พบผลลัพธ์ทั้งหมด 430 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุรายละเอียดคดี ความผิด และเหตุผลที่คำเบิกความเป็นข้อสำคัญ
คำฟ้องของโจทก์ฐานเบิกความเท็จได้บรรยายแต่เพียงรายละเอียดข้อความที่จำเลยเบิกความ กับความจริงเป็นอย่างไร และว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดี แต่มิได้บรรยายว่าคดีที่จำเลยเบิกความอันเป็นเท็จนั้นมีข้อหาหรือฐานความผิดอะไร ประเด็นสำคัญของคดีมีว่าอย่างไรและคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร เป็นฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 364/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุรายละเอียดคดีเดิม ข้อหา และความสำคัญของคำเบิกความ
คำฟ้องของโจทก์ฐานเบิกความเท็จได้บรรยายแต่เพียงรายละเอียดข้อความที่จำเลยเบิกความกับความจริงเป็นอย่างไรและว่าคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีแต่มิได้บรรยายว่าคดีที่จำเลยเบิกความอันเป็นเท็จนั้นมีข้อหาหรือฐานความผิดอะไร ประเด็นสำคัญของคดีมีว่าอย่างไรและคำเบิกความของจำเลยเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร เป็นฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีจึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วย ป.วิ.อ. มาตรา 158(5).
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จในฐานะพยาน แม้มีสิทธิปฏิเสธให้การในฐานะจำเลย ก็ไม่เป็นเหตุยกเว้นความผิด
ในคดีก่อน จำเลยถูก ฟ้องในข้อหาขับรถยนต์ โดยประมาทชนรถยนต์ที่ผู้เสียหาย (โจทก์คดีนี้) ขับสวนทางมา เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส และมีบุคคลอื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายบาดเจ็บ การที่จำเลยเบิกความในคดีก่อนว่า ผู้เสียหายขับรถยนต์ ชนรถยนต์ ที่จำเลยขับในช่องทาง เดินรถของจำเลย มีพวกผู้เสียหายเก็บเศษกระจกและเศษไม้จากช่องทาง เดินรถของจำเลยไปไว้ในช่องทาง เดินรถของผู้เสียหาย เท่ากับเบิกความว่า เหตุที่รถยนต์ชนกันเป็นความผิดของผู้เสียหาย มิใช่ความผิดของจำเลยซึ่ง เป็นประเด็นโดยตรงของคดีก่อนที่ว่าจำเลยขับรถยนต์ โดยประมาทหรือไม่ข้อความที่จำเลยเบิกความจึงเป็นข้อสำคัญในคดี แม้จำเลยจะมีสิทธิในการต่อสู้ คดีและจะให้การอย่างไร หรือไม่ยอมให้การในคดีก่อนก็ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 172 ก็ตาม แต่ ในชั้น พิจารณาคดีดังกล่าว ตัว จำเลยได้ เข้าเบิกความในคดีฐานะ พยานซึ่ง เป็นอีกฐานะ หนึ่งต่างหากจากการเป็นตัว จำเลย หากคำเบิกความของจำเลยเป็นเท็จจำเลยก็ต้อง มีความผิดฐาน เบิกความเท็จ จะยกเอาสิทธิในการต่อสู้ คดีของจำเลยมาอ้างเพื่อยกเว้นความรับผิดฐาน เบิกความเท็จหาได้ไม่.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2532 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จในคดีอาญา แม้เป็นสิทธิในการต่อสู้คดี ก็ต้องรับผิดชอบหากคำเบิกความนั้นเป็นเท็จและเป็นข้อสำคัญในคดี
ในคดีก่อนจำเลยถูกฟ้องในข้อหาขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่ผู้เสียหาย(โจทก์คดีนี้) ขับสวนทางมา เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัสและมีบุคคลอื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายบาดเจ็บ การที่จำเลยเบิกความในคดีก่อนว่าผู้เสียหายขับรถยนต์ชนรถยนต์ที่จำเลยขับในช่องทางเดินรถของจำเลย มีพวกผู้เสียหายเก็บเศษกระจกและเศษไม้จากช่องทางเดินรถของจำเลยไปไว้ในช่องทางเดินรถของผู้เสียหายเท่ากับเบิกความว่าเหตุที่รถยนต์ชนกันเป็นความผิดของผู้เสียหาย มิใช่ความผิดของจำเลย ซึ่งเป็นประเด็นโดยตรงของคดีก่อนที่ว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทหรือไม่ข้อความที่จำเลยเบิกความจึงเป็นข้อสำคัญในคดี
