พบผลลัพธ์ทั้งหมด 430 รายการ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1460/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
องค์ประกอบความผิดฟ้องเท็จ vs. เบิกความเท็จ: ข้อสำคัญในคดีเช็ค
ความเท็จที่นำไปฟ้อง อันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 175 นั้น ต้องเป็นความเท็จในเรื่องที่เป็นองค์ประกอบของการกระทำความผิดอาญา เมื่อจำเลยได้ฟ้องโจทก์ในคดีก่อนกล่าวหาว่าโจทก์ออกเช็คและธนาคารได้ปฏิเสธการจ่ายเงิน องค์ประกอบของการกระทำที่จำเลยฟ้องโจทก์ คือการที่โจทก์ออกเช็คและธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็คนั้น การที่โจทก์หรือผู้หนึ่งผู้ใดนำเอาเช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค มิใช่เป็นองค์ประกอบในการกระทำความผิดที่จำเลยฟ้อง ดังนั้นการที่จำเลยกล่าวในฟ้องว่าจำเลยนำเช็คไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็ค แม้จะไม่เป็นความจริง จำเลยก็ไม่มีความผิดฐานฟ้องเท็จ แต่ในข้อหาฐานเบิกความเท็จนั้นในเรื่องที่ว่าผู้ใดนำเช็คเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินตามเช็คนั้นย่อมเป็นข้อสำคัญในคดี เพราะผู้นำเช็คไปเข้าบัญชีย่อมเป็นผู้ทรง เมื่อธนาคารปฏิเสธไม่ใช้เงินตามเช็ค ผู้นั้นย่อมเป็นผู้เสียหายมีอำนาจฟ้องผู้ออกเช็คได้ฉะนั้น เมื่อจำเลยเบิกความอันเป็นเท็จว่าเป็นผู้นำเช็คเข้าบัญชี ซึ่งความจริงจำเลยได้ขายลดเช็คนั้นไปแล้วจำเลยย่อมมีความผิดฐานเบิกความเท็จได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 746/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
เบิกความเท็จเกี่ยวกับวันเกิดเหตุบุกรุก ศาลไม่ลงโทษเพราะจำเลยฟ้องผิดวัน และข้อความเท็จไม่เป็นสาระสำคัญ
จำเลยเบิกความว่าโจทก์บุกรุกในวันผิดจากที่ฟ้อง ถึงอย่างไรก็ลงโทษโจทก์ไม่ได้ เพราะโจทก์หลงต่อสู้ฐานที่อยู่ คำเบิกความว่าโจทก์บุกรุกจึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี ไม่เป็นความผิดตาม มาตรา177
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องอาญา: ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงจากความเท็จนั้น
เจ้ามรดกทำพินัยกรรมตั้งผู้จัดการมรดกในรูปคณะกรรมการจัดการมรดกโดยระบุชื่อบุคคลพวกหนึ่งและระบุตำแหน่งอีกพวกหนึ่งรวมทั้งหมด 11 ท่าน โดยมีตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสงครามรวมอยู่ด้วย และมีข้อกำหนดไว้ว่าให้คณะกรรมการตั้งแต่ 5 ท่านขึ้นไปเป็นองค์ประชุมจัดการทรัพย์มรดกได้ พินัยกรรมมิได้ระบุชื่อโจทก์หรือตั้งโจทก์ให้เป็นคณะกรรมการจัดการมรดก โจทก์ในฐานะส่วนตัวจึงไม่ใช่เป็นผู้จัดการมรดก ตามคำฟ้องของโจทก์อ่านเข้าใจได้ว่าโจทก์ในฐานะส่วนตัวได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม มิได้อ้างว่าโจทก์เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสงคราม หรือฟ้องในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสงคราม โจทก์ในฐานะส่วนตัวไม่ได้รับความเสียหาย จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 334/2522 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
อำนาจฟ้องในคดีเบิกความเท็จ: ผู้เสียหายต้องเป็นผู้ได้รับความเสียหายโดยตรงจากเหตุการณ์
เจ้ามรดกทำพินัยกรรมตั้งผู้จัดการมรดกในรูปคณะกรรมการจัดการมรดกโดยระบุชื่อบุคคลพวกหนึ่ง และระบุตำแหน่งอีกพวกหนึ่งรวมทั้งหมด 11 ท่าน โดยมีตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสงครามรวมอยู่ด้วย และมีข้อกำหนดไว้ว่าให้คณะกรรมการตั้งแต่ 5 ท่านขึ้นไปเป็นองค์ประชุมจัดการทรัพย์มรดกได้ พินัยกรรมมิได้ระบุชื่อโจทก์หรือตั้งโจทก์ให้เป็นคณะกรรมการจัดการมรดก
