คำพิพากษาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมาย
ป.อ. ม. 177

พบผลลัพธ์ทั้งหมด 430 รายการ

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเบิกความเท็จ: คำเบิกความที่เป็นเหตุให้ยึดทรัพย์ถือเป็นข้อสำคัญ แม้โจทก์มิได้บรรยายความจริง
ในคดีเบิกความเท็จ คำเบิกความของจำเลยในชั้นไต่สวนคำร้องขอให้ยึดทรัพย์ก่อนพิพากษาในคดีของศาลแพ่งที่ระบุมาในฟ้อง อันเป็นเหตุให้ศาลแพ่งเชื่อและมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ไว้ก่อนพิพากษา เป็นคำเบิกความในข้อสำคัญแห่งคดี แม้โจทก์จะเพียงระบุกล่าวข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลว่า โจทก์ยักย้ายทรัพย์ไปที่อื่น เซ้งร้านให้คนอื่น และโจทก์ไม่มีทรัพย์ที่อื่นอีก ซึ่งเป็นข้อความเท็จ ก็เป็นที่เข้าใจได้ในตัว ไม่จำต้องกล่าวย้ำอีกชั้นหนึ่งว่า ความจริงมิใช่เป็นดังที่จำเลยเบิกความ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158(5) แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1171/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ เบิกความเท็จในชั้นยึดทรัพย์: ฟ้องสมบูรณ์เมื่อความเท็จเป็นที่เข้าใจได้
ในคดีเบิกความเท็จ คำเบิกความของจำเลยในชั้นไต่สวนคำร้องขอให้ยึดทรัพย์ก่อนพิพากษาในคดีของศาลแพ่งที่ระบุมาในฟ้อง อันเป็นเหตุให้ศาลแพ่งเชื่อและมีคำสั่งให้ยึดทรัพย์ไว้ก่อนพิพากษา เป็นคำเบิกความในข้อสำคัญแห่งคดี แม้โจทก์จะเพียงระบุกล่าวข้อความที่จำเลยเบิกความต่อศาลว่า โจทก์ยักย้ายทรัพย์ไปที่อื่น เซ้งร้านให้คนอื่น และโจทก์ไม่มีทรัพย์ที่อื่นอีก ซึ่งเป็นข้อความเท็จ ก็เป็นที่เข้าใจได้ในตัว ไม่จำต้องกล่าวย้ำอีกชั้นหนึ่งว่า ความจริงมิใช่เป็นดังที่จำเลยเบิกความ ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องที่สมบูรณ์ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158(5) แล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2511 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ: การสมยอมกับผู้ต้องหาไม่ทำให้โจทก์เสียสิทธิฟ้อง
จำเลยเอาข้อความที่โจทก์แจ้งต่อเจ้าพนักงานสรรพสามิตไปฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานซึ่งจำเลยทราบดีว่าหาใช่ความเท็จไม่แต่ฉวยโอกาสที่โจทก์ทำหลักฐานอันไม่ตรงกันความจริงไว้ที่พนักงานสอบสวนอันเนื่องมาจากที่โจทก์จำเลยสมยอมกันเพื่อขอรับเงินรางวัลนำจับฝิ่น มาฟ้องกล่าวหาโจทก์ ข้อตกลงสมยอมเช่นนี้ จะถือว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายอันจะมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานฟ้องเท็จและเบิกความเท็จในคดีนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2511

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ: โจทก์สมยอมทำหลักฐานเท็จ แต่จำเลยฉวยโอกาสฟ้องเท็จ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้อง
จำเลยเอาข้อความที่โจทก์แจ้งต่อเจ้าพนักงานสรรพสามิตไปฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน. ซึ่งจำเลยทราบดีว่าหาใช่ความเท็จไม่. แต่ฉวยโอกาสที่โจทก์ทำหลักฐานอันไม่ตรงกันความจริง.ไว้ที่พนักงานสอบสวนอันเนื่องมาจากที่โจทก์จำเลยสมยอมกันเพื่อขอรับเงินรางวัลนำจับฝิ่น มาฟ้องกล่าวหาโจทก์. ข้อตกลงสมยอมเช่นนี้ จะถือว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายอันจะมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานฟ้องเท็จและเบิกความเท็จในคดีนี้หาได้ไม่.