แม้จำเลยจะมีสิทธิในการต่อสู้คดีและจะให้การอย่างไรหรือไม่ยอมให้การในคดีก่อนก็ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 172 ก็ตาม แต่ในชั้นพิจารณาคดีดังกล่าว ตัวจำเลยได้เข้าเบิกความในคดีในฐานะพยานซึ่งเป็นอีกฐานะหนึ่งต่างหากจากการเป็นตัวจำเลยหากคำเบิกความของจำเลยเป็นเท็จ จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จ จะยกเอาสิทธิในการต่อสู้คดีของจำเลยมาอ้างเพื่อยกเว้นความรับผิดฐานเบิกความเท็จหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
แม้จำเลยจะมีสิทธิในการต่อสู้คดีและจะให้การอย่างไรหรือไม่ยอมให้การในคดีก่อนก็ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 172 ก็ตาม แต่ในชั้นพิจารณาคดีดังกล่าว ตัวจำเลยได้เข้าเบิกความในคดีในฐานะพยานซึ่งเป็นอีกฐานะหนึ่งต่างหากจากการเป็นตัวจำเลยหากคำเบิกความของจำเลยเป็นเท็จ จำเลยก็ต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จ จะยกเอาสิทธิในการต่อสู้คดีของจำเลยมาอ้างเพื่อยกเว้นความรับผิดฐานเบิกความเท็จหาได้ไม่.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 224/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จต่อศาล: สิทธิในการต่อสู้คดีมิใช่เหตุยกเว้นความผิดฐานเบิกความเท็จ แม้ศาลเคยฟังว่าจำเลยกระทำผิด
ในคดีก่อน จำเลยถูกฟ้องในข้อหาขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่ผู้เสียหาย (โจทก์คดีนี้) ขับสวนทางมา เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายสาหัส และมีบุคคลอื่นถึงแก่ความตายและได้รับอันตรายบาดเจ็บ การที่จำเลยเบิกความในคดีก่อนว่า ผู้เสียหายขับรถยนต์ชนรถยนต์ที่จำเลยขับในช่องทางเดินรถของจำเลย มีพวกผู้เสียหายเก็บเศษกระจกและเศษไม้จากช่องทางเดินรถของจำเลยไปไว้ในช่องทางเดินรถของผู้เสียหาย เท่ากับเบิกความว่า เหตุที่รถยนต์ชนกันเป็นความผิดของผู้เสียหาย มิใช่ความผิดของจำเลยซึ่งเป็นประเด็นโดยตรงของคดีก่อนที่ว่าจำเลยขับรถยนต์โดยประมาทหรือไม่ ข้อความที่จำเลยเบิกความจึงเป็นข้อสำคัญในคดี แม้จำเลยจะมีสิทธิในการต่อสู้คดีและจะให้การอย่างไร หรือไม่ยอมให้การในคดีก่อนก็ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 172 ก็ตาม แต่ในชั้นพิจารณาคดีดังกล่าว ตัวจำเลยได้เข้าเบิกความในคดีในฐานะพยาน ซึ่งเป็นอีกฐานะหนึ่งต่างหากจากการเป็นตัวจำเลย หากคำเบิกความของจำเลยเป็นเท็จจำเลยก็ต้องมีความผิดฐานเบิกความเท็จ จะยกเอาสิทธิในการต่อสู้คดีของจำเลยมาอ้างเพื่อยกเว้นความรับผิดฐานเบิกความเท็จหาได้ไม่
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2532 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุรายละเอียดให้ชัดเจนว่าข้อความเท็จนั้นสำคัญต่อคดีอย่างไร
โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาเบิกความเท็จ แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายให้เห็นว่าคดีที่จำเลยเบิกความมีข้อหาและข้อความที่เบิกความเป็นเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร จึงเป็นฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้โจทก์จะบรรยายเลขสำนวนคดีที่จำเลยเบิกความมาในฟ้องต่อมาในชั้นพิจารณาโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานอ้างคำเบิกความของจำเลยกับสำนวนคดีนั้นเป็นพยานหลักฐาน และศาลชั้นต้นได้นำสำนวนคดีนั้นทั้งสำนวนมาผูกติดกับสำนวนคดีนี้ไว้แล้วก็ตาม แต่ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ปรากฏในสำนวนคดีนั้นก็หาใช่ส่วนหนึ่งของคำฟ้องของโจทก์ไม่ จะนำมาประกอบคำฟ้องของโจทก์คดีนี้ให้สมบูรณ์ขึ้นมิได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 19/2532