โจทก์ในฐานะส่วนตัวจึงไม่ใช่เป็นผู้จัดการมรดก ตามคำฟ้องของโจทก์อ่านเข้าใจได้ว่าโจทก์ในฐานะส่วนตัวได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม มิได้อ้างว่าโจทก์เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสงคราม หรือฟ้องในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสงคราม โจทก์ในฐานะส่วนตัวไม่ได้รับความเสียหาย จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยได้
โจทก์ในฐานะส่วนตัวจึงไม่ใช่เป็นผู้จัดการมรดก ตามคำฟ้องของโจทก์อ่านเข้าใจได้ว่าโจทก์ในฐานะส่วนตัวได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม มิได้อ้างว่าโจทก์เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสงคราม หรือฟ้องในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดสมุทรสงคราม โจทก์ในฐานะส่วนตัวไม่ได้รับความเสียหาย จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 225/2522
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
การเบิกความเท็จในคดีเรียกคืนโฉนด การชำระหนี้จำนองไม่เป็นเหตุสำคัญในคดี
ศาลชั้นต้นยกฟ้องโดยข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโดยข้อเท็จจริง โจทก์ฎีกาข้อเท็จจริงได้
จำเลยเบิกความในข้อที่ว่าโจทก์ชำระหนี้จำนองแล้วหรือไม่ ข้อนี้ไม่ว่าจะเท็จหรือไม่เท็จก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ที่จะได้รับหรือไม่ได้รับโฉนดคืนในคดีที่โจทก์ฟ้องผันแปรไปจึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี ไม่มีมูลความผิดฐานเบิกความเท็จ
จำเลยเบิกความในข้อที่ว่าโจทก์ชำระหนี้จำนองแล้วหรือไม่ ข้อนี้ไม่ว่าจะเท็จหรือไม่เท็จก็ไม่ทำให้สิทธิของโจทก์ที่จะได้รับหรือไม่ได้รับโฉนดคืนในคดีที่โจทก์ฟ้องผันแปรไปจึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี ไม่มีมูลความผิดฐานเบิกความเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2551/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ฟ้องเคลือบคลุมเบิกความเท็จ – ความเท็จต้องเป็นข้อสำคัญในคดี
โจทก์ฟ้องจำเลยฐานแจ้งความเท็จหรือเบิกความเท็จโดยบรรยายฟ้องแต่เพียงว่า จำเลยแจ้งแก่พนักงานสอบสวนอย่างหนึ่ง แล้วมาเบิกความต่อศาลอีกอย่างหนึ่ง อันเป็นการแตกต่างและขัดกัน ซึ่งเป็นความเท็จ แต่มิได้บรรยายว่าอย่างไหนเป็นความเท็จ อย่างไหนเป็นความจริงหรือความจริงเป็นอย่างไร ยากที่จำเลยจะต่อสู้คดีได้ถูกต้อง จึงเป็นฟ้องเคลือบคลุม
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเบิกความว่า จำเลยไม่เคยให้การชั้นสอบสวนและลายพิมพ์นิ้วมือท้ายคำให้การชั้นสอบสวนนั้นไม่ใช่ลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลย ดังนี้ แม้จะฟังว่าจำเลยให้การไว้แก่พนักงานสอบสวนและลายพิมพ์นิ้วมือท้ายคำให้การชั้นสอบสวนเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยจริงก็ตาม เมื่อข้อสำคัญในคดีมีอยู่ว่าจำเลยจำคนร้ายที่เห็นนั้นได้หรือไม่ ข้อความที่จำเลยเบิกความดังกล่าวก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จ
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยเบิกความว่า จำเลยไม่เคยให้การชั้นสอบสวนและลายพิมพ์นิ้วมือท้ายคำให้การชั้นสอบสวนนั้นไม่ใช่ลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลย ดังนี้ แม้จะฟังว่าจำเลยให้การไว้แก่พนักงานสอบสวนและลายพิมพ์นิ้วมือท้ายคำให้การชั้นสอบสวนเป็นลายพิมพ์นิ้วมือของจำเลยจริงก็ตาม เมื่อข้อสำคัญในคดีมีอยู่ว่าจำเลยจำคนร้ายที่เห็นนั้นได้หรือไม่ ข้อความที่จำเลยเบิกความดังกล่าวก็ไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานเบิกความเท็จ
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1066/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ความผิดฐานเบิกความเท็จ: การบรรยายฟ้องผู้เสียหายและข้อผิดพลาดในการอ้างมาตรากฎหมาย
