พบผลลัพธ์ทั้งหมด 430 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2530
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมและการเบิกความเท็จในคดีแรงงาน ศาลต้องไต่สวนมูลฟ้องหากข้อเท็จจริงสำคัญเปลี่ยนแปลง
จำเลยฟ้องต่อศาลแรงงานกลางว่า โจทก์เลิกจ้างจำเลยโดยไม่เป็นธรรม แล้วเบิกความว่าจำเลยไม่ได้ใช้ ส.และพ.พนักงานรักษาความปลอดภัยลูกจ้างของโจทก์ซึ่งอยู่ใต้บังคับบัญชาของจำเลยไปธุระส่วนตัวในเวลาทำงาน เพียงแต่เป็นผู้ฝากงานให้ส.และพ.ทำนอกเวลาทำงานปกติของโจทก์ เอกสารหมาย ล.9 เป็นหนังสือที่จำเลยขอบคุณ พ.ที่ไปช่วยงานโดยจำเลยไม่ทราบเรื่อง ซึ่งในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่าการเลิกจ้างเป็นธรรมหรือไม่นั้น ต้องอาศัยข้อเท็จจริงที่ว่า ส.และพ.ได้ละทิ้งหน้าที่เพราะจำเลยใช้ให้ไปทำงานส่วนตัวให้จำเลยหรือไม่โดยตรง ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้นอาจจะเป็นกรณีที่ถือได้ว่าจำเลยทุจริตต่อหน้าที่ จงใจให้โจทก์เสียหายอันโจทก์ถือเป็นเหตุเลิกจ้างจำเลย ซึ่งถ้าเป็นดังนี้ย่อมถือไม่ได้ว่าการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมข้อความที่จำเลยเบิกความดังกล่าวจึงเป็นข้อสำคัญในคดี.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4784/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เจตนาเบิกความเท็จ: การเบิกความตามหลักฐานการครอบครองไม่ผิด แต่เบิกความเท็จในข้อสำคัญเป็นความผิด
การที่จะเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จนั้น ผู้กระทำจะต้องกระทำโดยมีเจตนา คือรู้อยู่แล้วว่าข้อความที่ตนนำมาเบิกความนั้นเป็นความเท็จ
โจทก์ซึ่งเป็นกำนันท้องที่ใช้รถแทรกเตอร์ขุดดินเพื่อบูรณะหนองน้ำสาธารณะที่ ก.แจ้ง ส.ค.1 ไว้ว่าเป็นของตน การที่จำเลยเบิกความว่าโจทก์บุกรุกที่ดินของ ก. เป็นการเบิกความไปตามหลักฐานการแจ้งการครอบครอง จึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จในความผิดฐานบุกรุก ส่วนที่จำเลยเบิกความว่า โจทก์ตัดฟันต้นจากสาคูของ ก. โดยที่โจทก์มิได้ตัดฟันนั้น ย่อมเป็นการเบิกความเท็จในข้อสำคัญในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
โจทก์ซึ่งเป็นกำนันท้องที่ใช้รถแทรกเตอร์ขุดดินเพื่อบูรณะหนองน้ำสาธารณะที่ ก.แจ้ง ส.ค.1 ไว้ว่าเป็นของตน การที่จำเลยเบิกความว่าโจทก์บุกรุกที่ดินของ ก. เป็นการเบิกความไปตามหลักฐานการแจ้งการครอบครอง จึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จในความผิดฐานบุกรุก ส่วนที่จำเลยเบิกความว่า โจทก์ตัดฟันต้นจากสาคูของ ก. โดยที่โจทก์มิได้ตัดฟันนั้น ย่อมเป็นการเบิกความเท็จในข้อสำคัญในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4784/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จต้องรู้ว่าเป็นเท็จ: แยกพิจารณาความผิดตามหลักฐานและข้อเท็จจริง
การที่จะเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จนั้น ผู้กระทำจะต้องกระทำโดยมีเจตนา คือรู้อยู่แล้วว่าข้อความที่ตนนำมาเบิกความนั้นเป็นความเท็จ
โจทก์ซึ่งเป็นกำนันท้องที่ใช้รถแทรกเตอร์ขุดดินเพื่อบูรณะหนองน้ำสาธารณะที่ ก.แจ้ง ส.ค.1 ไว้ว่าเป็นของตน การที่จำเลยเบิกความว่าโจทก์บุกรุกที่ดินของ ก. เป็นการเบิกความไปตามหลักฐานการแจ้งการครอบครอง จึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จในความผิดฐานบุกรุก ส่วนที่จำเลยเบิกความว่าโจทก์ตัดฟันต้นจากสาคูของก.โดยที่โจทก์มิได้ตัดฟันนั้น ย่อมเป็นการเบิกความเท็จในข้อสำคัญในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
