครบกำหนดยื่นคำให้การ 2 วัน ปกติรถบรรทุกข้าวสารของจำเลยจะต้องถึงกรุงเทพฯ ในวันรุ่งขึ้นแต่รถเสียกลางทางต้องซ่อมหลายวันจนพ้นกำหนดยื่นคำให้การ ทนายความจึงยื่นคำให้การ เมื่อพ้นกำหนดเวลา นับว่าเป็นความบกพร่องและความผิดของจำเลยเองพฤติการณ์ดังกล่าวของจำเลยเป็นไปโดยจงใจและไม่มีเหตุอันสมควรที่จะอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การและการยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การโดยอ้างเหตุดังนี้ ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องขอยื่นคำให้การโดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนคำร้องเสียก่อนได้.
of 18