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 669/2511 เวอร์ชัน 3 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การฟ้องเท็จและการเบิกความเท็จ โดยอาศัยหลักฐานที่เกิดจากข้อสมยอมของผู้เสียหาย สิทธิฟ้องของผู้เสียหาย
จำเลยเอาข้อความที่โจทก์แจ้งต่อเจ้าพนักงานสรรพสามิตไปฟ้องโจทก์กล่าวหาว่าแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน ซึ่งจำเลยทราบดีว่าหาใช่ความเท็จไม่ แต่ฉวยโอกาสที่โจทก์ทำหลักฐานอันไม่ตรงกันความจริงไว้ที่พนักงานสอบสวนอันเนื่องมาจากที่โจทก์จำเลยสมยอมกันเพื่อขอรับเงินรางวัลนำจับฝิ่น มาฟ้องกล่าวหาโจทก์ ข้อตกลงสมยอมเช่นนี้ จะถือว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายอันจะมีอำนาจฟ้องจำเลยฐานฟ้องเท็จและเบิกความเท็จในคดีนี้หาได้ไม่

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการไม่โต้แย้งคำสั่งภายในกำหนดตามกฎหมาย ทำให้ฎีกาในประเด็นดังกล่าวตกไป
ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ขาดนัดแล้วพิพากษายกฟ้อง เมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ภายในกำหนดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 แต่กลับยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วไม่อนุญาต โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ โจทก์จะฎีกาอ้างว่าที่ศาลพิพากษาว่าโจทก์ขาดนัดนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 หาได้ไม่ เพราะคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ว่าโจทก์ขาดนัดชอบหรือไม่เป็น อันยุติแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1194/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การขาดนัดพิจารณาคดีและการไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนอุทธรณ์ ทำให้ฎีกาไม่รับพิจารณา
ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์ขาดนัดแล้วพิพากษายกฟ้องเมื่อโจทก์มิได้อุทธรณ์ภายในกำหนดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 198 แต่กลับยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วไม่อนุญาต โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ดังนี้ โจทก์จะฎีกาอ้างว่าที่ศาลพิพากษาว่าโจทก์ขาดนัดนั้นเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 หาได้ไม่ เพราะคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ว่าโจทก์ขาดนัดชอบหรือไม่เป็นอันยุติแล้ว

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1150/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ การเบิกความเท็จที่ไม่เป็นสาระสำคัญในคดีแพ่ง ไม่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
คู่ความพิพาทกันในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน โจทก์อ้างว่าผู้ตายได้ยกที่พิพาทให้และโจทก์ได้ครอบครองตลอดมา จำเลยต่อสู้ว่าเป็นทายาทและได้รับมรดก แต่ได้ให้โจทก์ดูแลแทน คู่ความรับกันว่าผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ จำเลยเบิกความเป็นพยานในคดีนั้นว่าได้ไปที่บ้านผู้ตายเพื่อทำพินัยกรรม แต่ผู้ตายไม่รู้สึกตัวจึงไม่ได้ทำพินัยกรรม ข้อความที่จำเลยเบิกความนี้ ไม่ใช่ประเด็นแห่งคดี จึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี แม้จะเป็นความเท็จ ก็ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1150/2510

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ ความเท็จในการเบิกความที่ไม่เป็นสาระสำคัญในคดีแพ่ง ไม่เข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
คู่ความพิพาทกันในเรื่องกรรมสิทธิ์ที่ดิน โจทก์อ้างว่าผู้ตายได้ยกที่พิพาทให้และโจทก์ได้ครอบครองตลอดมา จำเลยต่อสู้ว่าเป็นทายาทและได้รับมรดก แต่ได้ให้โจทก์ดูแลแทน คู่ความรับกันว่าผู้ตายไม่ได้ทำพินัยกรรมไว้ จำเลยเบิกความเป็นพยานในคดีนั้นว่าได้ไปที่บ้านผู้ตายเพื่อทำพินัยกรรมแต่ผู้ตายไม่รู้สึกตัวจึงไม่ได้ทำพินัยกรรม ข้อความที่จำเลยเบิกความนี้ ไม่ใช่เป็นประเด็นแห่งคดี จึงไม่ใช่ข้อสำคัญในคดี แม้จะเป็นความเท็จ ก็ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177

คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1082/2510 เวอร์ชัน 2 คำพิพากษาฎีกานี้ มีเนื้อหาจากเว็บทางการหลายรูปแบบ

ชื่อเรื่องฎีกานี้ถูกสร้างโดย Ai ทางเว็บขอไม่รับรองความถูกต้อง โปรดตรวจสอบความถูกต้องก่อนนำไปใช้ อำนาจฟ้องเบิกความเท็จ: จำเลยยังไม่มีสิทธิฎีกาจนกว่าศาลชั้นต้นจะประทับฟ้อง
ชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ศาลชั้นต้นพิจารณายกฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนและพิจารณาพิพากษาต่อไปตามมูลคดี ดังนี้ จำเลยจะฎีกาหาได้ไม่เพราะประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 165 วรรค 3 ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะประทับฟ้อง มิให้ถือว่าจำเลยอยู่ในฐานะเช่นนั้น ฉะนั้น จึงเป็นเรื่องระหว่างศาลกับโจทก์
of 43