โจทก์ซึ่งเป็นกำนันท้องที่ใช้รถแทรกเตอร์ขุดดินเพื่อบูรณะหนองน้ำสาธารณะที่ ก.แจ้ง ส.ค.1 ไว้ว่าเป็นของตน การที่จำเลยเบิกความว่าโจทก์บุกรุกที่ดินของ ก. เป็นการเบิกความไปตามหลักฐานการแจ้งการครอบครอง จึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จในความผิดฐานบุกรุก ส่วนที่จำเลยเบิกความว่าโจทก์ตัดฟันต้นจากสาคูของก.โดยที่โจทก์มิได้ตัดฟันนั้น ย่อมเป็นการเบิกความเท็จในข้อสำคัญในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4784/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จต้องมีเจตนาเล็งเห็นผล การเบิกความตามหลักฐานการครอบครองไม่ผิด
การที่จะเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จนั้นผู้กระทำจะต้องกระทำโดยมีเจตนาคือรู้อยู่แล้วว่าข้อความที่ตนนำมาเบิกความนั้นเป็นความเท็จ โจทก์ซึ่งเป็นกำนันท้องที่ใช้รถแทรกเตอร์ขุดดินเพื่อบูรณะหนองน้ำสาธารณะที่ก.แจ้งส.ค.1ไว้ว่าเป็นของตนการที่จำเลยเบิกความว่าโจทก์บุกรุกที่ดินของก.เป็นการเบิกความไปตามหลักฐานการแจ้งการครอบครองจึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จในความผิดฐานบุกรุกส่วนที่จำเลยเบิกความว่าโจทก์ตัดฟันต้นจากสาคูของก.โดยที่โจทก์มิได้ตัดฟันนั้นย่อมเป็นการเบิกความเท็จในข้อสำคัญในความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4469/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จในคดีแพ่งต้องเป็นข้อสำคัญ อาจทำให้คู่ความแพ้ชนะได้ จึงจะมีความผิดฐานเบิกความเท็จ
คำเบิกความซึ่งจะเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 นั้น จะต้องเป็นคำเบิกความในข้อสำคัญที่อาจทำให้คู่ความแพ้ชนะกันในประเด็นแห่งคดี
จำเลยเบิกความในคดีแพ่งว่าไม่เคยขอซื้อที่ดินของโจทก์ในคดีนั้นมีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีหรือไม่ด้วย ศาลเชื่อว่าบิดาจำเลยได้ยกที่พิพาทให้จำเลยและจำเลยได้ครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว โดยมิได้หลงเชื่อตามคำเบิกความของจำเลยดังกล่าว ดังนี้ แม้คำเบิกความของจำเลยดังกล่าวจะเป็นเท็จจำเลยก็ไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
จำเลยเบิกความในคดีแพ่งว่าไม่เคยขอซื้อที่ดินของโจทก์ในคดีนั้นมีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีหรือไม่ด้วย ศาลเชื่อว่าบิดาจำเลยได้ยกที่พิพาทให้จำเลยและจำเลยได้ครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว โดยมิได้หลงเชื่อตามคำเบิกความของจำเลยดังกล่าว ดังนี้ แม้คำเบิกความของจำเลยดังกล่าวจะเป็นเท็จจำเลยก็ไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4469/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำเบิกความเท็จต้องเป็นข้อสำคัญในคดี หากศาลไม่ได้เชื่อถือคำเบิกความนั้น คู่ความจึงไม่ผิดฐานเบิกความเท็จ
คำเบิกความซึ่งจะเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา177นั้นจะต้องเป็นคำเบิกความในข้อสำคัญที่อาจทำให้คู่ความแพ้ชนะกันในประเด็นแห่งคดี จำเลยเบิกความในคดีแพ่งว่าไม่เคยขอซื้อที่ดินของโจทก์ในคดีนั้นมีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีหรือไม่ด้วยศาลเชื่อว่าบิดาจำเลยได้ยกที่พิพาทให้จำเลยและจำเลยได้ครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1382แล้วโดยมิได้หลงเชื่อตามคำเบิกความของจำเลยดังกล่าวดังนี้แม้คำเบิกความของจำเลยดังกล่าวจะเป็นเท็จจำเลยก็ไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา177.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4469/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จต้องมีผลถึงการแพ้ชนะคดี จึงจะมีความผิดฐานเบิกความเท็จ