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุรายละเอียดให้ชัดเจนว่าข้อความเท็จนั้นมีผลสำคัญต่อคดีอย่างไร
โจทก์ฟ้องจำเลยในข้อหาเบิกความเท็จ แต่โจทก์ไม่ได้บรรยายให้เห็นว่าคดีที่จำเลยเบิกความมีข้อหาและข้อความที่เบิกความเป็นเท็จเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร จึงเป็นฟ้องที่ไม่ได้บรรยายถึงการกระทำที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิดพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี แม้โจทก์จะบรรยายเลขสำนวนคดีที่จำเลยเบิกความมาในฟ้อง ต่อมาในชั้นพิจารณาโจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานอ้างคำเบิกความของจำเลยกับสำนวนคดีนั้นเป็นพยานหลักฐานและศาลชั้นต้นได้นำสำนวนคดีนั้นทั้งสำนวนมาผูกติดกับสำนวนคดีนี้ไว้แล้วก็ตามแต่ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่ปรากฏในสำนวนคดีนั้นก็หาใช่ส่วนหนึ่งของคำฟ้องของโจทก์ไม่ จะนำมาประกอบคำฟ้องของโจทก์คดีนี้ให้สมบูรณ์ขึ้นมิได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4974/2531
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การฟ้องเบิกความเท็จต้องระบุรายละเอียดข้อหาและประเด็นสำคัญของคดี หากฟ้องไม่ชัดเจนถือเป็นฟ้องที่ไม่ชอบ
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จ แม้บรรยายรายละเอียดว่าข้อความที่เบิกกับความจริงเป็นอย่างไร และว่าเป็นข้อสำคัญของคดีแต่เมื่อไม่ได้บรรยายว่าจำเลยเบิกความอันเป็นเท็จในข้อหาหรือฐานความผิดอะไรข้อความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร ประเด็นสำคัญของคดีมีว่าอย่างไรฟ้องโจทก์จึงยังไม่อาจให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4974/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความสมบูรณ์ของฟ้องคดีเบิกความเท็จ: จำเป็นต้องระบุข้อหา/ฐานความผิดและประเด็นสำคัญของคดี
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเบิกความเท็จ แม้บรรยายรายละเอียดว่าข้อความที่เบิกกับความจริงเป็นอย่างไร และว่าเป็นข้อสำคัญของคดี แต่เมื่อไม่ได้บรรยายว่าจำเลยเบิกความอันเป็นเท็จในข้อหาหรือฐานความผิดอะไร ข้อความนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีอย่างไร ประเด็นสำคัญของคดีมีว่าอย่างไร ฟ้องโจทก์จึงยังไม่อาจให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4745/2531 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จในคดีแพ่ง: ข้อสำคัญในคดีคือการยืนยันข้อเท็จจริงที่ส่งผลต่อผลแพ่งโดยตรง
ในคดีก่อน ฉ.ฟ้องโจทก์เรียกเงินตามสัญญากู้ จำเลยเบิกความเป็นพยานให้ ฉ.ว่า รู้เห็นการกู้ยืมเงิน การรับเงินและลงชื่อเป็นพยานด้วย เมื่อโจทก์เบิกความยอมรับว่าได้กู้เงินไปตามสัญญากู้ในคดีก่อนจริง เพียงแต่อ้างว่าได้ชำระหนี้ไปบางส่วนแล้ว คำเบิกความของจำเลยหากจะเป็นเท็จก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี และแม้โจทก์จะมิได้กู้เงินถึงจำนวนตามฟ้อง แต่คำเบิกความของจำเลยในคดีก่อนก็มิได้ยืนยันว่าโจทก์กู้เงิน ฉ.ไปจำนวนเท่าใดเพราะไม่ได้ร่วมนับเงินที่โจทก์กู้ไปด้วย คำเบิกความของจำเลยในส่วนนี้จึงมิใช่ข้อสำคัญในคดีเช่นกัน