คำบรรยายฟ้องความผิดฐานเบิกความเท็จที่ชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยในความผิดฐานเบิกความเท็จอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา177 แต่โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180 เป็นเรื่องที่โจทก์อ้างมาตรา ผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามความผิดที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
โจทก์บรรยายฟ้องถึงการกระทำของจำเลยในความผิดฐานเบิกความเท็จอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา177 แต่โจทก์มีคำขอท้ายฟ้องให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 180 เป็นเรื่องที่โจทก์อ้างมาตรา ผิด ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยตามความผิดที่ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 390/2521
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากไม่บรรยายรายละเอียดข้อสำคัญในคดีที่จำเลยเบิกความเท็จ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญา คำบรรยายฟ้องของโจทก์เข้าใจได้แต่เพียงว่าจำเลยเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีอาญาซึ่ง ส. ถูกฟ้องฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเท่านั้น ส.กระทำการอย่างใดอันเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตโจทก์มิได้บรรยายมาในฟ้อง จึงไม่ทำให้เข้าใจได้ว่าข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลดังกล่าวนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีที่ ส. ถูกฟ้องนั้นหรือไม่คำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 390/2521 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
คำฟ้องไม่ชอบด้วยกฎหมายเนื่องจากไม่ได้บรรยายรายละเอียดข้อสำคัญในคดีที่จำเลยเบิกความเท็จ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีอาญา คำบรรยายฟ้องของโจทก์เข้าใจได้แต่เพียงว่าจำเลยเบิกความเท็จในการพิจารณาคดีอาญาซึ่ง ส.ถูกฟ้องฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยสุจริตและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเท่านั้น ส. กระทำการอย่างใดอันเป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่โดยทุจริตโจทก์มิได้บรรยายมาในฟ้อง จึงไม่ทำให้เข้าใจได้ว่าข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลดังกล่าวนั้นเป็นข้อสำคัญในคดีที่ ส. ถูกฟ้องนั้นหรือไม่ คำฟ้องของโจทก์จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2034/2520
ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้
ข้อจำกัดการอุทธรณ์คดีอาญาอัตราโทษต่ำกว่า 3 ปี และความสมบูรณ์ของฟ้องในความผิดเบิกความเท็จ/แสดงหลักฐานเท็จ
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในความผิดฐานปลอมเอกสารตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งว่าคดีไม่มีมูล ดังนี้ โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ
ฟ้องของโจทก์ในความผิดฐานเบิกความเท็จมิได้บรรยายว่าจำเลยเบิกความว่าอย่างไร ที่โจทก์ถือว่าจำเลยเบิกความเท็จในข้อสำคัญในคดี ส่วนในความผิดฐานนำสืบหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จก็มิได้บรรยายว่าเหตุเกิดขึ้นเมื่อไร ดังนี้ เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158
ฟ้องของโจทก์ในความผิดฐานเบิกความเท็จมิได้บรรยายว่าจำเลยเบิกความว่าอย่างไร ที่โจทก์ถือว่าจำเลยเบิกความเท็จในข้อสำคัญในคดี ส่วนในความผิดฐานนำสืบหรือแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จก็มิได้บรรยายว่าเหตุเกิดขึ้นเมื่อไร ดังนี้ เป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158