คำเบิกความซึ่งจะเป็นความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 นั้น จะต้องเป็นคำเบิกความในข้อสำคัญที่อาจทำให้คู่ความแพ้ชนะกันในประเด็นแห่งคดี
จำเลยเบิกความในคดีแพ่งว่าไม่เคยขอซื้อที่ดินของโจทก์ ในคดีนั้นมีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีหรือไม่ด้วยศาลเชื่อว่าบิดาจำเลยได้ยกที่พิพาทให้จำเลยและจำเลยได้ครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว โดยมิได้หลงเชื่อตามคำเบิกความของจำเลยดังกล่าว ดังนี้ แม้คำเบิกความของจำเลยดังกล่าวจะเป็นเท็จจำเลยก็ไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
จำเลยเบิกความในคดีแพ่งว่าไม่เคยขอซื้อที่ดินของโจทก์ ในคดีนั้นมีประเด็นข้อพิพาทว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทโดยสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีหรือไม่ด้วยศาลเชื่อว่าบิดาจำเลยได้ยกที่พิพาทให้จำเลยและจำเลยได้ครอบครองโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันเป็นเวลาสิบปีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว โดยมิได้หลงเชื่อตามคำเบิกความของจำเลยดังกล่าว ดังนี้ แม้คำเบิกความของจำเลยดังกล่าวจะเป็นเท็จจำเลยก็ไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4205/2529 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จและเบิกความเท็จ ต้องเกี่ยวข้องกับความผิดอาญาหรือประเด็นสำคัญในคดี
การแจ้งความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172,173 และ 174 นั้น ความเท็จที่แจ้งต้องเป็นข้อความที่เกี่ยวกับความผิดอาญา เมื่อจำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนเพียงว่า จำเลยเป็นผู้แนะนำ ส. ให้รู้จักกับโจทก์และสามีซึ่งเป็นความเท็จโดยไม่มีข้อความว่าโจทก์กระทำความผิดอาญาการกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ
ส่วนการเบิกความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 นั้น ความเท็จที่เบิกความต้องเป็นข้อสำคัญในคดี คือเป็นข้อความในประเด็นหรือที่เกี่ยวแก่ประเด็นอันอาจจะทำให้คู่ความถึงแพ้ชนะกันในประเด็นนั้นในคดีที่โจทก์คดีนี้ถูกฟ้องว่าฉ้อโกง ข้อสำคัญแห่งคดีมีว่า โจทก์ได้ทำการหลอกลวงผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ แล้วมอบเงินให้โจทก์รับไปหรือไม่ ดังนั้น ที่จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวว่าจำเลยเคยแนะนำโจทก์ให้รู้จักกับผู้เสียหายนั้น ถึงหากจะเป็นความเท็จก็มิใช่ข้อสำคัญในคดี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ
ส่วนการเบิกความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 177 นั้น ความเท็จที่เบิกความต้องเป็นข้อสำคัญในคดี คือเป็นข้อความในประเด็นหรือที่เกี่ยวแก่ประเด็นอันอาจจะทำให้คู่ความถึงแพ้ชนะกันในประเด็นนั้นในคดีที่โจทก์คดีนี้ถูกฟ้องว่าฉ้อโกง ข้อสำคัญแห่งคดีมีว่า โจทก์ได้ทำการหลอกลวงผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ แล้วมอบเงินให้โจทก์รับไปหรือไม่ ดังนั้น ที่จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวว่าจำเลยเคยแนะนำโจทก์ให้รู้จักกับผู้เสียหายนั้น ถึงหากจะเป็นความเท็จก็มิใช่ข้อสำคัญในคดี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4205/2529
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จและเบิกความเท็จต้องเกี่ยวกับความผิดอาญาหรือประเด็นสำคัญในคดีจึงจะมีความผิด
การแจ้งความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา172,173และ174นั้นความเท็จที่แจ้งต้องเป็นข้อความที่เกี่ยวกับความผิดอาญาเมื่อจำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนเพียงว่าจำเลยเป็นผู้แนะนำส.ให้รู้จักกับโจทก์และสามีซึ่งเป็นความเท็จโดยไม่มีข้อความว่าโจทก์กระทำความผิดอาญาการกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ ส่วนการเบิกความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา177นั้นความเท็จที่เบิกความต้องเป็นข้อสำคัญในคดีคือเป็นข้อความในประเด็นหรือที่เกี่ยวแก่ประเด็นอันอาจจะทำให้คู่ความถึงแพ้ชนะกันในประเด็นนั้นในคดีที่โจทก์คดีนี้ถูกฟ้องว่าฉ้อโกงข้อสำคัญแห่งคดีมีว่าโจทก์ได้ทำการหลอกลวงผู้เสียหายทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อแล้วมอบเงินให้โจทก์รับไปหรือไม่ดังนั้นที่จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวว่าจำเลยเคยแนะนำโจทก์ให้รู้จักกับผู้เสียหายนั้นถึงหากจะเป็นความเท็จก็มิใช่ข้อสำคัญในคดีการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ.
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4205/2529 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
แจ้งความเท็จ/เบิกความเท็จ ต้องเกี่ยวกับความผิดอาญา/ประเด็นสำคัญในคดี จึงจะมีความผิด
การแจ้งความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172,173 และ 174 นั้น ความเท็จที่แจ้งต้องเป็นข้อความที่เกี่ยวกับความผิดอาญา เมื่อจำเลยให้การต่อพนักงานสอบสวนเพียงว่า จำเลยเป็นผู้แนะนำ ส. ให้รู้จักกับโจทก์และสามีซึ่งเป็นความเท็จ โดยไม่มีข้อความว่าโจทก์กระทำความผิดอาญาการกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จ
ส่วนการเบิกความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 นั้น ความเท็จที่เบิกความต้องเป็นข้อสำคัญในคดี คือเป็นข้อความในประเด็นหรือที่เกี่ยวแก่ประเด็นอันอาจจะทำให้คู่ความถึงแพ้ชนะกันในประเด็นนั้นในคดีที่โจทก์คดีนี้ถูกฟ้องว่าฉ้อโกง ข้อสำคัญแห่งคดีมีว่า โจทก์ได้ทำการหลอกลวงผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ แล้วมอบเงินให้โจทก์รับไปหรือไม่ดังนั้น ที่จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวว่าจำเลยเคยแนะนำโจทก์ให้รู้จักกับผู้เสียหายนั้น ถึงหากจะเป็นความเท็จ ก็มิใช่ข้อสำคัญในคดี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ
ส่วนการเบิกความเท็จอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 นั้น ความเท็จที่เบิกความต้องเป็นข้อสำคัญในคดี คือเป็นข้อความในประเด็นหรือที่เกี่ยวแก่ประเด็นอันอาจจะทำให้คู่ความถึงแพ้ชนะกันในประเด็นนั้นในคดีที่โจทก์คดีนี้ถูกฟ้องว่าฉ้อโกง ข้อสำคัญแห่งคดีมีว่า โจทก์ได้ทำการหลอกลวงผู้เสียหาย ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ แล้วมอบเงินให้โจทก์รับไปหรือไม่ดังนั้น ที่จำเลยเบิกความในคดีดังกล่าวว่าจำเลยเคยแนะนำโจทก์ให้รู้จักกับผู้เสียหายนั้น ถึงหากจะเป็นความเท็จ ก็มิใช่ข้อสำคัญในคดี การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานเบิกความเท็จ